ตอนที่ 172 โชคชะตาฟ้าลิขิต (7)
มุมปากด้านขวาของมู่ลี่ไป๋ยกยิ้ม นึกถึงตัวเองเมื่อก่อนที่ทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมพูดจา ไม่น่าล่ะเธอถึงได้ตำหนิเขา ไม่น่าล่ะเธอถึงคิดที่จะจากเขาไป
ลมพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง มู่ลี่ไป๋ห่มผ้าให้เยี่ยฉิน “ไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม?” เขามองนาฬิกาบนมือของตัวเอง ตอนนี้ผ่านไปนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากคนที่อยู่บนเตียง ความขมขื่นผุดขึ้นในใจของเขา เพราะว่าเขาอยู่ข้างกายเธอ ในจิตใต้สำนึกจึงไม่อยากเจอเขา
มือของเขาสั่น เดินไปยังข้างหน้าต่าง ยื่นมือลูบไล้ช่องหน้าต่างสีขาวบริสุทธิ์
เขายังจำได้หลังจากที่เยี่ยฉินวางสายไปแล้ว ไม่ว่าเขาทำอย่างไรก็ไม่สามารถสงบจิตใจของตัวเองลงได้ กระโดดออกจากหน้าต่างทันที คนในสวนทำเป็นมองไม่เห็น ชั้นสองนั้นค่อนข้างสูง มู่ลี่ไป๋เหมือนกับได้ยินข้อเท้าของเขาส่งเสียงไม่สมดุลย์กัน เขาพุ่งไปที่รถของตัวเองอย่างทะลุกทุเล แล้วออกไป
เธออยู่ที่ไหน? มู่ลี่ไป๋ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มาถึงบาร์แห่งหนึ่งข้างมหาวิทยาลัยด้วยความแน่วแน่มาก เขายังจำได้ว่าเขาเคยบอกเธอว่าอย่ามาที่นี่
มู่ลี่ไป๋เห็นเยี่ยฉินถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน มือก็กำแน่นด้วยความโกรธ เขาเตะทุกอย่างที่ขวางทางเขา คว้าข้อมือของเยี่ยฉินอย่างแรง
“คุณทำอะไรน่ะ” เยี่ยฉินดิ้นรนไม่หยุด มู่ลี่ไป๋ไม่พูดจา เมื่อเธอเห็นว่าตัวเองไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ก็ก้มลงกัดแขนของมู่ลี่ไป๋อย่างแรง จนกระทั่งกลิ่นเลือดที่หนักหน่วงบุกเข้าไปในโพรงจมูก ก็ไม่เห็นว่ามู่ลี่ไป๋จะมีท่าทีปล่อยมือ
“พอแล้วยัง?” เดิมทีมู่ลี่ไป๋อยากจะหัวเราะ แต่ว่าใบหน้านั้นแข็งทื่อจนตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ เหลือบมองอย่างเย็นชา
เขากวาดตามองคนรอบกายเยี่ยฉินอย่างเยือกเย็น แววตาที่เย็นเยียบนั้นทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสั่นด้วยความกลัว และก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“คุณปล่อยนะ ฉันไม่อยากไปกับคุณ คุณมีสิทธิ์อะไร”
มู่ลี่ไป๋รู้สึกว่าเส้นเอ็นบนหัวเต้นตุบๆ เขาดึงเธอเข้ามากอด “พวกเรากลับไปค่อยคุยกัน”
“ใครจะกลับไปกับคุณ พวกเราเลิกกันแล้ว ฉันไม่อยากกลับไปกับคุณ มู่ลี่ไป๋ คุณหาคนอื่นมาเล่นเกมส์เถอะ ไปหาคุณหนูหลี่คุณหนูจางของคุณซะ ฉันเยี่ยฉินใช่ว่าจะขาดคุณไม่ได้” เธอดิ้นรนสุดกำลังที่เธอมี อาศัยจังหวะที่มู่ลี่ไป๋เหม่อลอยผลักเขาออกไป ตัวเองก็ตุปัดตุเป๋สองสามก้าว
“เยี่ย…”
เยี่ยฉินมองเขาอย่างเย็นชา แววตาที่เย็นชาไม่คุ้นเคยนั้นทำให้มู่ลี่ไป๋หยุดเดิน
“เยี่ยฉิน”
เยี่ยฉินดึงกระเป๋าที่อยู่ข้างเคาน์เตอร์เข้ามากอด เดินลับสายตามู่ลี่ไป๋ด้วยแผ่นหลังที่ตั้งตรง
ความห่างเหินและเย็นชา กันทุกคนออกจากรอบตัวเขา
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?
มู่ลี่ไป๋ห้ามปรามตัวเองไม่ให้เดินตามไป “สนุกไหม?” สามคำสั้นๆ ทำให้ทุกคนแตกตัวเป็นนกแตกรัง เขาซดเหล้าอย่างเอาเป็นเอาตายแก้วแล้วแก้วเล่า
มู่ลี่ไป๋ส่ายหน้า ปิดหน้าต่าง พิงหน้าต่างมองเยี่ยฉิน
“ถ้าลูกไม่ไป แม่จะก็ตายอยู่ที่โรงพยาบาลนี่แหละ”
“แม่ครับ ทำไมแม่ชอบบังคับผมอยู่เรื่อย”
“แม่บังคับแก แกต่างหากที่บังคับแม่ แกทำให้แม่ผิดหวังเกินไปแล้ว หึ ถ้าแกไม่ไป แม่ก็จะคิดซะว่าไม่เคยมีลูกชายอย่างแก เรื่องของแม่แกก็ไม่ต้องมายุ่ง”
“แม่”
“คุณนายมู่ คุณนายมู่ คุณหมอ…” เสียงดังอลหม่านดังมาจากปลายสาย…
เขามองดูเบอร์ที่คุ้นเคยบนโทรศัพท์มือถือ ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีความกล้าที่จะกดรับสาย เขาครุ่นคิดแล้วส่งข้อความไป
ดังก้อนหินที่จมสู่ทะเลลึก เขาไม่เห็นเยี่ยฉินฟื้นขึ้นมาตลอดทั้งคืน
เขาควรจะทำอย่างไร จึงจะสามารถรักษาความสมดุลย์ของความสัมพันธ์นี้ได้
“ลี่ไป๋ ลูกอย่าเอาแต่ใจได้ไหม”
“คุณพ่อ”
“ลูกคิดให้ดี พ่อจะไม่พูดมาก แม่ของลูก…เพื่อลูกแล้ว”
“ผมรู้แล้วครับ”
คุณพ่อของมู่ลี่ไป๋รีบออกไปจากโรงพยาบาล ถอนหายใจ สองคนนี้ช่างน่ารำคาญจริงๆ
เขาเดินเข้ามาที่เตียงของแม่ตัวเอง พูดด้วยเสียงต่ำที่สุด “แม่ครับ ผมจะไป แต่ว่ามีเงื่อนไขนึง”
มือของผู้หญิงที่อยู่บนเตียงขยับ แต่ยังไม่คิดที่จะลืมตา
“ไว้ผมกลับมาแล้ว เรื่องหลังจากนั้นปล่อยให้ผมตัดสินใจได้ไหมครับ?”
“แม่อยากให้ผมไปประเทศ U ผมก็ไป อยากให้ผมประสบความสำเร็จในวงการแพทย์ ผมก็ทำให้ได้ แล้วก็มีความสุขด้วย แต่ว่าแม่ครับ เรื่องชีวิตรักของผมให้ผมตัดสินใจได้ไหม”
“แม่ครับ เยี่ยฉินเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ จริงๆ ไว้แม่ได้รู้จักกับเขาสักพักนึงแล้ว แม่ก็จะชอบเขาเหมือนกัน”
“ลี่ไป๋”
“แม่ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ” พูดจบก็ออกจากห้องคนไข้ไป
เธอนอนอยู่บนเตียง พิงอยู่บนเงาของลูกตัวเองที่กำลังจากไป รูปร่างเขาสูงใหญ่ ลูกของเธอโตแล้วจริงๆ
เธอถอนหายใจ หลับตาลงอีกครั้ง อย่างน้อยเรื่องราวก็ได้รับการแก้ไขแล้ว
มู่ลี่ไป๋กำลังคิดว่าถ้าตอนนั้นเขาจากไปโดยพูดอะไรสักอย่าง ตอนนี้มันจะแตกต่างกันหรือเปล่า?
หรือว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว เขาจะจากไปหรือไม่ก็มีอะไรแตกต่างล่ะมั้ง
จู่ๆ ประตูก็เปิดออก ผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเป็นหมอเดินเข้ามา เขาพิงอยู่ข้างมู่ลี่ไป๋ วางข้อศอกไว้บนบ่าของเขา
“ยังไม่ตื่น?”
“อืม”
“หึ” เขานวดคางของตัวเอง “ตั้งใจแหละ น่าจะตื่นตั้งนานแล้ว”
เยี่ยฉินได้ยินพวกเขาสองคนคุยกัน มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มออกแรงเล็กน้อย
มู่ลี่ไป๋กวาดสายตา พูดเสียงเบา “ช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยดี ไปคุยข้างนอก”
“ไม่ต้องหรอก” ลั่วจื่อจี้ย่นจมูก “พี่ชายกับอาซ้อของฉันรู้เรื่องนี้แล้ว อาซ้องอแงว่าจะมา”
“อี้เป่ยซี?”
ลั่วจื่อจี้พยักหน้าอย่างจนปัญญาเล็กน้อย “ฉะนั้นนะ ให้ฉันได้สร้างความประทับใจต่อหน้าพี่สะใภ้อย่างเร็วที่สุดเถอะ”
มู่ลี่ไป๋บีบๆ คิ้ว “อืม”
“ยากมากเลยเหรอ? ให้ฉันช่วยไหม?”
“ไม่ต้อง” พูดจบก็ก้าวออกไปจากห้องคนไข้อย่างสง่างามแล้ว ลั่วจื่อจี้ออดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอยู่ด้านหลังเขา
มู่ลี่ไป๋นี่เหมือนกับลั่วจื่อหานจริงๆ สมองไม่รู้จักคิด
“คุณหนูเยี่ย?”
เยี่ยฉินไม่ได้ตอบสนอง ลั่วจื่อจี้หัวเราะ เดินมาด้านข้าง
“ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของพวกคุณหรอกนะ แต่ว่าคุณหนูเยี่ย คุณไม่อยากลองดูสักครั้งจริงๆ เหรอ มีผมอยู่ คุณก็จะได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถ้าคุณยังดึงดันต่อไป ผมก็รับประกันอะไรไม่ได้แล้ว”
“คุณหนูเยี่ย รักษาตัวให้ดี” พูดจบก็เดินลากเท้าจากไปแล้ว เยี่ยฉินจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
————