Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 280

ตอนที่ 280

วาห์นตื่นขึ้นในตอนเช้าแบบสลึมสลือและรู้สึกว่าวันนี้ร่างกายของเฮสเทียค่อนข้างร้อนกว่าวันอื่นๆ… แน่ล่ะ ก็เล่นไม่ได้ใส่อะไรเลยนี่นา

หน้าอกเปลือยเปล่าของเทพตัวเล็กกำลังแนบไปกับแผงอกของเขา ในขณะที่เจ้าตัวนอนหนุนแขนตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ

ใบหน้าได้รูปกำลังยิ้มแบบเพ้อๆ และมีน้ำลายไหลออกมาเป็นทาง

มันไหลจากปากของเธอลงมาที่แขนแล้วก็มากองอยู่ตรงแผงอกของเขาเต็มไปหมดเลย

แต่จุดที่หนักกว่านั้นก็คือ… ความอึดอัดตรงร่างกายส่วนล่างนี่แหละ

ในช่วงที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่ เฮสเทียก็เกิดนึกอะไร ‘แจ่มๆ’ ออก นั่นก็คือการนอนทั้งแบบนั้นโดยที่ยัง ‘ร่วมร่าง’ กับวาห์นอยู่

เนื่องจากวาห์นสามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก

ปัญหาก็คือ ต่อให้วาห์นลดขนาดลงมาเป็นปกติแล้ว ร่างกายของเฮสเทียก็ยังตามมา ‘ขย้ำ’ เขาไว้อยู่ดี

วาห์นถูกอีกฝ่ายพูด ‘หว่านล้อม’ จนเชื่อว่าเดี๋ยวร่างกายคงปรับตัวได้เอง แต่พอเอาเข้าจริงๆ… มันไม่เหมือนกับที่พูดไว้เลยนี่หว่า

ดูแล้วเฮสเทียคงจะเพลียมาก วาห์นเลยอยากปล่อยให้เธอนอนต่อในขณะที่ตัวเองออกไปทำกิจวัตรประจำวัน

หลังจากโดนจิ้มแก้มอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

สิ่งที่เฮสเทียทำเป็นอย่างแรกก็คือเอื้อมมือออกไปจับตรงท้องน้อยเพื่อตรวจสอบ ‘สินค้า’ ที่คาอยู่ด้านใน จากนั้นเธอก็หันไปสบกับดวงตาสีเขียวและยื่นหน้าเข้าไปจูบทันที

“อรุณสวัสดิ์ รักนายนะ~”

วาห์นยิ้มตอบก่อนจะเริ่มทำแบบเดียวกัน

“อรุณสวัสดิ์ รักเธอเหมือนกัน… แต่ฉันต้องออกไปข้างนอกแล้วล่ะ” เขาพูดพลางใช้มือลูบเส้นผมสีดำไปด้วย

เฮสเทียทำหน้าเคลิ้มและนำหัวของอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมอก

“ฉันชอบแบบนี้จัง… อยากอยู่ต่ออีกหน่อย”

เธอเปลี่ยนมากอดที่ไหล่ของวาห์นแบบหลวมๆ พร้อมกับแกล้งทำเป็นหลับต่อ

พอขจัดความยับยั้งชั่งใจของตัวเองออกไปแล้ว ดูเหมือนว่าเฮสเทียนั้นจะแสดงนิสัยเอาแต่ใจหนักกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้อง ‘โวยวาย’ แบบแต่ก่อน

เธอทั้งกล้าแสดงออกและดูเฉยเมยในเวลาเดียวกันจนวาห์นเริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่โลกิเคยพูดนั้นหมายถึงอะไร

ตอนนี้คนอื่นๆ น่าจะเริ่มตื่นกันแล้ว วาห์นจึงพูดขึ้นอีกรอบ

“ฉันต้องไปล้างหน้าแล้วนะเฮสเทีย…”

แทนที่จะเอ่ยตอบ เฮสเทียกลับแกล้งนอนต่อจนวาห์นได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับไปด้านข้างเพื่อแยกตัวออกมาเอง

“…อึก!” แต่ทันทีที่ทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนโดน ‘บีบคั้น’ อย่างหนักจนขยับไปไหนไม่ได้เลย

เฮสเทียลืมตาพลางถอนใจเบาๆ

“เห้อออ ฉันอยากให้เราเจอกันเร็วกว่านี้จังเลยย…”

เธอเริ่มสูดหายใจลึกๆ หลายครั้งเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องและดีดเขาออกไปด้านนอก

วาห์นจูบเฮสเทียอีกครั้งก่อนจะวางถังใส่น้ำอุ่นกับผ้าเช็ดตัวไว้ใกล้ๆ หากเธอต้องการใช้

หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว เฮสเทียก็เอาแต่จ้องไปทางประตูก่อนจะลูบตรงท้องน้อยของตัวเอง

“รู้สึกเหงาจัง…” จากนั้นเธอก็นำผ้ามาชุบน้ำและเริ่มเช็ดตัว ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนต่อ

จริงอยู่ที่เมื่อคืนได้หลับไปบ้างแล้ว แต่การนอนโดยที่มีบางอย่างอยู่ในร่างกายนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

มีหลายครั้งที่เธอสะดุ้งตื่นและอยากปลุกวาห์นขึ้นมาทำต่อซะเหลือเกิน

ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง เฮสเทียก็จดบันทึกในใจว่าตัวเองควรจะหาเวลาไปถามเหล่าผู้มีประสบการณ์ ว่าด้วยเรื่อง ‘ทำยังไงถึงจะรับวาห์นเข้าไปได้หมด’

เมื่อคืนเธอพยายามแบบสุดตัวแล้ว แต่อย่างมากก็รับวาห์นเข้าไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเอง

เรื่องนี้ทำให้เฮสเทียรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะมันเหมือนกับว่าเธอกำลัง ‘ล้มเหลว’ ในฐานะคนรัก

หากให้วาห์น ‘ลดสักหน่อย’ มันก็น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องนี้เฮสเทียมุ่งมั่นแบบสุดๆ ว่าจะต้องทำได้โดยไม่ต้องให้เขาช่วย…

วาห์นที่ยังไม่รู้ชะตากรรมในห้องนอนของตัวเองนั้นกำลังดำเนินกิจวัตรประจำวันอย่างราบรื่น

เขาไปอาบน้ำแบบสบายๆ ฝึกซ้อมเวทมนตร์แบบสบายๆ และก็ไปสอดส่องการฝึกของคนอื่นแบบสบายๆ

แต่เพราะไม่มีมิลานกับทีน่าอยู่ด้วย บรรยากาศเลยต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

ขณะที่ริวกำลังฝึกให้ฮารุฮิเมะ เอมิรุ และมาเอมิ พรีเซียก็มานั่งใกล้ๆ กับวาห์นที่นั่งสมาธิอยู่ด้านข้าง

เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่แค่นั่งกอดเข่ามองวาห์นขณะใช้มือถูกันไปมา

อากาศในเช้าวันนี้นั้นหนาวมาก หนาวจนพรีเซียที่เป็นพวกขี้หนาวอยู่แล้วยังต้องใส่ถุงน่องเพิ่มเข้าไปใต้กางเกงขาสั้น

วาห์นเห็นแล้วก็เกิดความสงสารจนต้องใช้ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เพื่ออุ่นพื้นที่โดยรอบ

นอกจากค่าความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแล้ว ท่าทางของพรีเซียก็ดูไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่

เนื่องจากเธอไม่ต้องไปอาบน้ำกับคนอื่น พรีเซียเลยเดินตามวาห์นมาที่ห้องสมุดและ ‘ขโมย’ ที่นั่งที่ฮารุฮิเมะใช้เมื่อวาน

วาห์นรู้สึกกระอักกระอ่วนหน่อยๆ แต่เขาก็จะไม่ยอมให้พฤติกรรมของพรีเซียมาทำให้ตัวเองเขวหรอก

เขาเคยแอบคิดนิดๆ ด้วยว่าสักวันเธอคงอยากเข้ามากอดด้วย ถ้าให้สารภาพล่ะก็ เขาเองก็รู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน

ผมและหางนุ่มฟูนั่นดูยังไงก็น่าจับจริงๆ นั่นแหละ

พอฮารุฮิเมะตามมาถึง เธอก็เอียงหัวแบบงงๆ ก่อนจะยิ่มอย่างมีเลศนัย

ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องที่ที่นั่ง ‘โดนแย่ง’ แต่กลับไปหยิบหนังสือและนำเบาะรองมาวางไว้ใกล้ๆ กับขาของวาห์นแทน

“ขอโทษด้วยนะคะ~” เธอกล่าวก่อนจะนั่งลงไป

ฮารุฮิเมะนั่งโดยพิงหลังไปกับโซฟาตรงตำแหน่งที่อยู่ถัดจากขาของวาห์นเพียงเล็กน้อย

ตอนแรกวาห์นกะว่าจะหัวเราะอย่างเดียว แต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมาเสริม

“บางทีเธอก็ทำตัวน่ารักมากเลยนะ ฮารุฮิเมะ”

หูของฮารุฮิเมะกระดิกไปมาตามจังหวะกายส่ายหาง

“ช่วงนี้ฉันรู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ… ได้มาเจอและสัมผัสกับอะไรตั้งมากมาย

ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะคุณวาห์นช่วยฉันออกมาจากที่นั่น”

วาห์นรู้ว่าฮารุฮิเมะรู้สึกตื้นตันจริงๆ เพราะออร่าของเธอก็กำลังบอกเขาแบบนั้น

เรนาร์ดสาวมักจะแสดงท่าทางสุภาพและสง่างามราวกับผู้ดีอยู่เสมอ แต่มันมักจะค่อยๆ หดหายไปทุกครั้งที่เธออยู่กับวาห์น

พอเห็นหูนั่นแล้ว วาห์นก็ถอนหายใจและเปรยออกมา

“ถ้าขอลองจับหูนั่น… จะได้หรือเปล่า?

ฉันจะไม่โกหกเธอหรอกนะ เพราะพวกมันดูน่าสนใจจริงๆ…”

ตั้งแต่ได้อ่าน ‘ห้วงฝันใต้แสงจันทร์’ วาห์นก็ตัดสินใจว่าจะเฉียบขาดให้มากกว่าเดิม แม้ในกรณีของเฮสเทียนั้นจะเละไม่เป็นท่า แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เช่นความต้องการของตัวเองล่ะก็ เขาจะพยายามทำให้ดียิ่งขึ้น

ออร่าของฮารุฮิเมะกำลังสั่นไหวอย่างมีความสุขเช่นเดียวกับใบหน้าของเธอ ทว่ากลับเป็นพรีเซียที่พูดขึ้นมาก่อน

“คุณชอบ… ลูบๆ เหรอ?”

ทั้งสองหันขวับไปทางสาวมนุษย์แกะที่กำลังกอดหนังสือแนบอก

วาห์นรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ตัวเอง แต่เขาก็พูดออกไปตามตรง

“ตั้งแต่ที่เข้าเมืองมา ฉันก็รู้สึกสนใจเรื่องนี้อยู่นะ

ฉันยังมีสกิลที่ชื่อว่า [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ด้วย

หลักๆ ก็คือถ้าโดนสกิลนี้เข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแบบไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย”

ขณะพูด มือซ้ายของวาห์นก็เริ่มเปล่งแสงอ่อนๆ ก่อนที่มันจะขยับเข้าหาหูจิ้งจอกนุ่มฟู

ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ปิดลง ราวกับเจ้าตัวกำลังเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแปลกใหม่

พรีเซียที่ดูอยู่ด้านข้างเคยเห็นมันมาก่อน เธอจึงเอ่ยถามต่อ

“เป็นแบบเดียว… กับที่รักษาให้ฉัน”

วาห์นพยักหน้ารับขณะที่ยังไม่หยุดมือ

“นี่คือ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] นอกจากจะทำให้ผ่อนคลายแล้วมันยังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้ด้วย ต่อให้อาการจะสาหัสแค่ไหนก็เถอะ…”

พรีเซียก้มหัวราวกับกำลังครุ่นคิดก่อนจะพูดเสียงต่ำ

“ถ้าไม่ว่าอะไร… ฉันอยากให้คุณ… ทำให้มั่ง”

วาห์นวางหนังสือที่มือขวาลงพร้อมกับส่ายหน้า

“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็อยากลูบเธอเหมือนกัน

เธอน่ะดู ‘น่าลูบ’ มากเลย แต่อีกใจฉันก็คิดว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

เธอกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำมานาน ถ้ายังไม่กล้าเปิดใจรับคนอื่น ฉันก็คงได้แต่สรุปว่าเธอยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้”

สายตาของพรีเซียดูหมองลง แต่ไม่นานก็มีประกายเล็กๆ ผุดขึ้นมาให้เห็น

เธอหันไปสบตากับวาห์นอีกครั้งและพูดขึ้น

“ฉันจะพยายาม… ทุกคนดูเป็นคนดี… โดยเฉพาะเฟนเรียร์… กับมิลาน”

พอเพรเซียพูดถึงตรงนั้น เธอก็วางหนังสือลงบนโต๊ะทันที

“ฉันจะไป… ช่วยสอนหนังสือให้คนอื่น”

วาห์นเฝ้ามองแผ่นหลังที่กำลังเคลื่อนออกไปและรู้สึกว่ามั่นดูมั่นคงขึ้น… ดูมุมานะมากกว่าเดิม

เรื่องที่วาห์นกังวลสุดๆ ก็คือการที่เพรเซียพยายามเข้าหาเขาคนเดียวโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว นี่จึงเป็นสัญญาณที่ดีมาก

เพราะเขาไม่ได้หยุดมือไว้ สีหน้าเพลิดเพลินของฮารุฮิเมะจึงถูกยกระดับเป็น ‘เคลิ้ม’ แทนแล้ว

“ที่นี่ก็เหลือเราแค่สองคนแล้วนะคะ~ จะทำมากกว่าเดิมฉันก็ไม่ถือหรอก~…”

ดวงตาสีเขียวดูหยาดเยิ้มขึ้นอีกเป็นกอง ในขณะที่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ฮารุฮิเมะ เธอจะได้อยู่ที่นี่อีกนานเลยนะ… อย่างที่พูดไปแล้วว่าฉันน่ะสนใจ… ก็… ในหลายๆ เรื่องเลย

แต่จนกว่าจะแข็งแกร่งและเข้มแข็งกว่านี้ ฉันคงจะพาเธอเข้ามาพัวพันในชีวิตด้วยไม่ได้หรอกนะ

ถ้าอยากอยู่เคียงข้างกันจริงๆ เธออาจจะต้องหาแรงผลักดันอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว”

ฮารุฮิเมะพยักหน้าหงึกๆ ขณะหลับตา ก่อนจะเปิดมันขึ้นและพูดต่อ

“คุณวาห์น ฉันเจอแรงผลักดันนั่นแล้วนะคะ… ฉันจะแข็งแกร่งกว่านี้ เพื่อเราทั้งคู่ แล้วก็เพื่อปกป้องคนอื่นๆ ในแฟมิเลียด้วย

ฉันอยากทำให้เราสามัคคีกันมากขึ้น แล้วก็ไปเจออะไรใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นด้วยกัน~!

อย่างที่คุณเคยพูดไว้ไงคะ ตอนนี้ฉันคิดว่าทุกคนเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันจริงๆ นะ…”

ขณะพูด ฮารุฮิเมะก็นำมือมากุมไว้ตรงหน้าอกของตัวเอง

ตอนนี้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากกว่าครั้งไหนๆ มากเสียจนบางส่วนแพร่ออกนอกร่างกาย

ขนาดวาห์นเองก็เหมือนจะสัมผัสถึงความอบอุ่นนี้ได้ด้วย นั่นทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเธอกำลังพูดความจริง ดูไปดูมาก็คล้ายความปรารถนาของเขาเองอยู่เหมือนกัน

วาห์นรู้แล้วว่าทำไมทุกคนถึงดูเป็นห่วงสภาพจิตใจของเขาซะเหลือเกิน เพราะเขาเองก็นึกอยากจะห้ามฮารุฮิเมะด้วยเหตุผลเดียวกันนี่แหละ

การที่แนวคิดของเขาแพร่ไปถึงคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่เหมือนกัน เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง จู่ๆ วาห์นก็รู้สึกแปลกๆ ที่ปล่อยให้เธอลงไปนั่งแบบนั้น

“มานั่งนี่สิ เราอ่านด้วยกันก็ได้นะ…” วาห์นพูดพลางตบเบาะที่อยู่ข้างๆ

หูที่โค้งงอของฮารุฮิเมะกระตุกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มก็ดูกว้างกว่าเดิม

เธอลุกขึ้นจากเบาะอย่างคล่องแคล่ว จัดชุดกิโมโนจนเข้าที่ ก่อนจะโค้งให้และลงมานั่งข้างวาห์น

ในช่วงที่ลงมานั่ง ฮารุฮิเมะก็วางหางลงบนตักของเขาราวกับมันเป็นเรื่องปกติ

วาห์นสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเอ่ยถาม

“อ่า… ทางเผ่าเรนาร์ดมีธรรมเนียมที่คล้ายกับเรื่องหูของเผ่าเอลฟ์หรือเปล่า?” ขณะถาม เขาก็ซื้อหนังสือผ่านระบบและเริ่มอ่านแบบผ่านๆ ไปด้วย

ฮารุฮิเมะส่ายหัวและตอบกลับไป

“ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนะคะ แต่การยอมให้จับหางนั้นจะแสดงถึงความใกล้ชิด… แต่ถ้าคุณวาห์นมีหางแล้วเราเอามันมาพันกัน อันนั้นจะเป็นการแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเราคบกันอยู่ค่ะ”

เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแปลงร่างเป็นเผ่าอื่นได้ ฮารุฮิเมะจึงตอบด้วยท่าทางเขินอาย

พอยืนยันได้ว่าเธอพูดจริง วาห์นก็ยิ้มตอบ

“ถ้าเธอได้ขึ้นเป็นเลเวล 3-”

พูดถึงตรงนั้น ไฟในดวงตาสีเขียวก็ลุกโชนขึ้นทันที

“เราจะลงดันเจี้ยนกันวันไหนคะ?”

ขณะกำลังใช้มือลูบไล้หางสีทอง วาห์นก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ฉันกำลังคิดหาวิธีอยู่ แต่ยังไงก็น่าจะต้องรอให้จบเรื่องกับทางอิชทาร์แฟมิเลียก่อน

ตอนนี้ก็ฝึกพื้นฐานที่ริวจัดให้ไปพลางๆ ก่อนนะ…”

วาห์นเริ่มคิดบางอย่างออกขณะเฝ้ามองปฏิกิริยาของฮารุฮิเมะที่ดูนิ่งจนผิดคาด

ดูเหมือนว่าหางของเผ่าเรนาร์ดจะไม่ได้อ่อนไหวแบบเผ่ามนุษย์แมว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขนที่หนากว่ามาก…

วาห์นส่ายหัวเพื่อหยุดคิดเรื่องหางๆ ก่อนจะย้อนกลับมาที่ความคิดตอนแรก

“ฮารุฮิเมะ ฉันมีสกิลที่ช่วยเรื่องการเติบโตด้วยนะ แต่ฉันต้องฝังสิ่งที่เรียกว่า ‘เมล็ดเปลวเพลิง’ เข้าไปในหัวใจของเธอก่อน…”

ฮารุฮิเมะนั้นไม่มีสกิลที่ช่วยเรื่องการเติบโตอยู่เลย เธอจึงน่าจะได้รับประโยชน์เต็มๆ จาก [โพรมีธีอุส] แถมค่าความชื่นชอบของเธอก็เต็มไปแล้วด้วย

ฮารุฮิเมะใช้เวลาคิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะยิ้มหวาน และเริ่มปลดสายโอบิออกจากตัว

แต่ก่อนที่เธอจะทำเสร็จ วาห์นก็พูดขัดขึ้น

“หันหลังแทนก็ได้นะ เราไม่จำเป็นต้องทำจากด้านหน้าหรอก”

“แต่คุณวาห์นก็ไม่จำเป็นต้องใส่จากด้านหลังเหมือนกันใช่ไหมคะ~?”

ฮารุฮิเมะไม่รอให้วาห์นคิดหาอะไรมาค้าน เธอปลดกิโมโนลงจากไหล่และเผยให้เห็นทรวงอกสีขาวที่อยู่ในวัยกำลังโต

“เริ่มได้เลยค่ะ ฉันอยากเห็นมันกับตา” เธอพูดแบบเสียงดังฟังชัด

วาห์นส่ายหัวแบบปลงๆ ก่อนจะเรียกเมล็ดเปลวเพลิงขึ้นมาไว้ที่มือ

“ฉันจะฝังเมล็ดนี่เข้าไปในหัวใจของเธอนะ… มันจะช่วยเร่งการเติบโตโดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเธอเอง”

“ความรู้สึกเหรอคะ?” ฮารุฮิเมะถามขณะมองเมล็ดด้วยสีหน้าหลงใหล

วาห์นพยักหน้ารับและพูดต่อ

“อื้อ มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉัน… เมล็ดเปลวเพลิงจะช่วยทำให้เธอเติบโตเร็วขึ้นโดยใช้ความผูกพันระหว่างเราเป็นปัจจัยหลัก”

ฮารุฮิเมะเข้ามาจับมือของวาห์นไว้ทันที

“เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นเองค่ะ… ว่าฉันไปได้ไกลแค่ไหน”

วาห์นใช้มือซ้ายลูบหัวของฮารุฮิเมะขณะยื่นมือขวาเข้าไปและใส่เมล็ดลงตรงตำแหน่งหัวใจของเธออย่างนุ่มนวล

เพราะเคยโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว วาห์นจึงเตรียมรับความเจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจได้เป็นอย่างดี

นอกเหนือจากกัดฟันเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเพิ่ม

ฮารุฮิเมะรู้สึกร้อนหน้าอกมาก ราวกับว่าความรู้สึกของเธอกำลังไหลมารวมกันอยู่ตรงนั้น

มันรุนแรงขึ้นจนถึงจุดๆ หนึ่ง ก่อนจะแผ่กระจายออกไปทั่วร่างกายทุกส่วน

แต่สิ่งที่อยู่นอกขั้นตอนก็คือความร้อนอีกสายที่มารวมกันตรงท้องน้อยของฮารุฮิเมะจนเจ้าตัวได้แต่หลับตาและเพลิดเพลินไปความรู้สึกดังกล่าว

พอความเจ็บปวดผ่านพ้นไปแล้ว วาห์นก็ให้ฮารุฮิเมะหันหลังเพื่อที่เขาจะได้ตรวจสอบค่าสถานะของเธอฃ

เรนาร์ดสาวได้สกิล [พรแห่งโพรมีธีอุส:A] เพิ่มขึ้นมาตามคาด รวมถึงค่าสถานะบางส่วน

ค่าที่เปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดดก็คือ ‘พลังเวท’ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 60%

วาห์นสังเกตเห็นด้วยว่าเธอยังได้รับสกิล [จิตวิญญาณฟื้นฟู:D] เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

สกิลนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญหากฮารุฮิเมะต้องการใช้เวทมนตร์เป็นหลักในอนาคต

สกิลส่วนใหญ่นั้นจะไม่ตื่นขึ้นจนกว่าจะเลเวล 2 เรียกได้ว่าเธอได้เปรียบคนอื่นไปแล้วก้าวหนึ่ง

(A/N: ถ้าไม่ออกล่ามอนสเตอร์ ค่าสถานะก็จะเพิ่มขึ้นไม่มากครับ)

———————————————————————————–

[[ค่าสถานะ]]

ชื่อ: ซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะ

เผ่าพันธุ์: เรนาร์ด

เลเวล 1

พลังโจมตี: I11->I15

ความอดทน: I28->I33

ความแม่นยำ: I12->I16

ความว่องไว: I30->I36

พลังเวท: F367->D587

สกิล: [อินาริ: สกิลแฝง(ถูกผนึก)], [พรแห่งโพรมีธีอุส:A]

เวทมนตร์: [อูจิเดะ โนะ โคซูจิ: B], [โคโคโนเอะ: D]

สกิลที่กำลังพัฒนา: [ธิดาเทพแห่งจันทรา: สกิลแฝง(ถูกผนึก)], [จิตวิญญาณฟื้นฟู:D]

[อูจิเดะ โนะ โคซูจิ]

ระดับ: B

เวทมนตร์เพิ่มเลเวลสำหรับเป้าหมายเดียว ต้องรอตามเวลาที่กำหนดจึงจะร่ายได้อีกครั้ง ไม่สามารถใช้กับตัวผู้ร่ายเองได้ เสริมค่าสถานะทั้งหมดของเป้าหมายเป็นจำนวน 30% ของยอดรวมค่าสถานะทั้งหมด

บทร่าย: จงเติบโตขึ้น พลังและกายา อณูแห่งความมั่งคั่งและความปรารถนา จนกว่ากาลเวลาจะเคลื่อนผ่าน จงนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์และภาพมายา จงเติบโตขึ้น จงนำพาอำนาจศักดิ์สิทธิ์มาสู่กายเนื้อนี้ จงนำพาแสงสีทองจากเบื้องบน ลงสู่ค้อนแห่งโลกา นำมาซึ่งโชคลาภอันประเสริฐแด่ตัวเจ้า จงเติบโตขึ้น (TL: ‘อูจิเดะ โนะ โคซูจิ’ คือค้อนนำพาโชคลาภตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นครับ)

[โคโคโนเอะ]

ระดับ: D

เวทมนตร์เสริมพลังพิเศษที่สามารถสร้างหางให้กับผู้ใช้ได้มากถึง 9 หาง จำนวนหางที่สร้างได้จริงจะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของตัวผู้ใช้เอง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพหรือผลของเวทมนตร์ที่ใช้ตามจำนวนหางที่สร้างขึ้น (จำนวนหางที่สร้างได้ในปัจจุบัน: 4)

บทร่าย: โคโคโนเอะ หิมะอันเป็นที่รัก สีเลือดอันเป็นที่รัก แสงสีขาวอันเป็นที่รัก ขอให้ข้าได้อยู่เคียงข้างเจ้า – ความรักที่พบเจอท่ามกลางสองพันราตรี นามของข้าคือจิ้งจอกแสนกล อดีตผู้ทำลายล้าง นามของข้าคือบทบรรเลงโบราณ อดีตผู้ใฝ่ฝัน สำหรับเจ้าผู้สยายปีกดั่งปักษา ข้าขอนำพาวิญญาณทั้งเก้าเข้าสู่กายา เสียงสะท้อน บทเพลงทองคำ บทกวีอันศักดิ์สิทธิ์ของทามาโมะ ใบหน้าขาวนวล ขนทองอร่าม ราชันเก้าหาง โอ หางแห่งอสูร กลืนกินทุกชีวิต ให้พรแด่ทุกสรรพสิ่ง (ร่ายเวทที่ต้องการเสริมคุณสมบัติ) – จงเต้นระบำ!

[จิตวิญญาณฟื้นฟู]

ระดับ:D

เพิ่มอัตราการฟื้นฟูของพลังงานทางจิตและพลังเวท (มานา)

[พรแห่งโพรมีธีอุส]

ระดับ:A

อัตราการเติบโตจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ที่เป็นคนใช้สกิลนี้ให้ ตราบใดที่ผู้ใช้สกิลยังมีชีวิตอยู่ ผู้รับพรนี้จะมีเติบโตที่รวดเร็วโดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่มีต่อผู้ใช้สกิล หากความรู้สึกจืดจางลง เมล็ดเปลวเพลิงที่อยู่ภายในหัวใจก็จะเริ่มจางหายไปเช่นกัน

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท