วาห์นยังคงนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงระเบียงขณะคิดเรื่องวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและคนอื่นๆ
เขารู้ว่าถ้ามี ‘เดอะพาธ’ เรื่องที่จะเก่งกว่าใครก็ไม่ใช่แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
แต่การมีของดีติดตัวนั้นไม่ใช่ทุกอย่าง เขายังต้องใส่ความพยายามและทำความเข้าใจกับบทบัญญัติสกิลต่างๆ ให้มากกว่าเดิมด้วย
ในแต่ละเรคคอร์ดจะมีบทบัญญัติของตัวมันเอง ซึ่งจุดนี้วาห์นก็ต้องเริ่มเรียนรู้จากศูนย์เหมือนกับคนอื่น แต่ยังดีที่เขามีตัวช่วยทำให้เรียนได้ง่ายกว่าขึ้น
เขายังสามารถใช้ไอเท็มเข้าช่วย โดยไม่ได้เน้นไปที่การเพิ่มค่าสถานะโดยตรง แต่จะเน้นไปที่อัตราการเพิ่มในอนาคตของพวกมันแทน
สำหรับเรคคอร์ดันมาจิแห่งนี้นั้น ต่อให้วิดพื้นล้านครั้ง วิ่งพันกิโลเมตรและฝึกออกกำลังอีก 10 ปี ค่าสถานะก็คงเพิ่มขึ้นมาไม่มาก ดีไม่ดีอาจไม่เพิ่มเลยด้วยซ้ำ
ในการที่ฟาลน่าจะเข้ามาเสริมค่าสถานะของใครสักคน คนๆ นั้นจะต้องผ่านกรรมวิธีที่เรคคอร์ดตั้งไว้ ซึ่งในกรณีนี้ก็คือการล่ามอนสเตอร์และฟันฝ่าอุปสรรคครั้งใหญ่นั่นเอง
แน่นอนว่าการล่าก็อบลินที่อยู่ชั้น 2 ไปตลอดชาตินั้นจะไม่ทำให้นักผจญภัยขึ้นไปถึงเลเวล 10 เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
เขายังต้องผลักดันความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเป็นครั้งคราว
ด้วยการใช้ไอเท็มเสริม วาห์นจะสามารถเพิ่มค่าสถานะของตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะหมด… เพราะตอนนี้วาห์นรู้แล้วว่าตัวเองพัฒนาได้เร็วและผิดธรรมชาติเกินไป
การที่ค่าสถานะเพิ่มได้เองโดยไม่ผ่านการอัพเดทจากทวยเทพนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ช่วงหลังคงจะเป็นอะไรที่ลำบากแสนสาหัสำหรับวาห์น
หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนไม่ยอมอัพเดทกระดานค่าสถานะก็เพราะว่ามันจะทำให้อัตราการเพิ่มค่าในช่วงหลังง่ายกว่าเดิม
มันยังทำให้พวกเขาได้ฝึกความชำนาญในการสู้กับมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะสูงกว่าอยู่เป็นประจำ
พอถึงช่วงที่ต้องอัพเดท พวกเขาก็จะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
(TL: นักผจญภัย A มีค่าสถาะทั้งหมด = 300 นักผจญภัย B มีค่าสถาะทั้งหมด = 500
A กับ B สู้กับมอนสเตอร์ชนิดเดียวกัน พอไปอัพเดทแล้วจะพบว่า A ได้จำนวนค่าสถานะมากกว่า B
หลักๆ ก็เพราะ A ที่มีค่าสถานะน้อยกว่า ก็เลยสู้ลำบากกว่า B
ยิ่งเสี่ยง = ยิ่งได้ค่าสถานะตอนอัพเดทมากขึ้น ‘แต่’ ยิ่งเสี่ยง = โอกาสตายสูงขึ้น
โลกนี้ไม่มีตายแล้วไปเกิดจุดเซฟ จะทำอะไรก็ต้องระวังให้มากๆ~)
เพราะวาห์นได้รับค่าสถานะทันทีที่สู้กับมอนสเตอร์เสร็จ แบบนี้ต่อไปเขาคงเจอกับปัญหาคอขวดก่อนใครเพื่อน
ถ้าบวกเรื่องสกิลแฝงกับอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปอีกล่ะก็…
“เห้ออ”
วาห์นถอนหายใจขณะหันไปมองดวงตะวันที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้า
แสงของมันช่างดูอ่อนโยนมาก แต่ก็รุนแรงพอที่จะขับไล่ความมืดทั้งปวงให้ออกไปจากผืนฟ้าได้ และนั้นยังเป็นสัญญาณบอกอีกด้วยว่าได้เวลาฝึกของพวกสาวๆ แล้ว
ตอนนี้วาห์นไม่ได้ลงมาดูแลเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่เข้าก็ยังชอบมาดูพวกเธอฝึกเป็นประจำ แบบนี้จะได้รู้ด้วยว่าแต่ละคนก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว
ถึงจะห่วงอนาคตของตัวเอง แต่วาห์นก็รู้ว่าการมีปาร์ตี้ที่พึ่งพาได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
คนส่วนใหญ่อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการก้าวขึ้นสู่เลเวล 5
วาห์นเลยหมายมั่นว่าเขาจะต้องย่นเวลาของพวกสาวๆ ให้ได้มากที่สุด เอาให้เหลือแค่ปีสองปีพอ
ส่วนคนที่มีโอกาสเติบโตได้เร็วที่สุดนั้นเห็นจะเป็นฮารุฮิเมะ นอกจากนั้น เวทมนตร์เพิ่มเลเวลชั่วคราวของเธออาจจะกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับตัวเขาเองด้วย
ปัญหาก็คือการเพิ่มค่าสถานะให้กับฮารุฮิเมะโดยที่เจ้าตัวจะต้องไม่ออกไปเสี่ยงข้างนอกนี่สิ…
ทันทีที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง วาห์นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่เกือบทำให้เขาพลัดตกจากระเบียง
เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง วาห์นก็เลยต้องอ่านมันซ้ำอีกหลายรอบ จากนั้นก็ต่อด้วยการเดินไปสอบถามอาคิว่าเมื่อคืนกลุ่มพันธมิตรได้ส่งคนออกไปตอบโต้อิชทาร์แฟมิเลียบ้างหรือเปล่า
การที่มีคนยื่นมือเข้าช่วยนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องดี แต่วาห์นก็ยังคิดไม่ตกว่าแบบนี้มันจะ ‘สะดวก’ เกินไปหรือเปล่า?
———————————————————————————-
//ภารกิจสำเร็จ//
[ภารกิจ: ช่วยเหลือซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะ]
ระดับ: B (C-S)
เป้าหมาย: ช่วยซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะจากผู้ที่จับเธอไว้
เป้าหมายเพิ่มเติม: กำจัดและ/หรือสังหารผู้จับกุม: 2/10
รางวัล: ปลดล็อคระบบ ‘อัพเกรด’, 10x[หินอัพเกรด], 14,000 OP
รางวัลจากเกรด: ปลดล็อคสกิล [ครูฝึก:C], 1x[ตราประทับของผู้ท้าชิง:S]
[อัพเกรด]
การใช้งาน: เพิ่มค่าคุณสมบัติของอุปกรณ์โดยคิดเป็น 1% ของค่าคุณสมบัติปัจจุบัน จากนั้นจะเพิ่ม +(ตัวเลข) ไว้ที่ด้านหลังชื่ออุปกรณ์
ต้องมี [หินอัพเกรด] เพื่อใช้งาน
โอกาสสำเร็จจะลดลงเมื่ออุปกรณ์มี +(ตัวเลข) มากขึ้น
สามารถซื้อ [หินอัพเกรด] เพิ่มได้ในราคา 100,000 OP
[หินอัพเกรด] มีโอกาสที่จะดรอปจากมอนสเตอร์ภายในเรคคอร์ด
10X[หินอัพเกรด] สามารถนำมาแลกเป็น 1x[หินอัพเกรด+] ได้
10X[หินอัพเกรด+] สามารถนำมาแลกเป็น 1x[หินอัพเกรด++] ได้
[หินอัพเกรด]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +10 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
หลังจาก +10 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +15 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากการอัพเกรดล้มเหลว
[หินอัพเกรด+]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +20 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
หลังจาก +20 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +25 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากอัพเกรดล้มเหลว
[หินอัพเกรด++]
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +30 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ หลังจาก +30 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +35 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากอัพเกรดล้มเหลว
[ครูฝึก]
ระดับ:C
การใช้งาน: เพิ่มค่าเอ็กซีเลียของเป้าหมายที่จับคู่ด้วย
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน เป้าหมายก็จะได้ยินคำสั่งต่างๆ อย่างชัดเจน
ประสิทธิภาพของสกิลจะขึ้นอยู่กับจำนวนของเป้าหมาย จำนวนเป้าหมายที่รองรับในปัจจุบัน (1)
[ตราประทับของผู้ท้าชิง]
ระดับ:S
ช่อง:0
พลังป้องกัน: 0
พลังป้องกันเวท: 0
คุณสมบัติ: ไม่สามารถทำลายได้, ผู้ท้าชิง(S)
ปลอกคอหนังสีดำประดับห่วงเล็กที่สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ได้มากเป็นสองเท่า
สามารถเพิ่มจำนวนห่วงเหล็กเพื่อเพิ่มอัตราดังกล่าวได้
หมายเหตุ : [ค่าความเสียหายที่ได้รับ] และ [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] จะเพิ่มขึ้นในจำนวนที่เท่าเทียมกัน
ในส่วนของ [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] นั้น จะนำค่าการโจมตีของคู่ต่อสู้มาคิดคำนวนกับค่าความทนทานของผู้สวมใส่
(TL: [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] ก็อัตราตีติดครินั่นแหละ)
———————————————————————————-
วาห์นรู้ว่า ‘เดอะพาธ’ มักจะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ เพียงแต่ครั้งนี้มันออกจะช่วยจนออกนอกหน้าไปหน่อย
เมื่อกี้เขายังกลุ้มเรื่องฝึกกับความปลอดภัยของฮารุฮิเมะอยู่เลย ไม่กี่วินาทีต่อมา ภารกิจก็เสร็จแถมไอเท็มช่วยฝึกก็ร่วงลงมาอยู่บนตักอีก มันจะสบายอะไรแบบนี้?
เนื่องจาก ‘เดอะพาธ’ นั้นถือกำเนิดขึ้นเพื่อ ‘ตอบรับ’ ความต้องการของเขา วาห์นเลยได้แต่อมยิ้มให้กับมัน
[ตราประทับของผู้ท้าชิง] จะช่วยแก้ปัญหาของวาห์นได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มที่ตอบโจทย์มาก
ตอนนี้มันอาจเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ทรงพลังที่สุดในเรคคอร์ดเลยก็ว่าได้
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะหลังจากที่อ่าน ‘ความสามารถ’ ของมันแล้ว วาห์นก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม
‘ผู้ท้าชิง’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของไอเท็มชิ้นนี้นั้นทำให้วาห์นสรุปได้ว่าการสร้างไอเท็มที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายๆ แถมเจ้าไอเท็มนี่ก็ไม่ได้เพิ่มพลังป้องกันแต่อย่างใด ทฤษฎีนี้คงต้องศึกษากันอีกสักระยะ
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
เมื่อวาห์นเดินมาเคาะประตูห้องของอาคิ หญิงสาวก็ไม่ได้ออกมารับแต่กลับเรียกให้เขาเข้ามาข้างใน
อาคินั้นกำลังจ้องมอง [บันทึกปูมหลัง] ที่เป็นตัวเก็บการสนทนาทั้งหมด สลับกับการเขียนคัมภีร์เพื่อสนทนากับใครบางคนอยู่
วาห์นรู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งวุ่นวายเรื่องที่สาวๆ คุยกัน เขาก็เลยเป็นฝ่ายถามอาคิโดยพยายามเลี่ยงไม่มองที่โต๊ะ
เพราะไม่มีเวลาเตรียมตัว ตอนนี้อาคิก็เลยยังอยู่ในชุดนอนสีครีม ทว่าสีหน้าของเธอนั้นห่างไกลจากคำว่า ‘ง่วงนอน’ มาก
“อิชทาร์แฟมิเลียจบสิ้นแล้ว… ตอนนี้ทางเรากำลังเก็บข้อมูลเพิ่มอยู่ แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นฝีมือของเฟรย่าแฟมิเลีย
ท่านโลกิฝากให้ฉันบอกนายว่าช่วงนี้ห้ามเข้าหาเฟรย่าแฟมิเลียเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
พอได้รู้ว่าอิชทาร์แฟมิเลีย ‘จบสิ้น’ แล้ว วาห์นก็รู้สึกได้ถึงอะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่โล่งใจ ว้าวุ่น วิตกกังวล ไปจนถึงหวาดกลัว
แบบนี้เรื่องของฮารุฮิเมะก็คือว่าเคลียร์แล้ว แต่ไอช่ากับพรรคพวกของเธอล่ะ?
เขาได้แต่หวังว่าพวกเธอจะหนีออกมาทันและออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม… ทว่าความหวังดังกล่าวนั้นยังมีความกลัวปะปนอยู่เล็กน้อย
เพราะถ้าหนีออกมาได้จริง โอกาสที่พวกเธอจะมาขอความช่วยเหลือจากเขานั้นใช่ว่าจะมีน้อยซะที่ไหนกัน
ที่จริงวาห์นก็ไม่ติดขัดอะไรหรอก แต่การที่สาวอเมซอน ‘มากประสบการณ์’ ยกขโยงมาอยู่ที่ด้วยมันออกจะ…
แค่ทีโอน่ากับทีโอเน่สองคนก็ตึงมือจะแย่แล้ว นี่ถ้ามีเพิ่มอีกมันจะไม่วุ่นไปกันใหญ่เหรอ?
แน่นอนว่าปัญหาที่ใหญ่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่โลกิกำลังสงสัยอยู่ นั่นคือการที่เฟรย่าแฟมิเลียออกมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
แม้จะยังไม่ได้เจอหน้ากันมาก่อน แต่วาห์นก็รู้เรื่องของเฟรย่ามาบ้าง แล้วก็รู้ดีด้วยว่าตัวเองเป็นพวกใจอ่อนกับผู้หญิง
วาห์นรู้ว่าเฟรย่าคือสาวงามที่ ‘งามแบบไม่แบ่งใคร’ หรือไม่ก็ ‘งามจนไร้ใครเทียบ’ ซึ่งงานนี้เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะต้านเสน่ห์ของอีกฝ่ายได้มาน้อยแค่ไหน
มนตร์เสน่ห์น่ะใช้กับวาห์นไม่ได้ผลหรอก แต่ถ้าเป็นเสน่ห์ทั่วไปล่ะ?
อีกเหตุผลที่วาห์นไม่อยากเจอเฟรย่านั้นก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่รับมือได้ยาก วันดีคืนดีเธออาจเปลี่ยนเป้ามาทำร้ายคนรอบข้างเขาแทนก็ได้
ขนาดในเนื้อเรื่องหลัก เธอเองยังเป็นคนที่ทำให้เบลล์ต้องเจอกับอุปสรรคเสี่ยงตายมากมาย ทุกอย่างก็เพื่อทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิม
จากศักยภาพที่เขาแสดงออกมา รวมไปถึงเรื่องของ [เอ็นคิดู] แค่นี้วาห์นก็รู้แล้วว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร
อิทธิพลจากพลังศักดิ์สิทธิ์และอำนาจที่เฟรย่ามีอยู่ในมือนั้นทำให้เธอเป็นคนที่อันตรายที่สุดที่วาห์นเคยพบเจอ
ตอนนี้เธอเริ่มออกมาเคลื่อนไหวแล้ว วาห์นนึกภาพไม่ออกเลยว่าเรื่องระหว่างตัวเขา เฟรย่า และกลุ่มพันธมิตรจะลงเอยยังไง
หลังจากสัญญากับอาคิว่าจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน วาห์นก็ลงไปพบริวที่ชั้นล่างและได้รับข่าวสารแบบเดียวกัน
เอลฟ์สาวคงรู้สึกกังวลมาก เพราะสายตาของเธอที่มักจะนิ่งอยู่ตลอดกลับดูหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้วาห์นยังอ่านไม่ออกมาอิทธิพลของเฟรย่าต่อ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ นั้นมีมากน้อยแค่ไหน
ที่แน่ๆ ก็คือต้องมีการติดต่อกันเป็นประจำอย่างแน่นอน
แม้จะบอกว่าได้ ‘ตัดความสัมพันธ์’ ไปนานแล้ว แต่มามามีอาก็ยังเก็บตราสัญลักษณ์ของเฟรย่าไว้บนแผ่นหลัง ในขณะที่ซีลเองก็ยังเคยเป็นถึงศิษย์เอกของเฟรย่าในอดีต
วาห์นคาดว่าอีกไม่นานเฟรย่าคงใช้ความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อดึงให้เขาเข้าหา แต่เขาก็ยังรู้สึกดีใจที่สาวๆ ของร้านไม่เคยเกลี้ยกล่อมให้เขาไปพบเฟรย่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่มาก วาห์นกับริวก็เลยจบการฝึกให้เร็วกว่าปกติเพื่ออธิบายเรื่องราวให้คนอื่นฟัง
พอได้ยินเรื่องของอิชทาร์แฟมิเลีย ฮารุฮิเมะเองก็ทำหน้าไม่ถูกเช่นกัน คงเพราะเธอเป็นห่วงพวกไอช่าไม่ต่างไปจากวาห์น
ออร่าของมิโคโตะนั้นบ่งบอกว่าเธอโล่งใจมาก แต่เธอก็เก็บซ่อนมันไว้ก่อนจะหันไปปลอบฮารุฮิเมะแทน
วาห์นแจ้งให้ทุกคนทราบว่าอีกสักพักก็จะได้ลงดันเจี้ยนกันแล้ว แค่ต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายอีกสักหน่อย
ตอนนี้เขาเลยอยากให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
วันนี้ริวจะประจำอยู่ที่คฤหาสน์เพื่อรอดูสถานการณ์ เธอก็เลยใช้โอกาสนี้สอนคนอื่นไปด้วยเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรในดันเจี้ยนบ้าง
ไม่นานเธอก็เดินพาคนอื่นๆ ไปที่ห้องเรียนหนังสือในขณะที่วาห์นขอให้ฮารุฮิเมะอยู่ต่ออีกพักนึง
เพราะช่วงนี้ไม่ได้ ‘ลูบๆ’ ใครเลย วาห์นก็เลยพาฮารุฮิเมะไปนั่งพร้อมกับ ‘จัดสักหน่อย’ ตามมาด้วยคำพูดปลอบใจ
“อย่าคิดมากเลย ในวันที่ไปช่วยเธอออกมา ฉันก็ลบมนตร์เสน่ห์ให้ไอช่าไปแล้ว
เมื่อคืนเธอน่าจะรีบหนีออกมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะพาคนอื่นๆ มาด้วย…”
พอได้ยินแบบนั้น พุ่มหางของฮารุฮิเมะก็กระตุกเล็กน้อย ตามมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?”
วาห์นพยักหน้าแบบยิ้มๆ และเริ่มอธิบายเหตุการณ์ตอนนั้นให้เธอฟัง (TL: ตอนที่ 254-255)
ฮารุฮิเมะเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
“คุณไอช่า… ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ…” เธอเอ่ยเสียงเบา
พอโล่งใจแล้วแขนขาก็เริ่มอ่อนแรงจนเซไปเกาะคนข้างๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมา วาห์นก็เลยได้แต่ลูบผมสีทองอย่างทนุถนอม
ก่อนจะแยกกัน วาห์นก็อธิบายเรื่องสกิล [ครูฝึก] ที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ให้เธอฟัง
ส่วนที่มาที่ไปของสกิลนั้น เขาต้องเปลี่ยนไปบอกว่าได้มันมาจากการต่อสู้เมื่อตอนเช้ามืด
พอรู้ว่ามีคนพยายามเข้ามา ‘ลักพาตัว’ ฮารุฮิเมะก็ทำหน้าตื่นทันที แต่พอรู้ว่าวาห์นพยายามปกป้องโดยที่ไม่คิดจะเอาความดีความชอบตั้งแต่แรกนั้นก็ยิ่งทำให้เรนาร์ดสาวหลงเขาหนักกว่าเดิม
ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ออกมาช่วยเหลือ ฮารุฮิเมะก็ยังรู้สึกดีใจกับความพยายามของวาห์น สมแล้วที่ยกให้เป็นฮีโร่ในดวงใจ!
พอเปลี่ยนไปคุยเรื่อง [ครูฝึก] แบบละเอียด หูของฮารุฮิเมะก็กระตุกไปมาด้วยความตื่นเต้น
การลงดันเจี้ยนกับวาห์นแบบสองต่อสองพร้อมกับได้เพิ่มพลังของตัวเองอย่างรวดเร็วนั้น… นี่เธอฝันไปหรือเปล่า?
ฮารุฮิเมะรีบตัดบทและคะยั้นคะยอให้วาห์นลองทดสอบสกิลใหม่ทันที
นี่เป็นสกิลแบบเปิดใช้งานที่ต้องทำตามเงื่อนไขให้ครบก่อน ซึ่งในที่นี้ก็คือการเลือกเป้าหมายนั่นเอง
หลักๆ ก็คือเป็นการวางตราประทับไว้บนร่างกายของอีกฝ่าย แต่พอวาห์นได้เห็นตราประทับรูปหน้าการ์ตูนของตัวเองแล้วก็รู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน
และเพราะนี่เป็นสกิลแบบเข้าคู่ ใบหน้าการ์ตูนของฮารุฮิเมะจึงปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของวาห์นเช่นกัน เล่นเอาเรนาร์ดสาวตาลุกวาวเลยทีเดียว
เพราะเป็นการทดลองสกิลครั้งแรก วาห์นก็เลยประทับตาไว้บนหลังมือซ้ายของฮารุฮิเมะ ตอนนี้ทั้งคู่ก็เลยมีตราประทับของกันและกันที่ตำแหน่งดังกล่าว
หลังจากทำให้หญิงสาวใจเย็นลงแล้ว วาห์นก็เริ่มทดสอบระยะทำการของมันด้วยการใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาและพุ่งห่างออกมาจากตรงนั้น
หลังจากพุ่งออกไปสองสามรอบในระยะ 2 กิโลเมตร ตราประทับก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
รูปการ์ตูนของฮารุฮิเมะค่อยๆ เลือนหายไปซึ่งทำให้วาห์นเข้าใจระยะของสกิลนี้แล้ว ดูเหมือนจะไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
หลังจากพุ่งกลับมาที่ลานฝึก เขาก็พบว่าเรนาร์ดสาวกำลังทำหน้าจ๋อยพอๆ กับตอนที่รู้ข่าวเมื่อกี้นี้เลย
“รูปตราหายไปแล้วค่ะ…”
วาห์นเห็นแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ เพราะมันเป็นท่าทางที่ดูน่ารักจริงๆ
ตอนแรกวาห์นอยากจะเปลี่ยนตำแแหน่งตราประทับ แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าเกิดมีคนเผลอไปเห็นตราในตำแหน่งที่ล่อแหลม… งานนี้ชื่อเสียงคงกู่ไม่กลับแน่นอน
เขาบอกฮารุฮิเมะว่าอีกเดี๋ยวจะไปอธิบายสกิลนี้ให้คนอื่นฟังเช่นกัน
ฮารุฮิเมะพยักหน้าแบบหงอยๆ จนกระทั่งได้ยินประโยคต่อมา
“อย่าเศร้าเลย เดี๋ยวตอนทดลองสกิลให้คนอื่นดู ฉันจะให้เธอเป็นคนสาธิตเอง”
แบบนี้จะไม่ให้ฮารุฮิเมะยิ้มหน้าบานได้อย่างไร?
หญิงสาวค่อยๆ กลับไปใช้ท่าทางสง่างามดั่งเดิม ก่อนจะเอาหางมาพันไว้รอบแขนของวาห์นด้วยรอยยิ้มมีความสุข