Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 256

ตอนที่ 256

วาห์นเดินไปตามทางอย่างเงียบเชียบขณะหลบเลี่ยงเส้นทางที่มีคนเดินไปมา

หนึ่งในข้อดีที่สุดของพลังเขตแดนก็คือเรื่องการตรวจจับนี่แหละ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ชั้นไหนมันก็ยังใช้ได้ผลและแม่นยำดีเหมือนเดิม

จากนั้นไม่กี่นาที เขาก็มาถึงหน้าต่างและเปิดมันก่อนจะใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อเคลื่อนที่ไปออกไปยังหลังคาใกล้เคียง

ตลอดเวลาที่โดนอุ้ม ฮารุฮิเมะไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยและเอาแต่ซุกหัวไปกับแผงอกของเขา

สกิล [เคลื่อนย้ายในพริบตา] นั้นไม่ใช่การเร่งความเร็วแบบสกิลเคลื่อนที่ทั่วไป จะเรียกว่าเป็นการ ‘เทเลพอร์ตระยะสั้น’ ก็คงได้

ถึงจะใช้มันอย่างต่อเนื่องจนเคลื่อนที่ได้เร็วพอๆ กับความเร็วเสียง แต่มันก็ไม่ส่งผลต่อเขาคือคนที่เขากำลังอุ้มอยู่แต่อย่างใด

วาห์นบอกได้ว่าสภาพร่างกายของว่าฮารุฮิเมะนั้นอ่อนแอมาก เขาเลยใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] แทนการออกวิ่งตามปกติ

เพื่อป้องกันไม่ให้เธอโดนอากาศยามเช้าเล่นงาน เขาก็เลยใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เพื่อสร้างความอบอุ่นเป็นการแถมให้ด้วย

จากมุมมองของฮารุฮิเมะนั้น เธอรู้สึกว่าร่างกายอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักเป็นช่วงๆ และพอเปิดตาขึ้นมา ทิวทัศน์ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทุกครั้ง

หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าวาห์นกำลังเทเลพอร์ตผ่านท้องฟ้าขณะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน แถมเขายังปล่อยพลังอบอุ่นนั่นออกมาพร้อมกันด้วย

เธอรู้ดีว่าอากาศในช่วงก่อนฟ้าสางนั้นหนาวเย็นแค่ไหน แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด

ความหนาวเหน็บ ความอ้างว้างเดี่ยวดาย ทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นและความปลอดภัยจากอ้อมกอดของวาห์น…

ตอนนี้วาห์นกำลังเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ และพยายามไม่สนใจเสียงเตือนจากระบบที่แจ้งให้ทราบว่าค่าความชื่นชอบของฮารุมิเนะกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พอหันไปมองมันอีกที ค่านั่นก็พุ่งมาถึงช่วง 85-90 แล้ว

‘…ภารกิจ [ความปรารถนาของหัวใจ] จะสำเร็จก่อนกลับไปถึงคฤหาสน์หรือเปล่านะ?’

วาห์นเข้าใจและเตรียมใจรับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว ตอนนี้คงได้แต่ให้เวลาช่วยเยียวยาและปล่อยให้ฮารุฮิเมะได้พบกับเหล่าสหายเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน

วาห์นรู้จากประสบการณ์จริงว่าการเข้าช่วย ‘สาวๆ ที่กำลังลำบาก’ นั้นมันส่งผลต่อจิตใจ (และหัวใจ) ของพวกเธอขนาดไหน ซึ่งในความคิดส่วนตัวนั้น จะให้เขามาแบกรับทุกอย่างไว้หมดก็คงไม่ได้

เมื่อก่อนวาห์นอาจบอกว่า ‘ได้หมดถ้าสดชื่น’ ทว่าตอนนี้ ผู้หญิงที่เขารู้สึกชื่นชมจริงๆ ก็คือพวกที่จัดการชีวิตได้อย่างลงตัวและคอยพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าฮารุฮิเมะในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญโลกด้วยตัวคนเดียว

จนกว่าสภาพร่างกายและจิตใจจะดีกว่านี้ เธอจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของคนที่เขาต้องปกป้องแทน

งานหนักสำหรับตอนนี้ก็คือเรื่องจิตใจและแนวคิดของเธอนี่แหละ

เพราะฮารุฮิเมะคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็น ‘ผู้หญิงสกปรก’ จากนั้นเขาก็มาเฉลยให้ฟังว่าไม่ใช่
กับหญิงสาวที่โดน ‘คดีพลิก’ ไปมาแบบนี้ วาห์นอ่านไม่ออกจริงๆ ว่าอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป

ไอ้เสียงแต้มที่เพิ่มเอาๆ นี่ สำหรับเขาแล้ว มันดูไม่ต่างจากเสียงระเบิดเวลาเลยสักนิด

ผ่านไปสักพัก ค่าความชื่นชอบก็เริ่มคงที่และไปหยุดอยู่ตรง 88 แต้ม ทว่าคำข้างๆ ที่ระบุว่า (คู่ชะตาฟ้าลิขิต) ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ดี

(TL: นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระบบวิเคราะห์ออกมานะครับ เป็นความคิดของฮารุมิเนะล้วนๆ)

เขาได้แต่หวังว่าพวกสาวๆ ที่คฤหาสน์จะช่วยทำให้ฮารุมิเนะสงบลงได้บ้าง ไม่แน่ว่าเธออาจจะ ‘เปลี่ยนใจ’ ไปเลยก็ได้

ถึงจะอยากให้เป็นไปตามที่คิด แต่วาห์นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง แถมเขายังพูดออกไปแล้วว่าจะบอกปกป้องเธอด้วย…

ทางบ้านคงจะวุ่นวายไปสักพัก แต่วาห์นมั่นใจว่าเดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้นเอง… แค่ต้องให้เวลากับมันหน่อย

‘เราไปหาเพื่อนผู้ชายมาเพิ่มบ้างดีหรือเปล่านะ?’

หากไม่ได้ยินเรื่องนี้จากพวกสาวๆ วาห์นก็คงไม่รู้เลยว่าตัวเองแสดงความ ‘ไม่ถูกขี้หน้า’ กับผู้ชายคนอื่นเท่าไหร่นัก (TL: ดูแล้วคนอื่นก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเอ็งเหมือนกันนะ)

ถ้าให้เดา สาเหตุน่าจะมาจากการที่พวกแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากช่วงชีวิตก่อนนั้นล้วนเป็นผู้ชายแทบทั้งสิ้น

ตลอดช่วง 14 ปีที่อยู่ในห้องทดลอง ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยเห็นแบบตัวเป็นๆ ก็คือคุณหมอคีนลี่ย์ แต่อย่างน้อยเธอก็ทำดีและ(แสร้ง)เป็นห่วงเขาอยู่บ้าง

ส่วนสิ่งที่ใกล้เคียงเป็นลำดับต่อมาก็คือผู้หญิงที่เขาเห็นจากใจมังงะและอนิเมะเท่านั้นเอง

ช่วงนี้บรรยากาศระหว่างเขากับเวลฟ์ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก มีทั้งเรื่องที่วาห์นคบกับเฮเฟสตัสบวกกับการที่เวลฟ์พูดเรื่องปัญหาของเฮสเทียแฟมิเลียนั่นอีก วาห์นเลยอยากลองหาเพื่อนใหม่ดูบ้าง

การมีเพื่อนแท้ที่คอยรับฟังปัญหาต่างๆ ของเรานั้นออกจะต่างไปจากการระบายให้แฟนหรือคนรักฟังค่อนข้างมาก แต่นอกเหนือจากเวลฟ์และเบลล์แล้ว วาห์นก็ไม่รู้จะคุยกับใครได้อีก อยากมากก็มีฟินน์ แกเร็ธ แล้วก็คนที่แทบไม่อยากเห็นหน้าเขาเลยอย่างเบต

สำหรับเรื่องแบบนี้ ข้อมูลอ้างอิงจากในมังงะนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่เลย แถมจะทำให้แย่ลงกว่าเดิมด้วย ตัวอย่างเช่นเทพเฮอร์มีสที่ดูค่อนข้างเป็นมิตรคนนั้น

หากใครได้อ่านมังงะมา คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเทพองค์นี้มีเรื่องเก็บงำอยู่เยอะและดูน่าสงสัยมาก

ขณะที่ใช้ปล่องไฟเป็นฐานกระโดดและพุ่งทะยานต่อไปอีกครั้ง ภาพของทาเคมิคาสึจิกับโอวกะก็ปรากฏขึ้นในหัวจนวาห์นถึงกับหยุดชะงักและก้มลงไปมองฮารุฮิเมะเล็กน้อย

พอเห็นว่าเขาหยุดลง ฮารุฮิเมะก็เงยหน้าขึ้นมาถามทันที

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

วาห์นส่ายหน้าก่อนจะอธิบาย

“ฉันกำลังคิดเรื่องทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียอยู่น่ะ คงต้องรีบบอกให้ทางนั้นรู้ว่าฉันช่วยเธอออกมาได้แล้ว

อีกเดี๋ยวพวกเขาคงจะมารับตัวเธอไป ประเด็นอยู่ที่ว่าพวกเขาจะคุ้มครองเธอไหวหรือเปล่าน่ะสิ ฉันกะว่า-”

ในระหว่างที่เขากำลังอธิบาย ฮารุฮิเมะก็ใส่แรงที่แขนมากขึ้นจนศีรษะแทบจะมุดเข้าไปในแผงอกของเขาอยู่แล้ว

นั่นทำให้หูปุกปุยขนาดยักษ์เข้ามาถูกับคางจนวาห์นรู้สึกจั๊กจั๊กจี้นิดๆ

“ฉันอยากอยู่กับคุณค่ะ ถึงจะรู้สึกดีใจมากที่จะได้พบกับสหายเก่าอีกครั้ง แต่ฉันอยากอยู่กับคนที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้มากกว่าค่ะ…”

วาห์นเองก็อยากจะอธิบายว่าต่อให้ทาเคมิคาสึจิต้องการพาฮารุฮิเมะไป เขาก็ยังอยากให้เธออยู่ต่ออยู่ดี

พอเจอเจ้าตัวพูดออกมาเองแบบนี้ เขาเลยได้แต่ปิดปากเงียบก่อนจะกลับไปขยับเท้าอีกครั้ง

เรื่องเดียวที่เขาเป็นห่วงก็คือโอวกะอาจโวยวาย แต่ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีละกัน

ถึงโอวกะจะดูเป็นคนหัวร้อนง่าย แต่วาห์นก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดเขาเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากเรื่องหัวร้อน เขาก็ดูห่วงพวกพ้องและให้ความเคารพต่อเทพของตัวเองมากเลย

หากเป็นไปได้ วาห์นก็อยากสนิทกับโอวกะให้มากกว่านี้

พอทุกอย่างสงบลงแล้ว วาห์นอาจจะลองมอบ ‘เมล็ดเปลวเพลิง’ ให้โอวกะด้วย แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นอันนี้คงตอบยาก (TL: สายวายก็มา)

นอกเหนือจากเรื่องของโอวกะแล้ว วาห์นก็อยากลองนัดพวกผู้ชายมาฉลองหรือเลี้ยงเหล้าดูสักครั้งเหมือนกัน

เรื่องน่าเสียดายที่ได้ผ่านการทดลองมาแล้วหลายครั้งก็คือ ต่อให้ดื่มเหล้าหมดเป็นถังๆ วาห์นก็ไม่มีทางเมาเด็ดขาด

ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอลล์ สารพิษ หรือยาพิษ ทุกอย่างจะถูกเลือดของเขาขจัดออกจนหมด

แต่อย่างน้อยๆ วาห์นก็อยากสร้าง ‘เครือข่าย’ ของผู้ชายให้เหมือนกับของพวกผู้หญิงดูบ้าง

การที่มีเพื่อนเพศเดียวกันคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำในหัวข้อต่างๆ ที่เอาไปปรึกษากับเพศตรงข้ามไม่ได้นั้นคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลย…

ครึ่งชั่วโมงต่อมา วาห์นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าคฤหาสน์และค่อยๆ วางฮารุฮิเมะลง ทว่ามือที่คล้องคอของเขาอยู่นั้นกลับไม่ถูกคลายออก

พอก้มลงไปดู เขาก็เห็นว่าเจ้าของมือนั้นกำลังมองที่ดินกับคฤหาสน์ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ

ค่าความชื่นชอบของเธอได้พุ่งขึ้นจนเต็ม 100 มาพักหนึ่งแล้ว ส่วน [ความปรารถนาของหัวใจ: ซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะ] ก็ถูกเก็บรักษาไว้ในช่องเก็บของเป็นที่เรียบร้อย

เขาตัดสินใจว่าจะใช้มันก็ต่อเมื่อจิตใจของฮารุฮิเมะดูมั่นคงขึ้นกว่านี้

หากรีบใช้ตอนนี้เลย วาห์นกลัวว่าจะตัวเองจะดูแลเธอ ‘ดีเกินไป’ และทำให้จิตใจของเธอเตลิดไกลกว่าเดิม

ผ่านไปอีกชั่วอึดใจ ฮารุฮิเมะก็หันมาหาวาห์นและถามขึ้น

“ต่อไปนี่จะเป็นบ้านของเราใช่ไหมคะ?”

คำว่า ‘บ้านของเรา’ ทำให้วาห์นอยากถอนหายใจดังๆ สัก 1 ที แต่เขาก็แค่พยักหน้าตอบ

เพราะหญิงสาวเอาแต่เกาะเป็นตุ๊กแกแบบไม่คิดจะปล่อย วาห์นก็เลยอุ้มเธอเข้าไปทั้งอย่างนั้นเลย

“ที่นี่คือคฤหาสน์ฮาร์ธ ฐานที่มั่นของเฮสเทียแฟมิเลีย แล้วก็เป็นที่พักส่วนตัวของฉันด้วย

เธอจะปลอดภัยอยู่ที่นี่จนกว่าเราจะหาวิธีจัดการกับอิชทาร์แฟมิเลียได้

ถึงจะมีอำนาจอยู่พอสมควร แต่เธอก็เอาชนะกลุ่มของเราที่มีทางกิลด์หนุนหลังอยู่ไม่ได้หรอก

ไว้ฉันจะอธิบายเพิ่มทีหลังนะแต่ขอย้ำอีกครั้งว่าเธอปลอดภัยแน่

พอรู้ข่าวว่าช่วยเธอได้แล้ว ทางทาเคมิคาสึจิแฟมิเลียคงเดินทางมาเยี่ยมเธอเร็วๆ นี้แหละ”

เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลา 4:30 น. คนอื่นๆ ในคฤหาสน์จึงยังไม่ตื่นขึ้น แถมวาห์นก็เปิดประตูได้ไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมีฮารุฮิเมะมาเกาะอยู่แบบนี้

ฮารุฮิเมะเองก็จะพอดูออกเหมือนกัน

“ช่วยส่งกุญแจให้หน่อยได้ไหมคะ? เดี๋ยวฉันจะเปิดให้เองค่ะ…”

วาห์นยิ้มให้ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดเล็กน้อย

“ยังไงเธอก็ต้องปล่อยมือจากฉันอยู่ดีนะ ฮารุฮิเมะ

ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอยังไม่ปกติดีเท่าไหร่ เรื่องนี้ฉันเข้าใจ อย่าห่วงเลย ฉันไม่ได้จะหายไปไหนซะหน่อย”

ฮารุฮิเมะขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็รับฟังแต่โดยดีพร้อมกับปล่อยมือที่คล้องอยู่ออก

“ขออภัยด้วยค่ะ…”

วาห์นวางเธอลงกับพื้นก่อนจะไขประตูและก้าวเข้าไปคฤหาสน์อันแสนอบอุ่น

ฮารุฮิเมะเดินตามหลังเขามาติดๆ ด้วยท่าทีประหม่าแต่ก็ยังดูสนใจทุกอย่างเช่นเดิม

วาห์นเห็นแล้วได้แต่ยิ้มกว้าง

“อยากสำรวจอะไรตรงไหนก็ตามสบายเลย

นอกจากห้องส่วนตัวของพวกสาวๆ คนอื่น เธอจะไปที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ยังอยู่ในตัวคฤหาสน์นะ

ถ้าอยากออกไปเดินเล่นที่ลานด้านนอก คงต้องขอให้มีคนตามไปด้วยสักคนสองคน

ที่นี่มีข่ายเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะป้องกันได้หมดทุกอย่าง”

ฮารุฮิเมะฟังสิ่งที่วาห์นพูดอย่างตั้งใจ แต่แล้วหูของเธอก็กระดิกทันทีที่ได้ยินคำๆ หนึ่ง

“ห้องของพวกสาวๆ ? ที่นี่มีผู้หญิงอยู่กี่คนกันคะ? แล้วมีคนไหนที่สนิทกับคุณเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

วาห์นพยักหน้าก่อนจะผายมือไปทางห้องที่เขาใช้รับแขก

เขาไม่อยากคุยที่ห้องโถงนานๆ เพราะเสียงมันจะสะท้อนไปทั่ว

พวกที่มีประสาทการได้ยินแบบคนปกตินี่ไม่เท่าไหร่ แต่พวกหูดีอย่างคู่แฝดหรือเฟนเรียร์อาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้

พอเข้ามาแล้ว วาห์นก็เชิญฮารุฮิเมะนั่งลงบนโซฟาและมอบชาอุ่นๆ พร้อมถ้วยใส่น้ำตาลให้ ก่อนจะเริ่มอธิบายสถานการณ์ทุกอย่างให้เธอฟัง

หนึ่งในคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองก็คือ เขาจะไม่โกหกหรือพยายามปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองเด็ดขาด นอกเสียจากว่าคนที่อยากรู้เรื่องนี้เป็นศัตรูหรือดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ

หากฮารุฮิเมะเผลอใจไปแล้วจริงๆ วาห์นก็อยากบอกให้เธอรู้ก่อนว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง

เพราะเธอยังเด็กมาก การตัดใจตั้งแต่ตอนนี้และออกไปตามหารักแท้ข้างนอกอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าก็ได้

เขาอยากอธิบายให้เธอเข้าใจว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเธอไปตลอด แต่มันก็ไม่ใช่สถานที่เดียวที่เป็นแบบนั้นได้

หากฮารุฮิเมะพบสิ่งที่ดีกว่าหรือสิ่งที่อยากทำ วาห์นก็จะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้มันเป็นจริงโดยที่เธอไม่ต้องมาห่วงเรื่องตอบแทนทีหลังหรืออะไรแบบนั้นเลย

ตลอดเวลาที่วาห์นเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเอง ฮารุฮิเมะก็ยังคงนั่งอย่างสง่างามสมกับที่เคยเป็นผู้ดีมีตระกูลมาก่อน

แม้แต่กระทั่งการจิบชา เธอจะหยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างและจิบมันแบบเงียบๆ ขณะจ้องประสานตากับวาห์นอยู่ตลอด

หลังจากเรื่องเล่าจบลง ฮารุฮิเมะก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“ฉันตัดสินใจไปแล้วค่ะ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองครั้งแรกนับตั้งแต่ได้ลืมตาดูโลกมาเลย

ฉันอยากอยู่ที่นี่กับคุณ แค่คิดเรื่องนี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ

ถึงไม่ได้เป็นภรรยา จะให้เป็นแค่ภรรยาน้อยหรือผู้หญิงลับๆ ก็ไม่ขัดข้อง

ก่อนที่คุณจะเดินเข้ามาในชีวิต ฉันเอาแต่คิดทุกวันว่าตัวเองคือผู้หญิงสกปรก เป็นผู้หญิงไร้ค่าที่ถูกทำให้แปดเปื้อนและต้องใช้ชีวิตแบบนั้นไปจนวันตาย

ฉันจะไม่ไปจากที่นี่ เว้นแต่ว่าคุณไม่อยากจะเก็บฉันไว้แล้วค่ะ

หรือถ้าไม่สบายใจจริงๆ จะให้เป็นสาวใช้ส่วนตัวหรือคนรับใช้เฉยๆ ก็ได้นะคะ”

วาห์นขมวดคิ้วอย่างหนักเมื่อได้ฟังข้อเสนอแต่ละอย่างของเธอ

“ฉันอยากให้เธอมีความสุขนะฮารุฮิเมะ อย่าอุทิศทั้งชีวิตให้แค่เพราะว่าฉันช่วยเธอออกมาเลย

ลองออกตามหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ แทนการตอบแทนด้วยวิธีนี้จะดีกว่า”

ฮารุมิเนะยังคงยิ้มให้อย่างสง่างามเช่นเดิม

“คุณเข้าใจผิดแล้วนะคะ วาห์น ก่อนถูกเนรเทศออกมา ทั้งชีวิตของฉันถูกผูกติดกับสิ่งที่เรียกว่า ‘วงศ์ตระกูล’…

หากไม่ใช่เพราะเหล่าสหายจากทาเคมิคาสึจิแฟมิเลีย ฉันก็อาจต้องอาจต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกจับแต่งงานกับทายาทตระกูลอื่นเข้าสักวัน

ความสุขเพียงไม่กี่อย่างในชีวิตของฉันก็มีแค่หนังสือกับการแอบออกไปเล่นข้างนอกเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง

หลังจากถูกเนรเทศและลักพาตัว ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือได้หลบหนีออกจากฝันร้ายนั่น… อยากให้มีวีรบุรุษมาช่วยฉันอย่างในนิทานที่เคยอ่าน

ฉันคิดมาตลอดว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว แต่คุณกลับบอกว่าฉันยังไม่ได้ถูกทำให้แปดเปื้อนใจช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่…

ฉันคงปฏิเสธความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อน… แต่ที่แน่ๆก็คือ ฉันมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้ค่ะ มีความสุขที่ได้สัมผัสกับการมีชีวิตจริงๆ

การได้มาอยู่ตรงนี้ ฟังคุณอธิบายเรื่องต่างๆ ด้วยสายตาเป็นห่วง… ฉันขออะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ”

ในระหว่างที่ฮารุฮิเมะพร่ำบอกความในใจออกมาแบบรวดเดียวจบ วาห์นก็คอยเฝ้าสังเกตดวงตาสีเขียวและเห็นว่ามันแจ่มชัดกว่าครั้งไหนๆ

แม้แต่ออร่าที่ดูยุ่งเหยิงมาตลอด ตอนนี้มันกลับลุกไหม้อย่างแรงกล้าขณะที่เธอเปล่งแต่ละคำพูดออกมา

แม้จะรู้สึกเหมือนหญิงสาวกำลังล้างสมองตัวเองด้วยถ้อยคำเหล่านั้น แต่เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าเธอรู้สึกเชื่อมั่นที่ตัวเองพูดจากใจจริง

เมื่อคำพูดของเธอหยุดลง ฮารุฮิเมะก็ซ้อนมือไว้ที่ตักและคงโค้งคำนับลงมาแล้วหากไม่ใช่เพราะวาห์นยื่นมือออกไปรั้งตัวไว้ก่อน

วาห์นรู้หลักธรรมเนียมของชาวตะวันออกดี และรู้ด้วยว่าเธอกำลังจะก้มหัว ‘พลีกาย’ ให้กับเขา

นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาทำกันเล่นๆ เพราะสำหรับชาวตะวันออกแล้ว มันอาจศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าพิธีสาบานเสียอีก

จริงๆ แล้ววาห์นอยากให้เธอได้พูดคุยกับพวกสาวๆ ที่เขารู้จักเพื่อเก็บประสบการณ์และความรู้ก่อนจะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่โตแบบนี้

ดูๆ ไปแล้ว ฮารุฮิเมะในตอนนี้ช่างคล้ายกับเขาในอดีตที่เอาแต่หาความสุขจากอนิเมะและมังงะไปวันๆ มากเลย

วาห์นรู้ว่าความสุขเหล่านั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้

วาห์นมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวคู่งามและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฮารุฮิเมะ อย่าได้ทำแบบนั้นต่อหน้าฉันอีกเป็นครั้งที่สอง

ฉันช่วยเธอเพราะว่าอยากช่วย และไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะปกป้องเธอไปตลอด หรือจนกว่าเธอจะปกป้องตัวเองได้

ฉันเคารพความรู้สึกของเธอนะ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าฉันจะไม่ตอบรับมันจนกว่าเธอจะ ‘ค้นพบ’ วิธีใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ วิธีที่ไม่ต้องใช้ร่างกายตัวเองเข้าแลก…

จะหาว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ฉันรู้สึกชื่นชมและนับถือพวกที่พยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด… และคิดว่าการอยู่เพื่อคนอื่นอย่างเดียวน่ะมันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก

เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอค้นพบสิ่งนั้น ฉันก็จะรออยู่ตรงนี้เหมือนเดิม

ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ฉันก็จะช่วยเธอหามันอีกแรง…”

ตลอดเวลาที่วาห์นพูด ฮารุฮิเมะก็ยังคงจ้องมองดวงตาสีน้ำทะเลของเขาอยู่ตลอด

เธอรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่เห็นเขาแปลงร่างกลับมาเป็นเผ่ามนุษย์และเอาแต่จ้องใบหน้าหล่อเหลาโดยไม่คิดจะพูดขัดกลางคัน

การได้ยินวาห์นพูดเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเธอเองโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นยิ่งทำให้ความปรารถนาที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปฝังลึกแน่นกว่าเดิมเสียอีก

หากเขาอยากให้เธอแข็งแกร่งจนยืนได้ด้วยตัวเอง งั้นเธอก็จะตามนั้น นี่คือสิ่งที่สมองและหัวใจฮารุมิเนะสรุปออกมา

ถึงจะต้องแสร้งทำเป็นไขว่คว้าตามหาเรื่องอื่น ฮารุมิเนะก็จะไม่ลืมความปรารถนานี้เด็ดขาด… ความปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้กับวีรบุรุษของเธอ นั่นคือ ‘ความสุขชั่วรันดร์’ ที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท