อาคิฉายแววตาอาลัยอาวรณ์ แต่วาห์นก็สังเกตเห็นว่ามันยังแฝงไปด้วยความผิดหวัง
เธอยิ้มเศร้าๆ ขณะพูดต่อ
“ฉันเข้าร่วมกับโลกิแฟมิเลียเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนั้นฉันอายุแค่ 12 ปีเอง
เพราะยังเด็กเกินกว่าที่จะขึ้นทะเบียนเป็นนักผจญภัย ฉันก็เลยไปเป็นฝ่ายสนับสนุนให้กับปาร์ตี้ที่สำรวจชั้นส่วนกลาง (TL: เข็น+ดูแลขบวนเสบียงและไอเท็มที่ได้จากมอนสเตอน์ เป็นต้น)
มีเด็กผู้ชายคนนึงที่เข้าร่วมพร้อมกันกับฉันและเราทั้งคู่ต่างก็มีอายุพอๆ กัน สุดท้ายเราก็เลยได้ร่วมงานกันบ่อยๆ
เขามีชื่อว่าราอูล ตอนนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าปาร์ตี้ที่สองของโลกิแฟมิเลีย…”
หูของอาคิกระตุกไปมาก่อนจะหันมาถามวาห์นบ้าง
“กัปตันรู้ไหมคะว่าทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงไปเป็นนักผจญภัยทั้งๆ ที่มีอาชีพอื่นให้เลือกตั้งเยอะแยะ?”
วาห์นทำหน้าครุ่นคิดและตอบเธอกลับ
“เพราะว่าพวกเธออยากแข็งแกร่งกว่าเดิม… สำหรับคนอ่อนแอแล้ว โลกนี้มันออกจะอยู่ยากสักหน่อย”
อาคิพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดต่อ
“นั่นคือหนึ่งในเหตุผลค่ะ อีกสาเหตุก็คือเราอยากสร้างอนาคตที่ดีกว่าเพื่อตัวเอง
นักผจญภัยคืออาชีพที่ทำเงินได้เยอะ และเป็นโอกาสที่เราจะได้พบคู่ครองที่อาจอยู่กินกันไปทั้งชีวิต
ที่จริงแล้วฉันไม่ชอบเรื่องต่อสู้เท่าไหร่… ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อหาเงินเยอะๆ สุดท้ายเงินส่วนใหญ่ก็ต้องเอาไปลงกับไอเท็ม อุปกรณ์ และค่ากินค่าอยู่
มันจะวนเวียนแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น แค่อธิบายฉันยังรู้สึกเครียดขึ้นมาเลย”
อาคิแหงนหน้าขึ้นไปมองเพดานว่างเปล่า
“ตามปกติแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่คงอยากพบผู้ชายดีๆ ก่อนอายุจะมากเกินไป แบบนี้พวกเราจะได้มีเวลาลงหลักปักฐานและดูแลครอบครัวด้วยกัน
แต่ยิ่งเราแข็งแกร่ง อันตรายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้ารอนานเกินไป เราก็อาจจะตาย หรือไม่ เราคนใดคนหนึ่งก็อาจจะตาย
ส่วนคนที่ยังรอดก็ต้องดูแลลูกที่เกิดออกมาแล้วตามลำพัง…”
พอได้ยินประโยคนี้ วาห์นก็ขมวดคิ้วพลางหวนนึกถึงมิลานกับทีน่า
อาคิหัวเราะก่อนจะพูดต่อ
“คือฉันอยากจะเกษียณก่อนอายุ 20 น่ะค่ะ
ฉันทำงานมาเยอะมาก นี่ก็ทำมาเกือบจะครึ่งชีวิตแล้ว
ฉันเคยเห็นผู้หญิงที่เด็กกว่าตัวเองต้องมาตายอยู่ในดันเจี้ยน ในนั้นยังมีพวกเพื่อนๆ รวมอยู่ด้วย…
ถึงจะทำมันได้ดี แต่ฉันก็ไม่อยากทำงานนี้ไปตลอด
ฉันอยากใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตและลำบาก… แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่”
อาคิเริ่มหัวเราะดูถูกตัวเองก่อนจะหันกลับมาหาวาห์น
วาห์นนึกว่าอาคิอยากให้เขาพูดอะไรบ้าง แต่ก่อนจะได้ขยับปาก เธอก็ชิงพูดต่อ
“อ่า ขอโทษค่ะ นอกเรื่องไปหน่อย… อย่างที่ฉันบอกตอนแรก มันเริ่มขึ้นเพราะผู้ชายงี่เง่าคนนึง
เพราะเข้าร่วมแฟมิเลียพร้อมๆ กัน ราอูลกับฉันก็เลยได้ทำงานและคอยช่วยเหลือกันบ่อยๆ ซึ่งนับวันเราก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไป 2 ปี เราก็ได้เป็นนักผจญภัยเต็มตัวและยังได้ลงไปสำรวจดันเจี้ยนกับปาร์ตี้ขนาดเล็กด้วย
เราคอยระวังหลังให้กันมาตลอด ถึงราอูลจะดูเป็นคนไม่ค่อยน่าเชื่อถือ… แต่เขาก็พยายามปกป้องทุกคนอย่างเต็มที่”
อาคิสูดหายใจเข้าปอดและผ่อนมันออกมาทางจมูก
“หมอนั่นมันทึ่มจริงๆ… เราทั้งอยู่ด้วยกันมาตลอด… ขนาดอาวุธก็ยังซื้อแบบที่คล้ายๆ กัน แม้แต่ของป้องกันก็ด้วย
แต่พอถึงตอนที่ฉันสารภาพความรู้สึกจนเราได้คบกันแบบจริงจัง… อย่างมากที่เราได้ทำก็คือจับมือกันในบางโอกาส
ราอูลเป็นพวกขี้อายง่าย และพอฉันลองอะไรนิดหน่อย เขาก็เริ่มเตลิดจนถึงขั้นไม่กล้าสู้หน้า
พอได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่สอง เขาก็ทำเหมือนว่าเราไม่เคยคบกันมาก่อน
ดูไปดูมามันก็อาจจะใช่นะ เพราะแค่จูบกันก็ยังไม่เคยเลย”
อาคิส่ายหน้าก่อนจะเล่าต่อ
“มีอยู่ครั้งนึงที่เราเพิ่งกลับออกมาจากดันเจี้ยน เสร็จแล้วเขาก็ตามพวกผู้ชายเพื่อไปต่อกันที่ย่านโคมแดง”
อาคิเริ่มหัวเราะแบบแปลกๆ
“ฉันได้ยินตอนหลังว่าราอูลไปซื้อบริการแถมกินยาปลุกเข้าไปด้วย แต่สุดท้ายหมอนั่นก็ได้แค่นอนจับมือกับผู้หญิงคนนั้นและหลับไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
ที่แย่กว่านั้นก็คือ… ไอ้ทึ่มนั่นดันเลือกสาวมนุษย์แมวผมดำที่ดูเหมือนใครสักคนไงล่ะ!”
หลังจากได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานาน อาคิก็หันกลับมาหาวาห์น
“หลังจากตอนนั้น ฉันบอกเลิกกับราอูลอย่างเป็นทางการ แต่หมอนั่นก็ยังใจดี(หึ!)บอกว่าเรายังเป็น ‘เพื่อนที่ดี’ ต่อกันได้
เพราะราอูลเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ เราก็เลยต้องเจอกันบ่อยๆ
ฉันน่ะไม่อยากทำตัวมีปัญหา สุดท้ายก็ต้องแกล้งทำเหมือนกับว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
จริงๆ มันก็ไม่อยากหรอก เพราะ…มันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นจริงๆ นั่นแหละ
แต่หลังจากนั้นมา ฉันก็เริ่มรู้สึกหมดศรัทธาในหลายๆ อย่าง รวมไปถึงเสน่ห์และความมั่นใจในร่างกายของตัวเอง…”
ใบหน้าของอาคิเริ่มขึ้นสี
“พอท่านโลกิมาเห็นสภาพของฉัน เธอก็เลย… ช่วยรักษาแผลใจให้นิดหน่อย
เราได้ใช้เวลาร่วมกันในบางคืน มันช่วยทำให้ฉันกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง แล้วก็ทำให้ยังไม่หมดหวังเรื่องความรักด้วย”
พอเล่ามาถึงตรงนี้ คิ้วของวาห์นก็เริ่มกระตุก ตามมาด้วยความรู้สึกโหวงๆ ในช่องท้อง
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่ชื่อราอูลถึงไม่ดูแลผู้หญิงน่ารักคนนี้ให้ดีๆ แถมเรื่องยังแย่ถึงขั้นที่อาคิต้องไประบายความทุกข์กับผู้หญิงด้วยกัน…
หลังพักหายใจครู่หนึ่ง อาคิก็พูดขึ้น
“อย่าเข้าใจผิดนะคะ… ฉันยังไม่ถึงขั้นเกลียดผู้ชายทุกคนหรืออะไรแบบนั้นหรอก
ต่อให้เป็นราอูลฉันก็ยังรู้สึกชอบนิดๆ แต่ถ้าในมุมมองของคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต ต้องบอกเลยว่าเขาไม่เหมาะ
หลังจากได้ปรึกษากับท่านโลกิจนเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ดีแล้ว เธอก็บอกให้ฉันลองมาอยู่ที่เฮสเทียแฟมิเลียเป็นเวลาหนึ่งปี
ถ้าราอูลเป็นห่วงฉันจริงๆ เขาจะต้องพยายามตามฉันกลับไป… ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันก็จะกลับไปอยู่โลกิแฟมิเลียหลังครบกำหนด
วาห์นพยักหน้าเข้าใจและพูดขึ้น
“อื้ม แสดงว่าเธอจะอยู่แบบชั่วคราวเพื่อที่-”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ อาคิก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส
“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันทำใจเรื่องของราอูลได้ตั้งนานแล้ว
สิ่งที่ฉันเสาะหาในตอนนี้ก็คือผู้ชายที่พึ่งพาได้ และสถานที่พักใจ… ถ้าเป็นที่ที่สามารถสร้างและเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยก็จะดีมากเลย
ฉันได้ยินเรื่องของกัปตันจากท่านโลกิมาแล้ว ถ้ากัปตันไม่ติดอะไร จะมองว่าฉันเป็นสาวโสดคนนึงก็ได้นะคะ
ถึงจะพูดเหมือนยังเปิดโอกาสให้ราอูลอยู่ แต่ถ้าเขายังติดนิสัยเดิมๆ… ดูแล้วฉันคงไม่ได้กลับไปที่นั่นหรอกค่ะ
อ่า ได้ยินว่ากัปตันเป็นคนที่ปฏิบัติกับผู้หญิงดีมากๆ ฉันก็อยากจะลองดูสักครั้งนะคะ อยากเห็นว่าผู้ชายที่กล้าๆ หน่อยมันจะเป็นแบบไหน…
อีกอย่าง ท่านโลกิก็ฝากบอกมาด้วยว่าช่วงนี้ท่านเฮสเทียน่าจะอาการหนักเพราะเพิ่งเสียครั้งแรกให้กัปตันไป
เรื่องนี้ฉันยินดีช่วยนะคะ ท่านเฮสเทียจะได้… กลับมาเป็นปกติ”
วาห์นเริ่มไม่แน่ใจว่าควรทำหน้าแบบไหนดี เพราะช่วงหลังสุดนี่มันเรืองของเขาล้วนๆ แต่อาคิก็พูดออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา
วาห์นเริ่มถามแบบหวั่นๆ
“งั้นถ้าฉันอยากจะทำบางอย่าง…”
อาคิยิ้มกว้างกว่าเดิม ส่วนดวงตาก็เริ่มฉายแววขี้เล่น
“ถ้าทำแล้วรับผิดชอบก็ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันยินดี
หน้าที่อีกอย่างที่ฉันได้รับมาก็คือคอยรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับเฮสเทียแฟมิเลีย เพื่อที่กัปตันจะได้สานสัมพันธ์แบบปกติกับพวกผู้หญิงคนอื่นๆ
ถึงจะบอกว่า ‘ยินดี’ แต่ถ้าเรามีธุระหรืออยู่ในสถานที่และเวลาที่ไม่เหมาะสม อันนี้คงต้องปฏิเสธค่ะ”
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
สีหน้างงๆ ของวาห์นทำให้อาคิต้องรีบอธิบายเสริม
“นั่นหมายความว่า เรื่องกิจกรรมตอนกลางคืนก็ควรทำตอนกลางคืน ส่วนกลางวันเราก็ควรทำงานตามปกติ
ถ้ากัปตันทำอะไรแบบไม่คิดถึงเวลาและสถานที่ ในอนาคตจะลำบากเอานะคะ
ฉันได้ยินมาว่ากัปตันชอบ ‘ลูบๆ’ ผู้หญิงจนติดเป็นนิสัยด้วย ถ้าอยากมีความสัมพันธ์แบบปกติก็ขอให้ลดๆ เรื่องนี้บ้าง
ช่วงนี้ฉันจะพยายามช่วยคุมหลายๆ เรื่อง จะบอกว่าควบตำแหน่งนายกองและเลขาส่วนตัวก็คงได้
เดี๋ยวคงต้องดูแลเรื่องจิปาถะต่างๆ ให้ด้วย
ฉันสังเกตเห็นแล้วว่าที่นี่ยังขาดอะไรหลายๆ อย่าง เช่นโครงสร้างการสั่งการ รวมไปถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
กัปตันอาจยังไม่ทราบว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าแฟมิเลียมานั้นจะต้องทำพิธีสาบาน ‘สัญญาจ้าง’ กับเทพหรือเทพธิดาอีกชั้นเพื่อป้องกันการลาออกหรือหลบหนีกลางคัน
ความลับของกัปตันเองก็มีไม่น้อยเลย แต่ที่นี่กลับมีมตราการรักษาความลับที่หละหลวม
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกหน่อยพอเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็คงรู้กันทั่วเมือง…
วาห์นเริ่มเม้มปากแบบไม่รู้ตัวขณะนั่งฟังอาคิ ‘สั่งสอน’ และอธิบายทุกอย่างที่กัปตันควรจะรู้ตั้งแต่แรกเริ่ม
เพราะใช้หลักการ ‘ครอบครัว’ มาตลอด วาห์นเลยไม่อยากวางมาตรการให้ยุ่งยาก
เขาเชื่อว่าทุกคนคงจะไม่คิดแทงข้างหลัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่อาคิพูดนั้นมีเหตุผล
แน่นอนว่านี่อาจเป็นสิ่งที่โลกิเล็งเห็นในตัวเธอ หรือไม่งั้น โลกิอาจจะเป็นคนสอนเธอเองก็เป็นได้
ถึงวาห์นจะมีศักดิ์เป็นกัปตันของแฟมิเลีย แต่ช่วงที่ผ่านมานั้นเขาเอาแต่จัดการเรื่องปัญหาส่วนตัว ส่วนเรื่องๆ อื่นก็ปล่อยให้พวกสมาชิกทำกันเอง
ริวเป็นคนที่พึ่งพาได้ แต่เพราะยังไปทำงานที่ร้านอาหารเหมือนเดิม เธอก็เลยประจำอยู่แค่ตอนช่วงเช้าเท่านั้น
พอไม่มีใครมาดูแลเรื่องนี้ ที่นี่ก็เลยไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์อะไรเป็นพิเศษ ดูแล้วเกือบจะเหมือนบ้านพักมากกว่าฐานที่มั่นของแฟมิเลีย
ตอนนี้มันยังไม่ปัญหาอะไร แต่ถ้าจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้น จะมาคิดหรือทำอะไรจริงๆ จังๆ ตอนนั้นก็อาจจะไม่ทันการ
เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่อาคิคอยสอนวาห์นเกี่ยวความรับผิดชอบต่างๆ รวมถึงการวางตัวของผู้ที่เป็นกัปตัน
เธอบอกว่าถ้าวาห์นไม่คิดจะเปลี่ยนแฟมิเลียให้เป็น ‘ฮาเร็มส่วนตัว’ เขาควรจะออกกฎให้รัดกุมกว่านี้
เธอยังหยิบยกเรื่องที่เวลฟ์ไม่อยากเข้าแฟมิเลียมาเป็นประเด็นและอธิบายให้ฟังว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ต่อไปคงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเข้าเฮสเทียแฟมิเลีย
เพราะพวกสาวๆ เอาแต่มุ่งเป้ามาที่วาห์นคนเดียว การนำผู้ชายคนอื่นเข้ามาอยู่ด้วยนั้นจะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์
ถ้าจะแก้ตรงจุดนี้ ก่อนอื่นเขาจะต้องสร้างหอพักชายขึ้นมา หรือไม่ก็แบ่งโซนชาย/หญิงในคฤหาสน์ให้แน่ชัด
นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับวาห์นอยู่เหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยจินตนาการถึงภาพที่คนอื่น (นอกจากตัวเอง) มามีอะไรกันในคฤหาสน์มาก่อน
เขาลองนึกภาพว่ามีสมาชิกหนุ่มแอบเข้าไปในที่ลับตาคนเพื่อบรรเลงรักกับผู้หญิงจากปาร์ตี้เดียวกัน แค่นี้ก็รู้สึกไม่ชอบตะหงิดๆ แล้ว
อีกภาพที่นึกออกก็คือตัวเองเผลอไปพบกับฉากนี้โดยบังเอิญ หลังจากนั้นเขาก็คงรู้สึกกระอักกระอ่วนไปพักใหญ่
ราวกับรู้ว่ากัปตันของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อาคิหัวเราะนิดๆ ก่อนจะอธิบายให้ฟัง
“คืองี้นะคะกัปตัน ถ้าสมาชิกเริ่มคบหากัน ตามปกติแล้วพวกเขาจะย้ายไปอยู่ในสถานที่ใกล้เคียงแทน
ถ้ายังอยากอยู่หอต่อ พวกเขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ดีๆ ไม่งั้นอาจโดนไล่ออกในภายหลัง
แฟมิเลียของเราจริงๆ ก็คือว่าเป็นกรณีที่พิเศษมากเลยนะคะ… ถ้ามีแค่กัปตันกับพวกสาวๆ ก็ไม่ต้องอะไรมาก แค่แบ่งพื้นที่สำหรับทำเรื่องอย่างว่าให้ชัดเจนก็พอแล้ว
คฤหาสน์นี้แบ่งง่ายๆ ก็จะมีพื้นที่สามส่วน ถ้าแบ่งให้ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ตามที่บอก แล้วกัปตันเดินไปเจอผู้หญิงที่อยู่ในนั้น… ไม่ต้องถามกันให้เสียเวลาเลยใช่ไหมคะ~?
แล้วก็อีกเรื่อง ตอนนี้ฉันเข้าใจว่ากัปตันคงนอนกับท่านเฮสเทียทุกคืน แต่มันคงไม่ใช่แบบนั้นไปตลอด
ห้องนั้นมันออกจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นนิดหน่อย อ่า… เมื่อวานที่ฉันเข้าไปในนั้น… คือกลิ่นมันฟุ้งทั่วห้องเลยค่ะ
เราอาจจะต้องคุยเรื่องห้องกันอีกรอบนะคะ ส่วนห้องอย่างว่า… อาจจะต้องหาที่เก็บเสียงมาเพิ่ม เรื่องเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ต้องเยอะ จะได้ทำความสะอาดง่าย…”
ตอนนี้สมองของวาห์นรู้สึกเหมือนถูกไฟดูด เพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังคุยเรื่องที่จะเปลี่ยนคฤหาสน์ให้เป็นบ้านพักส่วนตัว เป็นบ้านที่เขาจะนอนกับใครก็ได้ที่อยู่ใน ‘โซนพิเศษ’ ซะด้วย
น้ำหนักที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนค่อยๆ กดทับลงมาไม่หยุด ความรู้สึกผิดก็เริ่มเอ่อล้นจนอยากจะลงไปสิงที่มุมห้อง
วาห์นมีผู้หญิงรายล้อมมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยคิดเรื่องที่พวกเธอจะ ‘ว่าง/ไม่ว่าง’ เวลาที่ตัวเองรู้สึกอยากมาก่อน
ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงแบบโลกิ… วาห์นคิดว่าการเข้าหาใครสักคนและรอให้พวกเธอเป็นฝ่ายเปิดก่อนมันคงจะเป็นอะไรที่ยากมากๆ
สุดท้ายแล้วเขาก็แค่อยากให้มันเป็นเรื่องที่ไม่เบาไม่หนักจนเกินไป แล้วก็ต้องไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันด้วย
พอเห็นท่าทางครุ่นคิดของวาห์น อาคิก็ยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก กัปตันยังหนุ่มอยู่เลย ยังเจออะไรมาไม่เยอะ ไว้ค่อยแก้ไปทีละเปลาะก็ได้ค่ะ
ฉันเองก็จะช่วยจัดการด้วย กัปตันทำตัวตามปกติก็พอแล้ว แต่ถ้าอยากเปลี่ยนอะไรตรงไหนก็มาบอกได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง
ตอนนี้กัปตันควรจะห่วงเรื่องของอิชทาร์แฟมิเลียกับเรื่องสภาพจิตใจของท่านเฮสเทียก่อนค่ะ
ท่านโลกิบอกว่าเธอคงพยายามผลักดันให้กัปตันทำอะไรที่มันแปลกๆ เพราะสภาพจิตใจยังไม่มั่นคง
กัปตันต้องเข้มงวดกับเธอหน่อยนะคะ ไม่งั้นมันจะไปกันใหญ่
ทางที่ดีที่สุดก็คือขอให้คนอื่นมานอนด้วย เพราะตอนนี้ท่านเฮสเทียพยายามฮุบกัปตันไว้คนเดียว… อันนี้ท่านโลกิเคยเล่าให้ฟังนะคะ ว่าสติของเทพธิดาที่เพิ่งเสียความบริสุทธิ์จะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ พูดตามตรงก็คือจะบ้าๆ หน่อยค่ะ…”
วาห์นพยักหน้าหงึกๆ เพราะเขาเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเฮสเทียดีกว่าใคร ทุกครั้งที่อยู่กันแบบสองต่อสอง เธอก็จะตัวติดกับเขาตลอด
ดูเหมือนว่าอาการของเธอนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และการที่เขาอยู่ด้วยนั้นไม่ได้ทำให้เธออาการดีขึ้นเลย
ยิ่งเขาอยู่ด้วย เฮสเทียก็ยิ่งแสดงความเป็นเจ้าของหนักกว่าเดิม… อย่างน้อยก็ในช่วงเช้าและกลางคืน
วาห์นกลัวว่าเทพตัวเล็กจะหันมาจดจ่อกับเรื่องใต้สะดือเพียงอย่างเดียว ที่จริงมันก็คล้ายกับตัวเขาในอดีตอยู่เหมือนกัน
หางของอาคิดีดไปมาขณะที่เจ้าตัวเริ่มพูดอีกครั้ง
“ฉันบอกไปแล้วนะคะ ว่าถ้ากัปตันยังไม่มีวิธีดีๆ จะให้ฉันช่วยเรื่องท่านเฮสเทียก่อนก็ได้… หรือถ้าคิดว่าไม่ได้จริงๆ เราจะลองประกาศเคอร์ฟิวดูดีไหมคะ? แบบนี้จะป้องกันเรื่องยุ่งยากได้หลายเรื่องเลย
ตอนแรกอาจจะยากสักหน่อย แต่เดี๋ยวทุกคนก็ชินกันไปเอง แล้วเราก็จะได้มีเวลามาคิดหาวิธีที่ดีกว่าด้วย
จะให้ฉันคอยรายงานเรื่องที่ท่านเฮสเทียแอบทำแบบลับๆ ให้เครือข่ายรู้ก็ฟังดูเข้าท่าดีเหมือนกันนะ
ต่อให้เป็นท่านเฮสเทียก็คงสู้เสียงส่วนรวมไม่ได้… เก็บเอาไว้เป็นตัวเลือกละกันค่ะ
สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับกัปตันอยู่ดี… ฉันคงทำได้แค่ให้คำปรึกษา”
วาห์นยิ้มให้อาคิแบบแห้งๆ เพราะเธอคนนี้ดูจะรู้ไปซะหมดทุกอย่าง รวมถึงยอมสละตัวเองเพื่อช่วยเขาในหลายๆ เรื่อง
จากสิ่งที่ได้ฟังมา วาห์นรู้ว่าแผลใจของเธอคงใหญ่ไม่ใช่น้อยๆ เลย
ถึงกับยอมให้โลกิขนาดนั้น รับรองว่ามันต้องไม่น้อยอยู่แล้ว
อาคิกำลังประกาศให้รู้ว่าเธอยอมโยนตัวเองเข้าไปในความยุ่งเหยิงที่มีชื่อว่า ‘ความสัมพันธ์ต่างๆ ของวาห์น’ โดยไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ยังดีที่เธอมีเป้าหมายแน่นอนและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
ดูไปดูมาแล้วอาคิก็คล้ายกับทีโอน่า แต่เธอจะออกแนวคิดอ่านรอบคอบกว่า แล้วก็ไม่พลาดเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยด้วย
แล้วก็ยังมีเรื่องที่เธอเปิดใจกว้าง… นั่นทำให้วาห์นรู้สึกดึงดูดอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มค่อยๆ ยื่นมือออกมาเพื่อลูบหัวของอาคิ แต่แล้วก็โดนอีกฝ่ายสกัดด้วยคำพูด
“กัปตันแน่ใจนะคะว่าจะทำแบบนั้นที่นี่? ฉันน่ะไม่ถือหรอก แต่ถ้าเกิดมีคนเดินเข้ามาเจอ…?”
ใบหน้าของอาคิเริ่มขึ้นสี ทำเอาวาห์นต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
นี่เขาแค่อยากลูบหัวเฉยๆ แต่เธอกลับคิดไปซะไกล
‘…จะว่าไป คนที่จับหูของเผ่ามนุษย์แมวได้ก็มีแค่คนรักกับสมาชิกครอบครัวที่สนิทนี่นะ พลาดอีกแล้วแล้วสิเรา’
วาห์นยิ้มให้ก่อนจะดึงมือกลับที่เดิม
“ขอโทษที ฉันแค่รู้สึกขอบคุณเธอน่ะ… รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันชอบลูบหัวพวกสาวๆ
แต่ถ้าเธอคิดว่ามันจะเป็นปัญหา งั้นฉัน-”
อาคิป้องปากหัวเราะยกใหญ่
“ไม่- ไม่ค่ะ ฉันไม่ถือ
อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ ถ้ากัปตันทำแล้วรับผิดชอบ… ฉันเองก็อยากมีผู้ชายหล่อๆ มาปรนเปรอดูสักครั้งเหมือนกันนะ… ที่มานี่ก็ไม่ใช่เพราะถูกท่านโลกิสั่งอย่างเดียว ฉันเองก็คาดหวังไว้นิดๆ เหมือนกัน
แต่ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนรูปแบบของแฟมิเลีย กัปตันอาจจะต้องจำกัดพื้นที่ดีๆ
เราอยู่กันสองคนก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรกันก็ได้นี่คะ… หรือว่านี่เป็นห้องสมุดส่วนตัวของกัปตัน?”
วาห์นครุ่นคิดเล็กน้อยและเกือบจะตอบออกไปแล้วว่าช่วงนี้เขาเป็นคนเดียวที่ใช้มัน เขาใช้คนเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะใช้ไม่ได้สักหน่อย
ฮารุฮิเมะเคยเข้ามาอ่านหนังสือพร้อมกันกับเขา แม้แต่พรีเซียเองก็เคยแวะมาบ้าง
ถึงเขาจะรู้ตำแหน่งของทุกคน แต่ถ้าพวกเธอเข้ามาใกล้แล้วจับกลิ่นได้ก่อนล่ะ?
คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเผ่าครึ่งสัตว์มากมายหลายเผ่าพันธุ์
เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดติดใจอะไร แต่เพราะอาคิพูดให้ฟังนี่แหละ เขาเลยรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันที
สีหน้าครุ่นคิดของวาห์นกระตุ้นให้อาคิขยับตัวเข้ามาจนเอวติดกัน
เพราะสูงประมาณ 158 ซม. เมื่อเข้ามาใกล้แล้วเธอก็เลยต้องแหงนหน้ามอง
อาคิกระซิบบอกด้วยสีหน้าเขินๆ
“ถ้าแค่นิดหน่อย ฉันว่าคงไม่เป็นไร… เราแค่คุยเรื่องกฎเฉยๆ นี่นะ ยังไม่ได้ตั้งมันขึ้นมาจริงๆ สักหน่อย
แต่กัปตัน… คงไม่ได้แค่จะจับมือใช่ไหม…?”
วาห์นยิ้มกริ่ม แต่ที่จริงแล้วเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่ต่างหาก ฟังดูก็รู้แล้วว่าอาคิยังรู้สึกเคืองเรื่องในอดีตไม่หาย
เขารู้ว่าเธอยังมีใจให้ราอูลอยู่บ้าง เพราะถ้ามันไม่สำคัญ เธอก็คงไม่สาธยายออกมามากมายขนาดนั้น
ออร่าของอาคิเริ่มปรากฏสีชมพูให้เห็น แม้ว่าค่าความชื่นชอบจะอยู่ที่ประมาณ 63 เท่านั้น
ถ้าถามว่ารู้สึกผิดไหม? วาห์นก็คงตอบว่ามีบ้าง แต่ยังไงอาคิก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนนึง ส่วนตัวเขาเองก็ปฏิเสธคนที่มุ่งมั่นแบบนี้ไม่เก่งซะด้วยสิ
หลังจากใช้มือขวาโอบเอวของเธอไว้ วาห์นก็เคลื่อนตัวเข้ามาแนบชิดพลางลูบใบหูของเธออย่างทนุถนอม
พอเขาทำแบบนั้น ค่าความชื่นชอบของอาคิก็โดดขึ้นมาที่ 80 ทันที
(A/N: ชื่อตอนสำรอง: ‘เป็นผู้หญิงในสังคมยุคกลางนี่มันไม่ง่ายเอาซะเลย’, ‘อิทธิพลของโลกิ : กฎเกณฑ์’, ‘RIP ราอูล’)
(A/N: บางคนอาจจะมองว่านี่คือการ NTR หรือเปล่า ขอให้ลองคิดในมุมมองของผู้หญิงที่ไม่อยากเอาช่วง ‘วัยสาววัยสวย’ ไปผลาญกับการฆ่ามอนสเตอร์ทั้งวันดูนะครับ
อายุขัยโดยเฉลี่ยของโลกดันมาจินั้นอยู่ที่ประมาณ 60 ปีเท่านั้น (ไม่นับเผ่าที่อายุยืนยาว)
ส่วนของนักผจญภัยนี่ไม่ต้องพูดถึง มันต้องสั้นกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
ยิ่งแข็งแกร่ง > ล่ามอนสเตอร์ที่เก่งกว่าเดิม > เพิ่มโอกาสเสียชีวิต นี่คือความเป็นจริงของโลกใบนี้
ในสังคมที่หนุ่มสาวอายุ 14 ปีถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว การรอแต่งงานตอนช่วงอายุ 25-30 ถือว่าเป็นอะไรที่ช้ามากๆ
อายุของอนาคิตตี้ก็ปาเข้าไป 19 ปีแล้ว พอเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมเธอถึงดูรีบๆ)
—————