หลังจากเข้ามาข้างในกันแล้ว วาห์นก็ใช้พลังสำรวจทั่วตัวคฤหาสน์และเห็นว่าเฮสเทียยังนอนอยู่ชั้นบน
จากถุงใต้ตาที่เห็นตอนล่าสุด เขาเดาว่าเมื่อคืนเธอคงตื่นเต้นหนักจนแทบไม่ได้นอนเลย
วาห์นพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นถัดจากห้องอาหารและนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง
มิลานลงมานั่งข้างๆ ขณะที่เขาพยายามปลอบทีน่าซึ่งกำลังสะอื้นอยู่ตรงซอกคอ
หญิงสาวพิงไหล่ของวาห์นขณะใช้มือลูบหลังผู้เป็นลูกอย่างเอ็นดู
มิลานนั้นเข้าใจหัวอกของทีน่าดี เพราะแม้แต่เธอเองยังรู้สึกถึงบางอย่างหลังจากที่เห็นวาห์นในร่างมนุษย์แมว
จุดที่เธอเห็นว่าวาห์นมีส่วนใกล้เคียงกับอดีตสามีที่สุดก็คือผมสีเกาลัด ส่วนสูง และรูปร่างที่มีขนาดพอๆ กัน ถ้าจะให้แถมอีกจุดก็คือการที่เขาดูแลเอาใจใส่ทั้งสองเป็นอย่างดีนี่แหละ
หากไม่ใช่เพราะมีหน้าตาและท่าทางคนละแบบ เธอก็คงเข้าใจผิดไปด้วยอีกคน
ทีน่านั้นเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเล็ก สิ่งที่เธอพอจะจำได้ก็มีแค่สีผมกับรูปร่างลางๆ เท่านั้น
ต่อให้รู้ว่าคนๆ นี้คือวาห์น แต่ความทรงจำบวกกับช่วงเวลาที่อยู่กับเขาทำให้เธอระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและจะไม่มีวันได้เจอกันอีก
ผ่านไป 2-3 นาที ทีน่าก็พยายามพูดบางอย่างออกมา
“นายไม่ใช่ป่ะป๊า…”
อาจฟังเหมือนคำพูดตัดพ้อ แต่ทีน่ากลับกอดวาห์นแน่นยิ่งกว่าเดิมก่อนจะพูดซ้ำอีกครั้ง
“นายไม่ใช่ป่ะป๊า…”
วาห์นใช้มือลูบแผ่นหลังเล็กๆ ด้วยอีกคนขณะสบตากับมิลานที่มีสีหน้าอ่อนล้า
หญิงสาวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน เพราะสิ่งที่ทีน่าพูดนั้นคือความจริง
หากดูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามในตอนนี้ จะให้ตีว่าวาห์นเปรียบเสมือนพ่อเลี้ยงของทีน่าก็ไม่ถูกอีก
—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
วาห์นฮัมเพลงเบาๆ ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยขณะมองดูใบหน้าของเด็กสาวจากด้านข้าง
ทีน่าหันหน้าหนีทันที ราวกับว่าเธอพยายามจะไม่มองวาห์นที่ยังอยู่ในร่างนี้
พอเขาจะพูดบ้าง เธอก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันไม่ชอบแบบนี้… ไม่ชอบที่นายทำเหมือนฉันเป็นเด็ก…”
แต่ไม่ว่าจะพูดค้านยังไง มือของเด็กสาวก็ยังกอดติดลำคอของเขาแน่น
ทีน่าในตอนนี้ดูลำบากใจมาก วาห์นจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรและพยายามปลอบเธอต่อ
เขาอยากพูดออกไปว่าไม่ได้เห็นเธอเป็นแค่เด็ก ว่าเธอดูเป็นคนมีเหตุผลกว่าตัวเองด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างกลับไปกระจุกอยู่ตรงลำคอ
ราวกับรู้ว่าวาห์นยังคิดอะไรไม่ออก ทีน่าจึงเริ่มพูดต่อไปอีก
“ฉันจะพยายามไปเรื่อยๆ… พยายามเข้มแข็งกว่านี้… แต่ตอนนี้… ปลอบฉันต่ออีกหน่อยนะ ขอร้องล่ะ”
วาห์นนั่งข้างมิลานขณะปลอบเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนจนกระทั่งหมดช่วงเวลาฝึกซ้อม
ทั้งสามอยู่กันแบบเงียบๆ และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอบอุ่นจนกระทั่งหูของทีน่ากระดิกเพราะได้ยินเสียงคนอื่นเดินเข้ามาจากทางประตูด้านหลัง
หลังจากสูดหายใจลึก 2-3 ครั้ง ทีน่าก็ขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำทะเลด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความหวัง
วาห์นยิ้มให้พลางยกมือขึ้นโดยหมายจะลูบหัว แต่เด็กสาวกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้และมอบจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะโดดลงจากตักไป
มิลานมองดูลูกสาวเดินจากไปโดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ร่างเล็กๆ พุ่งผ่านประตูไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเธอกำลังพยายามไปให้ถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนคนอื่น
วาห์นคาดว่าเธอคงอยากโดดลงอ่างน้ำเพื่อปกปิดหลักฐานที่เคยร้องไห้และพยายามสงบจิตใจของตัวเองให้เร็วที่สุด
จากด้านข้างของเขา ในที่สุดมิลานก็ยอมพูดออกมา
“วาห์น… เป็นแบบนี้มันดีแล้วเหรอ?”
ตอนนี้หญิงสาวยังคงนั่งซบไหล่ของเขาเหมือนเดิม ความอบอุ่นจากร่างกายของเธอเป็นเครื่องยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
เขาสัมผัสได้ถึงความลังเลแบบเดียวกับตอนที่ขอให้เธอกับลูกสาวย้ายมาอยู่ด้วยในตอนแรก
วาห์นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
“ฉันแค่อยากให้พวกเธอมีความสุข พูดแบบนี้อาจฟังดูแปลก ที่จริงอาจจะหยาบคายเลยด้วย แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดกับเธอและทีน่าแบบนั้น
เธอเป็นคนที่ดีและเป็นแม่ที่ดีมากเลยนะ สักวันฉันคงจะก้าวข้ามเส้นนั่นไป แต่ตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่พร้อม…
ทีน่าเองก็เหมือนกัน แถมตอนนี้เธอยังเด็กมาก…
ฉันพอมองออกว่าความรู้สึกที่ทีน่ามีให้มันผิดปกติหน่อยๆ
เรื่องนี้เราคงต้องคอยดูเธอเติบโตไปพร้อมกับคนอื่นและไม่ปล่อยไว้เฉยๆ…”
แม้จะได้ยินวาห์นพูดอย่างชัดเจนแล้ว แต่มิลานก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหน
เธอเองก็ยังไม่ได้คิดกับวาห์นแบบนั้นเช่นกัน ความพยายามส่วนใหญ่นั้นจริงๆ หมดไปกับการคอยช่วยลูกสาวมากกว่า
มิลานยอมรับว่าวาห์นเป็นคนดีและทำให้เธอรู้สึก ‘อุ่นใจ’ มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่สิ่งที่มากั้นทุกอย่างเอาไว้ก็คือความรู้สึกของผู้เป็นลูก…
ที่จริงเธอก็อยากใช้เวลากับวาห์นเช่นกัน ‘ความต้องการ’ ของภรรยาหม้ายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ควรมองข้ามหรือเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ
มิลานรู้แล้วว่าตอนนี้วาห์นจะคอยดูแลและปกป้องเธออย่างถึงที่สุด… ไม่ว่าเธอจะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมามากแค่ไหนก็ตาม
สิ่งๆ เดียวที่มายั้งเธอไว้ก็คือทีน่า ลูกสาวที่เธอรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง
วาห์นถอนหายใจข้างในเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังทำตัวเหมือนเดิม
“เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกมาก… ไม่จำเป็นที่จะต้องมาคิดตัดสินใจอะไรในตอนนี้หรอก
แล้วก็ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เธอจะมาฝึกกับทีน่าและคนอื่นๆ ด้วยก็ได้นะ
แต่ต่อให้ไม่อยากเข้าไปในดันเจี้ยนอีกเลย สถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นบ้านให้กับพวกเธอไปตลอดอยู่ดี…”
มิลานพยักหน้าช้าๆ และทำให้วาห์นรู้สึกจั๊กจี้เพราะใบหูที่มาเกลี่ยอยู่ตรงลำคอ
“ขอบใจนะวาห์น… สำหรับทุกอย่างที่นายทำให้…”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและเผยรอยยิ้มจริงใจที่หาดูได้ยาก… โดยเฉพาะตั้งแต่หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น
เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะทำแบบเดียวกับลูกสาว
นับเป็นจูบที่สั้น เรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจ
มิลานกระซิบเบาๆ หลังจากที่ถอยออกไปแล้ว
“ขอบคุณสำหรับเรื่องที่นายคิดเผื่อในอนาคตด้วยนะ… แล้วก็ขอบคุณที่มาช่วยชีวิตพวกเราไว้… ขอบคุณจริงๆ…”
พอพูดเสร็จแล้วเธอก็ยิ้มให้ ก่อนจะใช้นิ้วดีดเข้าที่หูแมวจนพวกมันกระตุกให้เห็น
ในระหว่างที่เดินออกไปเพื่อเตรียมอาหารเช้า มิลานก็หันกลับมาพูดทิ้งท้าย
“หูแมวก็ดูน่ารักดีนะ แต่ฉันชอบนายแบบร่างปกติมากกว่าล่ะ~เมี๊ยว”
ราวกับโดนกล่าวเตือนเบาๆ วาห์นเริ่มเปลี่ยนกลับไปอยู่ร่างมนุษย์ขณะจ้องมองอีกฝ่ายเดินออกจากประตู
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบ วาห์นนอนลงกับโซฟาและถอนหายยาวๆ ราวกับเก็บกดมันไว้นานแล้ว
เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าต่อให้ร่างกายผ่อนคลายแค่ไหน ตอนนี้จิตใจกลับรู้สึกว้าวุ่นไปหมด
วาห์นคิดว่าตัวเองควรจะเด็ดเดี่ยวกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ หรืออย่างน้อยก็ต้องหมั่นสอดส่องสภาพจิตใจของคนอื่นก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป
เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่ทดลองอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ดันเกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว…
หากไม่คิดจะ ‘ลงหนัก’ เขาก็ควรลดความสนใจเรื่องชีวิตของคนอื่นซะบ้าง ตัวเลือกมีอยู่แค่สองอย่างนี้เท่านั้น
ตอนนี้เกือบทุกคนกำลังอาบน้ำกันอยู่ นอกเหนือจากนั้นก็มีเฮสเทียที่เพิ่งตื่นนอน มิลานที่กำลังเตรียมอาหารในห้องครัว และออร่าสีอ่อนดวงสุดท้ายนี่น่าจะเป็นพรีเซีย
เขาสัมผัสได้ว่าสาวมนุษย์แกะกำลังเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางเดินราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
เนื่องจากไม่ได้มาร่วมฝึกด้วย เธอจึงไม่ได้ไปอาบน้ำและไม่ได้ไปห้องอาหารที่ซึ่งทุกคนมักจะไปรวมตัวกัน
วาห์นค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เธอกำลังมองหาอยู่ก็คือเขานั่นเอง… นี่ต่อให้เขาไม่ได้ไปมองหาใคร เดี๋ยวก็จะมีคนออกหาเขาเองสินะ…
ไม่ใช่ว่าวาห์นไม่อยากเจอหน้าพรีเซีย แต่เขารู้ว่าจิตใจของเธอยังไม่ปกติดีนัก โดยเฉพาะหลังจากที่เพิ่งจะรักษาแผลเป็นกันไปหยกๆ
การปล่อยให้เธอหันมาพึ่งพาเขาจนเกินเหตุคือสิ่งที่วาห์นพยายามจะเลี่ยงหากสามารถทำได้
หากปล่อยให้เธอมาอยู่กับเขาแบบสองต่อสองนี่ก็… เหมือนเหยียบกับระเบิด (อันที่ล้านของวัน) ดีๆ นี่เอง
วาห์นค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินที่ทางหน้าต่างบานหนึ่งของห้องแทน…
—
พอออกด้านนอก เขาก็ปีนขึ้นไปข้างบนเพื่อหาฐานยืนที่พอจะใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ได้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดที่สูงที่สุดทางฝั่งปีกตะวันออก
วาห์นรู้สึกละอายใจอยู่บ้างที่ต้อง ‘หลบหนี’ ออกจากคฤหาสน์ของตัวเอง แต่เขาเชื่อว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวพรีเซียเอง
การลงมานอนบนพื้นหลังคาเย็นยะเยือกนั้นเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับวาห์นอย่างน่าประหลาด
ตามปกติแล้ว [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] จะต้านทานอากาศหนาวได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้วาห์นจำกัดพลังของมันไว้และปล่อยให้ความเย็นพุ่งผ่านร่างกายตามปกติ
เขานอนอยู่แบบนั้นเกือบชั่วโมง จนกระทั่งสัมผัสได้ว่ามีพลังงานแปลกปลอมพุ่งใส่เบาๆ
สัญชาตญาณทำงานอย่างรวดเร็วและสรุปออกมาได้ว่าเขากำลังโดน ‘ตรวจจับ’ หรือถ้าเป็นในกรณีที่คิดไว้ก็คือผลจากสกิลตามหาของมิโคโตะนั่นเอง
หลังจากเดินพลังเพื่ออบอุ่นร่างกายเหมือนเดิม วาห์นก็ใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] กลับลงมาชั้นล่าง
ที่จริงจะกระโดดลงมาทั้งแบบนั้นเลยก็ได้ แต่เขาขี้เกียจมานั่งซ่อมรอยร้าวบนพื้นในภายหลัง
เขาเดินเข้าประตูด้านหน้าและพุ่งตรงไปยังห้องอาหารที่ซึ่งทุกคนมารออยู่ก่อนแล้ว
ความหนาวเย็นทำให้วาห์นรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ไม่นานเขาก็ได้พบกับใบหน้าของเหล่ามิตรสหาย สมาชิกแฟมิเลีย และเหล่าคนรัก
หลังกล่าวทักทายทุกคนเรียบร้อย วาห์นก็มานั่งที่โต๊ะโดยมีริวกับเฮสเทียนั่งขนาบข้างก่อนจะมองไปรอบๆ และเห็นว่าฮารุฮิเมะกับมิโคโตะยังคงใส่กิโมโนแบบเดิม
ข้อสงสัยเรื่องชุดชั้นในของฮารุฮิเมะยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจ เขาจึงต้องแก้ไขเรื่องนี้ทันที
“ในช่วงบ่าย ฉันจะให้ริวพาพวกเธอบางคนออกไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นต่างๆ ในตัวเมืองนะ
จำนวนสมาชิกของเราเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวภายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และฉันรู้ว่าบางคนยังไม่มีเสื้อผ้าส่วนตัวใส่เลยแม้แต่ชุดเดียว”
เพราะรู้ว่าเกือบทุกคนต้องอยากออกไปข้างนอกด้วยกันกับเขาแน่ๆ วาห์นเลยใช้ชื่อของริวโดยที่ไม่ได้ขอเธอก่อน
เอลฟ์สาวดูไม่ติดใจอะไรนักและพยักหน้าเป็นการตอบรับแทน
ฮารุฮิเมะแสดงท่าทางดีใจที่จะได้ออกไปช้อปปิ้งข้างนอก นั่นทำให้วาห์นรู้สึกผิดหนักยิ่งกว่าเดิม
“ขอโทษด้วยนะฮารุฮิเมะ
ฉันคงให้เธอออกไปนอกคฤหาสน์ไม่ได้จนกว่าจะจบเรื่องกับทางอิชทาร์แฟมิเลีย
เรายังมีเวลาอีกมากในอนาคต เมื่อถึงตอนนั้นแล้วฉันจะเป็นคนพาเธอไปเองนะ”
สีหน้ามุ่ยๆ ในตอนแรกเลือนหายไปทันทีที่ได้ยินวาห์นพูดประโยคหลัง
“ฉันจะรอนะคะ~! แต่พอถึงตอนนั้นแล้วขอไปกันแค่สองคนจะได้หรือเปล่านะ~?” ฮารุฮิเมะเอ่ยถามพลางกัดปลายนิ้วของตัวเองเบาๆ
เนื่องจากไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพาผู้หญิงออกไป ‘เดตส่วนตัว’ วาห์นจึงพยักหน้าให้กับคำขอของเธอ
คำตอบของวาห์นทำให้เรนาร์ดสาวดีใจจนออกนอกหน้าและเริ่มใช้ตะเกียบคีบอาหารทานอย่างสบายอารมณ์
ทุกคนเริ่มคุยเล่นกันเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ส่วนหัวข้อหลักๆ ก็คือของที่พวกเธออยากได้
วาห์นเคยขายของให้กับทางกิลด์หลายอย่างในอดีต ตอนนี้เรื่องเงินจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
หลายๆ คนโดยเฉพาะเหล่าสมาชิกหน้าใหม่นั้นต้องตกเป็นทาส สมบัติอะไรก็ไม่มีสักชิ้น วาห์นจึงอยากสนับสนุนพวกเธอให้เต็มที่
หากมันสามารถคืนความสุขให้กับทุกคนได้ เขาก็ยินดีทุ่มเงินทั้งหมดที่มีในตอนนี้แบบไม่คิดเสียดายเลย
ในฐานะที่เป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] เขาสามารถทำอุปกรณ์ออกมาขายในราคาหลายสิบล้านวาลิสได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ถึงจะอยากตอบแทนบุญคุณสิ่งที่เฮเฟสตัสเคยทำให้ แต่เขาคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอก็คงไม่รับมันอยู่ดี
หลังจบช่วงอาหารเช้า ริว เฟนเรียร์ เอมิรุ มาเอมิ มิโคโตะ มิลาน และทีน่าก็พากันออกไปข้างนอก
ช่วงนี้เฮสเทียเริ่มเปลี่ยนไปใส่ชุดที่เคยซื้อมาบ้างแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ยังเลือกใส่อาภรณ์เทพสีขาวเสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนเรื่องชุดกับของใช้ของฮารุฮิเมะกับพรีเซียนั้น มิโคโตะกับมิลานจะเป็นธุระให้เองตามลำดับ
สภาพจิตใจของพรีเซียยังไม่กลับมาเป็นปกติดีนัก การปล่อยให้เธอออกไปเจอคนจำนวนมากๆ จึงไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เฮสเทียก็หันมาพูดกับวาห์น
“แบบนี้นายก็ว่างจนถึงตอนบ่ายเลยสิ ได้วางแผนอะไรไว้หรือยัง?”
ตั้งแต่ที่แยกกันตอนเช้ามืด วาห์นสังเกตเห็นว่าเฮสเทียสั้นดูสงบเสงี่ยมกว่าแต่ก่อนมาก
เธอมีรอยยิ้มกับออร่าที่ดูมั่นคงสุดๆ ส่วนดวงตาสีฟ้าก็มีประกายระยิบระยับตลอดเวลา
หลังจากคิดเสร็จ วาห์นก็ตอบกลับไป
“ฉันคงไปอยู่ห้องสมุดตรงปีกตะวันตกน่ะ วันนี้อยากลองอ่านหนังสือเรื่อยเปื่อยดูหน่อย”
วาห์นสามารถซื้อหนังสือถูกๆ ออกมาจากระบบได้ เขาก็เลยเปลี่ยนที่ว่างๆ ตรงปีกตะวันตกให้กลายเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่แทน
เฮสเทียพยักหน้ารับก่อนจะดึงมือของฮารุฮิเมะ (ที่ดูตื่นเต้น) กับพรีเซีย (ที่ดูเฉยเมย) ให้ไปด้วยกัน
เรนาร์ดสาวเริ่มแย้งเสียงอ่อยทันที
“ท่านเฮสเทีย ฉันเองก็อยากไปอ่านหนังสือเหมือนกันนะคะ…”
เทพตัวเล็กตอบกลับเรียบๆ
“หนังสือในห้องเธอก็มีตั้งเยอะแยะ อีกอย่าง วาห์นเองก็ต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกันนะ
เขาจะพักได้ยังไงถ้ามีคนคอยกวนตลอด แล้วเราก็มีเรื่องต้องคุยกันด้วย… ได้ยินว่าเมื่อกี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฟนเรียร์ใช่ไหม…?”
น้ำเสียงและสายตาตำหนิของเทพตัวเล็กทำให้ฮารุฮิเมะรู้สึกอยากขอโทษขึ้นมาทันที
พอจำได้ว่าวาห์นเองก็มีอาการคล้ายกัน เธอจึงเริ่มเอะใจว่าตัวเองอาจทำบางอย่างผิดไปโดยที่ไม่รู้ตัว
พอจะเอ่ยถามหลังเดินออกห่างจากวาห์นมาแล้ว เฮสเทียก็หันมากระซิบเบาๆ
“ฉันมี… คำถามอย่างอื่นด้วย เป็นคำถามที่ไม่อยากให้วาห์นได้ยินน่ะ”
ฮารุฮิเมะงงไปพักหนึ่ง แต่แล้วเธอก็นึกออกว่าเฮสเทียอยากจะถามอะไรพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจ
“แน่นอนค่ะ~! ฉันยินดีที่ได้ช่วยท่านเฮสเทียนะคะ แต่จะดีมากเลยถ้าท่านเฮสเทียเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน…”
ดวงตาสีฟ้าและสีเขียวฉายแววอย่างรู้เท่าทันกันแวบหนึ่ง เป็นภาพที่วาห์นไม่มีทางได้เห็นต่อหน้าแน่นอน
ตอนแรกพรีเซียนั้นหันไปจ้องทางที่วาห์นเดินจากไป แต่พอได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง หูของเธอก็เริ่มผึ่งมาอีกทางทันที