Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 275

ตอนที่ 275

วาห์นเดินออกจากห้องหลังโลกิออกไปได้ไม่นานนัก เขามีสีหน้าครุ่นคิดแต่ก็แฝงไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย

ท่าทางมั่นใจของโลกิทำให้วาห์นต้องคิดแล้วคิดอีกว่าคืนนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง

สิ่งหนึ่งที่พอเข้าใจก็คือ สำหรับกิจกรรมบางประเภทนั้น ยิ่งคนเยอะมันก็ยิ่งน่าสนใจกว่าเดิม

สำหรับวาห์นแล้วมันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะเขาต้องให้ความสนใจกับทุกคนแบบเท่าเทียมกัน แทนที่จะหลงมัวเมาไปกับผู้หญิงเพียงคนเดียว

ตัวอย่างเช่นตอนที่อยู่กับเฮเฟสตัส… ทั้งสองจัดกันหนักมากเสียจนเธอเกือบจะต้อง ‘ไล่’ เขาในวันถัดมา

แผนผังที่นั่งถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูเหมือนโลกิขับจะไล่ฮารุมิเมะออกไปและลงมานั่งตรงนั้นแทน

ตอนนี้เรนาร์ดสาวกำลังนั่งหน้าจ๋อยอยู่กับเฟนเรียร์และพรีเซียขณะที่ตัวการยังคงนั่งสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอวาห์นมาถึง บรรยากาศจึงเริ่มดีขึ้นตามลำดับแต่ก็ยังมีติดขัดบ้างเล็กน้อย

สำหรับสาวๆ ส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้พบกับโลกิซึ่งอีกฝ่ายนั้นปราศจากความเขินอายใดๆ ทั้งสิ้นและเอาแต่พูดเย้าแหย่ปนชมเชยพวกเธอต่างๆ นาๆ

เป้าหมายหลักก็เห็นจะเป็นเฟนเรียร์ซึ่งตัวเฟนเรียร์นั้นไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่พอโลกิเบนเป้าไปหาพรีเซียเท่านั้นแหละ เป็นเรื่องเป็นราว

เด็กสาวจิกกรงเล็บลงกับโต๊ะและเริ่มโวยทันที

“โลกิไม่ดี! อย่ามาพูดแกล้งพรีเซียนะ!”

ที่จริงโลกิรู้เรื่องของพรีเซียมาบ้างแล้วและคงจะไม่ไปยุ่งอะไรกับเธอหรอก เพียงแต่ว่าสายตาของหญิงสาวที่เอาแต่จ้องวาห์นตลอดนี่… ดูยังไงก็น่าสนใจจริงๆ

พอเห็นเฟนเรียร์ทำท่าทางเป็นเชิงบอกว่า ‘ห้ามแตะเด็ดขาด’ โลกิจึงหัวเราะแห้งๆ และหันไปดื่มไวน์ที่วาห์นเคยให้ไว้แทน

เธอได้ยินเรื่องของพวกผู้หญิงในคฤหาสน์มาเหมือนกัน และบอกได้เลยว่าทุกคนต่างมี ‘เอกลักษณ์ของตัวเอง’ กันทั้งนั้น

ถึงจะสัญญากับวาห์นไปแล้วว่าจะ ‘ไม่ไปเก็บดอกไม้ตามทาง’ แต่นิสัยเจ้าชู้ที่ทำมาตลอดนั้นใช่ว่าจะตัดก็ตัดกันได้ง่ายๆ

อีกเดี๋ยวก็จะได้ไปสนุกกับวาห์นและเฮสเทียอยู่แล้ว ความตื่นเต้นของโลกิจึงเผลอหลุดออกมาเล็กน้อยขณะที่เจ้าตัวเริ่มจินตนาการเรื่องที่คิดจะทำกับพวกสาวๆ ในอนาคต

หลังจบช่วงมื้อเย็นแล้วทุกคนยังอยู่คุยเล่นกันต่อ จากนั้นก็คงจะไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน

มิลานกับฮารุฮิเมะได้กลายมาเป็น ‘ครูผู้สอนอ่านเขียน’ อย่างสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่ศิษย์เอกอย่างเฟนเรียร์และทีน่าก็คอยมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย

มิโคโตะเข้าไปขอคำแนะนำบางอย่างจากริว จากนั้นทั้งสองก็เลยกลับออกไปที่ลานฝึกด้านนอก

พรีเซียนั้นพออ่านเขียนได้อยู่แล้ว เธอต่างจากคู่แฝดที่ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นและกำลังง่วนอยู่กับหนังสือเรียนเล่มยักษ์

ส่วนวาห์น เฮสเทีย และโลกินั้น ทั้งสามกำลังเตรียมตัวในแบบของตัวเองเพื่อรอรับค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง

ตอนแรกเฮสเทียอยากจะไปอาบน้ำกับวาห์นด้วย แต่เธอก็โดนโลกิลากไปอีกฝั่งแทน

โลกิคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สอนเฮสเทียเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ

เธอพูดเรื่องที่ต้องระวังและบางอย่างที่อาจดูไม่เหมาะสมสำหรับวาห์น

เด็กหญิงเฮสเทียเลยต้องก้มหน้ารับฟังคำสั่งสอนจาก ‘อดีตศัตรู’ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

ตอนนี้วาห์นกำลังแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์เหมือนเช่นเคย

เพราะสัมผัสออร่าของทั้งสองได้อย่างชัดเจน เขาจึงรู้ว่าตัวเองควรจะออกไปเมื่อไหร่

กว่าผู้หญิงคนอื่นๆ จะเข้ามาอาบน้ำบ้าง โลกิกับเฮสเทียก็แต่งตัวเสร็จแล้วและออกมาพบกับวาห์นที่ด้านนอกพอดี

พอเข้ามาในห้องนอนใหญ่ โลกิก็ดึงเครื่องรางบางอย่างออกมาจากไหนไม่รู้เพราะวาห์นไม่เห็นว่าชุดของเธอจะมีช่องไว้ใส่ของอยู่เลย

สีหน้าสงสัยของวาห์นทำให้โลกิแลบลิ้นนิดๆ ก่อนจะนำเครื่องรางดังกล่าวไปวางไว้ที่มุมห้องทั้งสี่ พอทำเสร็จแล้ว สนามพลังก็เริ่มทำงานและทำให้บรรยากาศในห้อง ‘หนาแน่น’ ขึ้น

หลังจากทดสอบอะไรอีกเล็กน้อย วาห์นก็เข้าใจว่าเสียงจะเดินทางผ่านความหนาแน่นนี้ไปได้ไม่ไกลนัก

โลกิเริ่มทดสอบโดยการป้องปากตะโกนจากตรงมุมห้องเสียจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด และแม้จะอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร วาห์นและเฮสเทียกลับไม่ได้ยินอะไรเลย นั่นรวมถึงเสียงหัวเราะของโลกิที่ควรจะดังขึ้นหลังจากนั้นด้วย

จากนั้นเธอจะเดินเข้ามาอยู่ในระยะ 3 เมตร

“คราวนี้จะเสียงดังแค่ไหนก็สบายหายห่วง~”

วาห์นจดบันทึกในใจว่าจะต้องตามไปถามเรื่องเครื่องรางจากโลกิทีหลังให้ได้

ส่วนเฮสเทียนั้นก็เอาแต่หน้าแดงและจินตนาการจนสติลอยไปไหนต่อไหนแล้ว ทว่าโลกิก็หันมาพูดด้วยและดึงให้มันลอยกลับมาเสียก่อน

“เฮสเทีย เธอต้องเลือกแล้วล่ะ

เธอจะเลือกแบบ ‘ธรรมดา’ โดยเชื่อใจและปล่อยให้วาห์นจัดการทุกอย่างก็ได้ หรือจะเลือกแบบที่ต้องเปิดใจให้กว้าง… แต่มันก็จะมีความหมายมากกว่า

เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอ เธอจะเลือกแบบแรกและสนุกกันแบบสองต่อสองก็ได้ แต่ ถ้าครั้งแรกของเธอมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วย มันก็จะเปลี่ยนแนวความคิดของเธอแบบสุดๆ ไปเลย

อย่าลืมนะว่าต่อให้รอบนี้ไม่มีฉัน แต่ครั้งหน้าเธอก็อาจจะได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นในสถานการณ์แบบเดียวกัน… เอาล่ะ จะเลือกแบบไหนดี?”

คล้ายกับครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกัน เฮสเทียเริ่มสวดภาวนาบางอย่างเพื่อสงบจิตใจของตัวเองลง จากนั้นเธอก็หันกลับมาหาโลกิด้วยใบหน้าติดแดงๆ

“ฉันรู้ว่าต่อไปตัวเองต้องทำเรื่องเห็นแก่ตัวแน่นอน งั้นก็ขอให้ครั้งแรกนี่… มาช่วยเปลี่ยนความคิดหน่อยละกัน

ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้กับวาห์นในอนาคต แล้วก็ไม่อยากกลับไปคิดอีกรอบให้เสียเวลาด้วย”

ขณะพูด ชุดของเฮสเทียก็ค่อยๆ ‘สลาย’ กลายเป็นกลีบดอกสีขาวและลงไปเรียงรายอยู่รอบเท้าของเธอแทน

เสื้อผ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีริบบิ้นสีน้ำเงินใต้ทรวงอก เครื่องประดับบนศีรษะ และชุดชั้นในสีขาวที่เอว

โลกิเริ่มพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย

“ตัดสินใจได้น่าชื่นชมมาก~!

ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะช่วยนำทางให้เอง เธอจะได้ไม่เจ็บมากหรือทำอะไรที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง

พอผ่านช่วงนั้นไปได้ อืมมม เดี๋ยวก็ดีเองแหละ ฮ่าๆ”

ขณะที่หัวเราะแบบแปลกๆ โลกิก็เริ่มถอดชุดแนบเนื้อของตัวเองออกมีละชิ้น

เธอเตะรองเท้าบูทออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะลงมานั่งที่ขอบเตียงและค่อยๆ แกะถุงน่องออก

แต่แล้วเธอก็ต้องหันกลับมาหาอีกสองคนที่ยังจ้องมาไม่เลิก

“นี่มัวรออะไรกันอยู่ ต้องให้ส่งการ์ดเชิญก่อนหรือไง~?

(หันไปหาเฮสเทีย)

ถ้าเธอไม่รู้จะทำอะไรดี งั้นก็ช่วยวาห์นถอดเสื้อผ้าไปพลางๆ หรือไม่ก็ไปนอนรอบนเตียงก่อนก็ได้”

ตอนนี้โลกิถอดแขนเสื้อเสร็จพอดี ก่อนจะเริ่มนำชิ้นผ้าที่หน้าอกออก

พอแอบชำเลืองมองวาห์นและเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นตามปกติ เธอก็ถอนหายใจโล่งอก

เฮสเทียทำตามคำแนะนำของโลกิและเริ่มช่วยวาห์นถอดเสื้อผ้าแบบเก้ๆ กังๆ ด้วยมืออันสั่นคลอน

ทั้งเธอและตัววาห์นเองคงจะลืมไปว่าเขาสามารถถอดเสื้อผ้าออกผ่านระบบเลยก็ได้

เขาหันไปหาโลกิที่ยิ้มตอบอย่างเย้ายวน ก่อนที่เธอจะถอดกางเกงขาสั้นออก เผยให้เห็นชุดชั้นในสีน้ำเงินบางที่อยู่ภายใน

ของที่วาห์นยังไม่ได้ถอดก็มีเพียงบ๊อกเซอร์เท่านั้น ตอนนี้ทุกคนก็เลยเหลือเสื้อผ้าติดตัวกันอยู่เพียงชิ้นเดียว

โลกิเริ่มชิงลงมือก่อนแบบไม่อายใคร เธอถอดชั้นในออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขึ้นไปนอน ‘ให้ท่า’ อยู่บนเตียง

ถึงจะ ‘ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน’ แต่จุดซ่อนเร้นของโลกินั้นดูราวกับไม่เคยถูกใช้งานที่ไหนมาก่อนเลย

เทพจอมเจ้าเล่ห์ที่มักทำทุกอย่างแบบไม่สนใจใคร บัดนี้เริ่มมีใบหน้าขึ้นสีแดงให้เห็นบ้างแล้ว

“เป็นไง? นี่ปกติฉันไม่ให้ใครมาจ้องแบบนี้หรอกนะ”

วาห์นอมยิ้มและพูดในสิ่งที่คนถามไม่ทันคาดคิดมาก่อน

“เธอดูสวยมาก”

ดวงตาสีแดงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่โลกิจะหุบขาลงและเริ่มคลานมาที่กลางเตียง

“เริ่มกันเลยดีกว่า ก่อนที่ฉันจะรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้”

วาห์นเผลอจ้องจังหวะการคลานของอีกฝ่ายเพลินเลย แต่พอได้ยินคำพูดนั่น เขาก็ก้มไปถอดบ๊อกเซอร์ของตัวเองทันที

เฮสเทียเองก็เลิกโอ้เอ้และรีบถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออกเช่นกัน

ต่อให้ไม่นับทรวกอกอวบอิ่มที่เกือบจะไร้ที่ติ เรือนร่างของเทพตัวเล็กก็ทำให้วาห์นใจเต้นไม่เป็นส่ำไปพักหนึ่ง

นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่าตัวเองเป็นล้านเท่า เขาอาจจะเกิดปอดแหกขึ้นมาแทนก็ได้ (TL: โลลิโลลิโลลิ)

แต่ก่อนที่วาห์นจะยลโฉมเรือนร่างของเฮสเทียเสร็จ โลกิก็พูดแทรกขึ้นมา

“โอ้โหเฮสเทีย เห็นแบบนี้แล้วไม่รู้สึกอิจฉาก็แปลกละ”

จากนั้นเธอก็หันมาจับเนินอกราบเรียบของตัวเองก่อนจะถอนหายใจพลางส่ายหัวเบาๆ

หลังจากนำมือออกไปแล้ว วาห์นก็ได้เห็นจุดเล็กๆ ที่มีสีพีชเป็นครั้งแรก

ถึงจะเอาไปอวดใครไม่ได้ แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่า ‘บ๋อแบ๋ไม่มีอะไรเลย’

อาจเป็นเพราะคำพูดของโลกิจากตอนก่อนหน้านี้ เฮสเทียที่มีสีหน้ามั่นใจกว่าเดิมเริ่งดึงวาห์นเข้ามาใกล้พร้อมพูดขึ้น

“ไม่เห็นเป็นไรเลย วาห์นไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้สักหน่อย~!

ถึงหน้าอกของฉันจะดีที่สุด แต่คนอื่นๆ ก็มีข้อดีแตกต่างกันไปนี่นะ”

เพราะไม่คิดว่าจะได้รับ ‘คำปลอบ’ จากอริเก่า โลกิจึงทำหน้าเหวอไปเหมือนกันขณะที่อีกสองคนตามขึ้นมาบนเตียง

ตอนนี้เธอรู้สึกว่าทุกคนดูเก้ๆ กังๆ ไปหมด ทั้งๆ ที่วาห์นเองก็เคยผ่านประสบการณ์มาบ้างแล้ว

มันจะราบรื่นกว่านี้มากหากเขารุกหนักกว่านี้ แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอเคยบอกว่าจะ ‘นำทางให้เอง’

หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ โลกิได้ขอให้วาห์น ‘คอยช่วย’

เขาจึงกลายสภาพมาเป็น ‘คนตาม’ ทั้งๆ ที่ควรจะรุกใส่หญิงสาวทั้งสองก่อน

เธอเริ่มตระหนักว่าตัวเองควรหาคนมา ‘สอน’ วาห์นแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักทีนึง ไม่งั้นต่อไปคนอื่นๆ คงได้ลำบากกันอีกเยอะ

เรื่องนี้โลกิไม่ควรสอนเองเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงเริ่มใช้สมองคิดไปมาขณะจัดท่าให้วาห์นนอนลงกับเตียง

—————

จากนั้นเธอก็หันมาพูดกับเฮสเทียบ้าง

“เอาล่ะ จากที่เล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฉันฟัง เธอน่าจะรู้บ้างแล้วว่าต้องทำยังไง

ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดีก่อนล่ะก็ รับรองว่าเจ็บแน่

จะลองให้วาห์นนวดให้ก็ได้นะ แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือเธอควรจะ ‘เสร็จ’ สัก 2-3 ครั้งก่อนจะใส่เข้าไป

เดี๋ยวจะลองแสดงให้ดูแบบคร่าวๆ ละกัน…” ขณะพูด โลกิก็ขึ้นมานั่งยองๆ ตรงส่วนเอวของวาห์นและ ‘เผย’ ทุกอย่างให้อีกสองคนได้เห็น

ถึงจะดูผอมมาก แต่โลกิก็สูงพอๆ กับวาห์นและมีร่างกายที่โตเป็นเต็มที่ จะติดก็แค่เรื่องหน้าอกนี่แหละ

เอวของเธอดูโค้งเว้าและค่อนข้างกว้าง บั้นท้ายก็แน่นและให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้ถูกนั่งทับ รวมๆ แล้วท่าทางของเธอดูเป็นผู้หญิงที่เชี่ยวชาญกับเรื่องที่กำลังจะทำในตอนนี้มาก

โลกิหันไปพูดกับเฮสเทียอีกครั้ง

“ไปนั่งตรงหน้าของวาห์นแล้วก็อย่าไปทับแขนเข้าล่ะ เพราะเธอต้องให้เขาใช้มันพยุงช่วยด้วย

วาห์น… ฉันว่านายคงจะพอเข้าใจอยู่แล้วนะ”

ถึงจะดูไม่ค่อยเป็นงานนัก แต่สุดท้ายเฮสเทียก็ขึ้นมาประจำที่ได้สำเร็จ

“ขอโทษนะ…” เธอพูดแบบเขินๆ

ถึงจะมองไม่เห็นโลกิในขณะนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือภาพจุดซ่อนเร้นที่เห็นไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนเช้า

มันเริ่มมีกลิ่นเย้ายวนออกมาบ้างแล้ว นี่เป็นสัญญาณบอกว่าเฮสเทียกำลังเข้าสู่สภาพ ‘เครื่องติด’

ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงของโลกิดังขึ้น

“ค่อยๆ โน้มตัวมาข้างหน้าแต่ไม่ต้องเยอะมากนะ แล้วก็ลดเอวลงด้วย จะได้ไม่เป็นตะคริว

ถ้าไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปแบบเต็มๆ ล่ะก็ วาห์นคงไม่เป็นไรหรอก

แต่ถ้าแบบนั้นขึ้นมา เขาก็น่าจะสลัดพวกเราลงได้อยู่ดี” โลกิพูดจบพอดีกับที่เฮสเทียนั่งทับลงไปแล้วแบบเต็มๆ…

วาห์นรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นตรงริมฝีปากและคางก่อนที่ร่างของเฮสเทียจะเด้งกลับขึ้นไป

“อย่าไปถ่วงเขาหมดเลยสิ มาข้างหน้านิดนึง… เอ้านี่ จับมือฉันไว้” โลกิเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ

หัวใจของเฮสเทียแทบจะหลุดออกจากร่างหลังจากที่เอา ‘ปากล่าง’ ไปจูบกับวาห์นเล็กน้อย

ลมหายใจร้อนๆ ของเขาทำให้เธอตื่นตระหนกมาก และไม่นานความรู้สึกดังกล่าวก็ทำให้ช่องท้องเกิดร้อนวูบวาบอย่างไม่มีเหตุผล

พอเห็นโลกิส่งมือให้ เฮสเทียก็จับมันไว้และรู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะเลย

ด้วยสีหน้า ‘อ่อนโยน’ โลกิปล่อยมือข้างหนึ่งออกก่อนจะถอยหลังไปอีกหน่อย

“วาห์น นายเบาๆ มือกับเฮสเทียไปก่อนนะ… ฉันจะสอนอะไรให้เธอหน่อย”

วาห์นพยักหน้ากับตัวเองขณะนำหน้าเข้ามาสัมผัสกับร่องเล็กๆ ที่เริ่มเผยอออกนิดๆ

เขารู้สึกได้ถึงมือของโลกิที่ยื่นมาจับอาวุธคู่กายขณะที่ตัวเองยังคงง่วนอยู่กับเรื่องตรงหน้า

ร่างกายของเฮสเทียเริ่มเกร็งเมื่อวาห์นใช้ลิ้นโลมเลียด้านในแบบเป็นจังหวะ

เธอเกร็งตัวเป็นระยะๆ ขณะที่ความรู้สึกเสียวซ่านพุ่งผ่านร่างกาย ทว่าดวงตาสสีฟ้าก็ยังคง ‘จับจ้อง’ ไปทางคู่อริเก่า

ตอนนี้โลกิได้นำอาวุธของวาห์นมาทาบกับ ‘ปากทางเข้า’ ของตัวเอง ก่อนจะยกเอวขึ้นอีกเล็กน้อยจนส่วนปลายสัมผัสกับริมฝีปากล่างของเธอแบบพอดิบพอดี

เธอชี้ไปตรงรูเล็กๆ ที่อยู่บนสุดก่อน

“ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอต้องไปสนใจนะ ดูให้แน่ใจด้วยว่าเจ้าท่อนนี่เข้าไปอีกรูนึง…”

หลังจากเห็นเฮสเทียพยักหน้า โลกิก็สูดหายใจลึกๆ หลายครั้งก่อนจะปรับมุมต่ออีกหน่อยและค่อยๆ สอดปลายอันแข็งกร้าวเข้าไปข้างใน

ทุกครั้งที่หายใจออก เธอก็จะลดตัวลงทีละนิดจนกระทั่งผ่านไปได้แล้วประมาณครึ่งทาง

เพราะมีประสบการณ์มากกว่าเฮเฟสตัสหลายเท่า การน้อมรับวาห์นเข้าไปข้างในจึงไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไรนัก เพียงแต่เธออยากทำให้เฮสเทียดูแบบช้าๆ เท่านั้นเอง

เธอยังสงสัยด้วยว่าวาห์นนั้นจะอึดสักแค่ไหน เพราะนี่เป็นเรื่องที่เฮเฟสตัสเคยคุยไว้ฟุ้งเลย

ถึงร่างกายของคนที่อยู่ด้านล่างจะกระตุกเล็กน้อย เธอก็สังเกตเห็นว่าวาห์นยังคงมีสมาธิและพยายามฝ่าแนวป้องกันของเฮสเทียอย่างขะมักเขม้น

โลกิพยายามเอนตัวมาข้างหลังเพื่อที่เฮสเทียจะได้เห็นทุกอย่างชัดเจน แต่พอเครื่องของตัวเองเริ่มติดขึ้นมาบ้าง ความอดทนของเธอจึงลดลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากเอนตัวเข้าไปหาเฮสเทียจนหน้าอกชนกัน โลกิก็ลดเอวลงไปจนมิดด้าม

เธอถอนหายใจอย่างพึงพอใจก่อนจะเปรยออกมา

“ต่อให้นายไม่ว่าอะไร มาเจอแบบนี้ ฉันก็คงไปเล่นกับคนอื่นไม่ได้แล้วล่ะ…”

วาห์นนั้นไม่ใช่คนที่ ‘ใหญ่ที่สุด’ ที่โลกิเคยเจอ แต่ทั้งความยืดหยุ่น ความหนา บวกกับความร้อนสูง ทุกอย่างทำให้เธอรู้สึกลุ่มหลงไปหมด

แม้ว่าส่วนปลายของเขาจะเข้ามาประชิดจนติดชายแดนแล้ว แต่กำแพงชั้นในของเธอก็ยังพยายามลดต่ำลงเพื่อไปต้อนรับมันอีก

จากมุมมองของวาห์น เขารู้สึกดีมากจนอยากจะหลั่งออกมาซะเดี๋ยวนั้นเลย ราวกับว่ามีบางอย่างที่อุ่นและเนียนนุ่มกำลังกำเขาไว้อย่างแน่นหนา

ภายในของโลกินั้นต่างไปจากทุกอย่างที่เขาเคยเจอมา

ส่วนเรื่องที่โลกิ ‘ลงมาต้อนรับ’ เป็นอย่างดี… แน่นอนว่าเขาสัมผัสถึงมันได้แบบจับใจเลย

เป็นช่วงเวลาหลายวินาทีที่โลกิไม่ได้ขยับเขยื้อนและเอาแต่จ้องมองเฮสเทียที่ถูกวาห์นเล้าโลมจนใกล้จะเสร็จเต็มทีแล้ว

เทพตัวเล็กกัดฟันแน่นและหายใจผ่านจมูกเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา

แม้ว่าโลกิจะตั้งกำแพงเสียงเอาไว้แล้วก็ตาม แต่เฮสเทียก็รู้สึกเขินอยู่ดีที่มีคนอื่นมาจ้องแบบนี้

เพราะนอกจากใบหน้าของตัวเองจะดูแทบไม่ได้แล้ว เธอยังต้องคอยหักห้ามไม่ให้ร่างกายคล้อยตามความหฤหรรษ์ที่พยายามแทรกซึมไปทั่ว

วาห์นมองไม่เห็นเลยว่าข้างบนนั้นเกิดอะไรกันขึ้นบ้าง แต่เขาคิดว่าโลกิน่าจะไปแบบช้าๆ เพื่อให้เวลาเฮสเทียปรับตัว

เขายังคงใช้ลิ้นเข้าจัดการกับของเหลวที่ไหลออกมาจากเฮสเทียแบบไม่มีหยุด ขณะเดียวกันก็ใช้มือนวดตรงกลีบดอกชั้นในไปพร้อมๆ กันด้วย

เขาอยากลองดูเหมือนกันว่าจะทำให้เธอเสร็จโดยที่ไม่ไปยุ่งกับเจ้าเจ้าตุ่มแข็งชันได้หรือเปล่า… ดูจากภายในที่บิดไปมาแล้วก็น่าจะได้อยู่นะ

เสียงหายใจผ่านจมูกของเฮสเทียเริ่มยาวขึ้น รุนแรงขึ้น ทว่าวาห์นก็ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไร้ความปราณี

เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นภาชนะที่กำลังถูกเติมจนใกล้จะล้นอยู่แล้ว แถมยังต้องมาทนสายตาจ้องมองของอดีตคู่กัดอีก…

มือที่พยายามจะสะบัดให้หลุดก็ดันถูกอีกฝ่ายจับล็อคอย่างแน่นหนา

ตอนนี้เธอได้แต่พิงหน้าอกไปกับร่างของอีกฝ่ายในสภาพที่หายใจแทบไม่ทัน

แต่ก่อนที่จะมีอะไร ‘ล้น’ ออกมา เฮสเทียก็เริ่มหอบเสียงดังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โลกิโน้มหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากของเธอ

เฮสเทียตกใจกับจูบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ นั่นเปิดโอกาสให้วาห์นฝ่าแนวป้องกันของเธอไปได้อย่างงดงามและดุดันมาก

เฮสเทียอยากจะปิดปากและกัดฟันอีกครั้ง ทว่าลิ้นที่รุกล้ำเข้ามาข้างในกลับไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นได้ง่ายๆ

ในระหว่างที่ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง เธอก็หอบหายใจหนักๆ ภายใต้การจู่โจมผสานระหว่างโลกิและวาห์น

ผ่านไปอีกหลายวินาที เอวของเฮสเทียก็ตกลงอย่างหมดเรี่ยวแรงในขณะที่เจ้าตัวเริ่มจูบตอบโลกิตามสัญชาตญาณ

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท