หลังจากทำ [กำไลจิ้งจอกมิโกะ] เสร็จแล้ว งานของวาห์นในวันนี้ก็ถือเป็นอันจบลง
เพราะการล่มสลายของอิชทาร์แฟมิเลีย เย็นนี้วาห์นเลยอยากพาทุกคนไปฉลองที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’
นี่เป็นโอกาสดีที่ฮารุฮิเมะจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาหลังจากโดนกักบริเวณมานานหลายปี
หลังจากไม่ได้ไปที่นั่นมาพักหนึ่ง วาห์นเองก็อยากเจอกับพวกสาวๆ ของร้านเช่นกัน
ถ้าเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด การไปที่ร้านทุกวันอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเวลา ‘ไม่กี่นาที’ นั่นจะมีอะไรเกิดขึ้นที่คฤหาสน์บ้าง
ดีที่วาห์นเสร็จงานเร็ว เขาก็เลยรีบไปแจ้งคู่แฝดไว้ก่อน พวกเธอจะได้ไม่ต้องเตรียมทำอาหารเย็น
ตั้งแต่ตอนที่อาคิย้ายเข้ามาอยู่ เอมิรุกับมาเอมิก็เริ่มขยันหนักยิ่งกว่าเก่าและมักจะใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของตัวคฤหาสน์
วาห์นอยากพูดออกไปว่าไม่ต้องเนี้ยบขนาดนั้นก็ได้ แต่คิดไปคิดมาแล้วเขาเองก็ชอบบ้านที่ดูสะอาดสะอ้านแบบนี้เหมือนกัน แถมพวกเขาก็ไม่ได้จ้างพนักงานความสะอาดจากข้างนอกด้วย
ที่นี่เป็นทั้งฐานที่มั่นและที่พักอาศัยของทุกคนในเฮสเทียแฟมิเลีย ตามหลักแล้วงานจิปาถะควรตกเป็นของหน่วยสนับสนุนทั่วไป แต่ตอนนี้ตำแหน่งที่ว่าก็มีเพียงพรีเซียคนเดียว
หลังจากฟังที่วาห์นพูดจบ ทั้งสองก็โค้งให้และพูดอย่างพร้อมเพรียง
“ขอบคุณที่มาแจ้งให้เราทราบนะคะ ท่านวาห์น~!” x2
วาห์นได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางพยักหน้าให้กับพวกเธอ
ตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านกระดานค่าสถานะของทั้งสอง พวกเธอก็สำรวมท่าทางและเข้าหาวาห์นน้อยลง
ทว่ายังมีบางครั้งที่สองสาวพยายามยั่วเขาแบบเล่นๆ เช่นการโค้งให้พร้อมกระดิกหูดุ๊กดิ๊กไปมา
นี่แหละที่ทำให้วาห์นแก้นิสัยชอบ ‘ลูบๆ’ ไม่ได้สักที แถมนับวันความต้านทานของเขาก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ
หลังจากข่มใจตัวเองและบอกให้ทั้งคู่ออกไปแจ้งเฟนเรียกับพรีเซีย วาห์นก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องของมิโคโตะและฮารุฮิเมะ
ไม่นานมิโคโตะก็ออกมาเปิดให้ แต่คนที่ชิงเรียกให้เขาเข้ามาข้างในก่อนนั้นกลับเป็นฮารุฮิเมะ
เพราะไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่ตอนตกแต่งครั้งแรก ความเปลี่ยนแปลงของมันเลยทำให้วาห์นทึ่งหน่อยๆ
เนื่องจากเป็นชาวตะวันออก พวกเธอก็เลยเปลี่ยนตำแหน่งของอะไรหลายๆ อย่าง โดยรวมแล้วถือว่าบรรยากาศในห้องนั้นดูผ่อนคลายกว่าเดิมมาก
ฮารุฮิเมะที่กำลังนั่งอยู่บนหมอนรองพื้นค่อยๆ ขยับตัวขึ้นโดยนาบมือไว้กับตักก่อนจะโค้งต้อนรับเขาอย่างสุภาพ
วาห์นเองก็โค้งรับตามนิสัยและทำให้มิโคโตะยิ่งโค้งต่ำกว่าเดิม…
บรรยากาศเริ่มดูแปลกๆ จนกระทั่งฮารุฮิเมะหัวเราะแก้สถานการณ์ เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายลงทันที แม้แต่วาห์นเองก็หัวเราะตามไปด้วย ทว่ามิโคโตะนั้นเลือกที่จะยิ้มบางๆ
ทั้งสองเชิญให้วาห์นมานั่งด้วยกัน แต่เขาก็โบกมือก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่มาบอกพวกเธอว่าคืนนี้เราจะออกไปทานข้าวข้างนอกกัน
เพราะฮารุฮิเมะยังไม่เคยออกไปไหน ฉันเลยคิดว่านี่คงเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเธอ”
มิโคโตะพยักหน้าเล็กน้อย ทว่าดวงตาและรอยยิ้มของฮารุฮิเมะกลับดูสดใสมากกว่าปกติ
ดูเหมือนเธอจะดีใจมากจริงๆ แต่แล้ววาห์นที่อดใจไม่ไหวเพราะอยากเห็น ‘ฉากต่อไป’ ก็เริ่มพูดต่อพลางยืนบางอย่างออกมา
“นี่คือเครื่องประดับรุ่นต้นแบบที่ฉันทำขึ้นมานะ ต่อไปมันจะช่วยให้พวกเธอมีมานาสำรองไว้ใช้
กำไลนี่น่าจะเก็บมานาเข้าไปได้บางส่วน เดี๋ยวลองเอาไปใช้ดูละกัน
ที่จริงฉันวางแผนว่าจะทำกำไลคู่ให้กับพวกเธอสองคน แต่อันนี้มีชื่อว่า [กำไลจิ้งจอกมิโกะ] และเป็นอุปกรณ์สำหรับเผ่าเรนาร์ดเท่านั้น…”
ตอนแรกพวกเธอก็มองกำไลข้อมือด้วยความสงสัย แต่พอวาห์นอธิบายคุณสมบัติและข้อจำกัดเสร็จ มือของฮารุฮิเมะก็พุ่งออกไปคว้ามันไว้ด้วยความเร็วที่เทียบเท่านักผจญภับเลเวล 8! มันเร็วมากเสียจนคนมองเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกับภาพติดตา
วาห์นเบิกตากว้างขณะจ้องมองหญิงสาวที่กำลังใช้มือสองข้างโอบกำไลไว้กับอ้อมอกพร้อมรอยยิ้ม
เธอหันกลับมาหาวาห์นด้วยดวงตาสีเขียวระยิบระยับ
“ขอบคุณค่ะคุณวาห์น มันสวยมากเลย~!”
วาห์นเก็บมือที่ยื่นคาไว้กลับมาก่อนจะยิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรหรอก ฮารุฮิเมะ เดี๋ยวฉันต้องทำกำไลเพิ่มอีกอัน ต่อด้วยสนับแข้งแล้วก็สร้อยคอด้วย แบบนั้นมันถึงจะครบเซ็ต
อย่างที่บอกไปว่านี่คือรุ่นต้นแบบ ถ้าติดขัดอะไรตรงไหนก็มาบอกฉันได้เลยนะ”
ตอนแรกเขากะจะบอกขั้นตอนในการทำให้ฟังด้วย… แต่พอนึกไปนึกมาแล้วไม่พูดดีกว่า
จะบอกว่าใช้เลือดตัวเองด้วยก็คงไม่ดีแน่ แถมตอนที่จินตนาการตั้งชื่อก็ยิ่งเล่าไม่ได้ใหญ่เลย
เพราะแค่ตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยกให้ไอเท็มระดับ B ชิ้นนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดไปแล้ว
วาห์นเกิดความวิตกแปลกๆ ว่าสักวันหนึ่ง เขาอาจจะเข้ามาในห้องของเธออีกครั้งและพบว่าของขวัญทุกชิ้นที่เคยมอบให้ได้ถูกบรรจุอยู่บนแท่นบูชากลางห้องแทน… ขออย่าให้วันนั้นมาถึงเลย
เหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะออกไปข้างนอก วาห์นก็เลยเอาภาพร่างออกมาให้เธอดู แค่นี้ออร่าของฮารุฮิเมะก็แทบจะกลืนเขาเข้าไปแล้ว
แม้จะไม่ได้เจาะจงตั้งแต่แรก แต่สายตาของสองสาวก็ไปบรรจบกันที่รูปชุดชั้นในเสริมพลังป้องกันที่เขาทำขึ้น
ประโยคแรกที่ฮารุฮิเมะเปล่งออกมาก็คืออยาก ‘ช่วย’ พัฒนามันออกมาให้เร็วที่สุด… ที่พูดนั้นรวมถึงชุดของตัวเธอเองด้วย
เพราะเธอมีสกิลตัดเย็บที่สูงกว่า วาห์นก็เลยรู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน แต่แน่นอนว่ามันคงไม่จบอยู่ที่การตัดเย็บเฉยๆ หรอก…
—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
หลังหลบหนีออกมาจากห้อง วาห์นก็เดินไปบอกให้เฮสเทียและอาคิทราบ จากนั้นจะได้ถือโอกาสถามเรื่องข่าวคราวล่าสุดไปด้วยเลย
วันนี้เขาเจอหน้าเฮสเทียแค่ตอนพักเที่ยงเอง ช่วงอื่นๆ ของเธอนั้นดูเหมือนจะหมดไปกับการสื่อสารกับกลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่องทั้งวัน
เธอเล่าว่าทางกิลด์จะสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด จากนั้นก็รู้สึกโล่งอกที่วาห์นกับอาคิจัดการปัญหาเรื่องชาวอเมซอนได้เป็นอย่างดี
เพราะนี่เป็นความคิดของโลกิที่อาคิเอามาต่อยอด เฮสเทียก็เลยรู้สึกชื่นชอบนายกองคนนี้มากขึ้นอีกนิด และตอนที่วาห์นเข้าห้องมานั้นทั้งสองก็กำลังคุยปรึกษากันอยู่พอดี
วาห์นได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าห้องของเฮสเทียได้ทุกเวลา แต่เขาก็เลือกที่จะเคาะประตูและรอให้คนมาเปิดเพราะไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบเมื่อตอนหัววัน
ดูเหมือนว่าทางเฟรย่าแฟมิเลียจะไม่ได้พยายามกลบหลักฐานอะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนสาเหตุที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็คือ ‘อิชทาร์แฟมิเลียพยายามเข้ามาตีสนิทกับพวกสมาชิกระดับสูง’
เฟรย่าเป็นคนออกมาบอกเองเลยว่าอิชทาร์พยายามใช้มนตร์เสน่ห์กับออตตาร์อยู่หลายครั้ง ซึ่งก็เป็นสาเหตุให้เธอส่งอีกฝ่ายกลับขึ้นสวรรค์ไป
ทุกอย่างที่เธออ้างนั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง เพราะทางกิลด์เองก็ไม่อาจจับโกหกเธอได้ แต่อย่างน้อยๆ เฟรย่าแฟมิเลียก็ต้องโดนลงโทษด้วยการจ่ายค่าปรับมูลค่ามหาศาลที่จะถูกนำมาใช้ในการซ่อมแซมพื้นที่ที่โดนเผาทำลาย
แน่นอนว่าเฟรย่าตอบรับแบบไม่คิดอะไรมาก แต่เธอก็ได้ทิ้งเงื่อนไขบางอย่างไว้เช่นกัน
คร่าวๆ ก็คือเงินชดเชยก้อนนี้จะถูกใช้เพื่อซ่อมแซมเหล่าธุรกิจถูกกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนพวกตึกและอาคารของกลุ่มอาชญากรรมน่ะ… อย่าแม้แต่จะคิด
และแน่นอนว่านี่เป็นเงื่อนไขที่ทางกิลด์ต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ ทางกลุ่มพันธมิตรจะโดนหางเลขไปด้วยหรือเปล่า?
ช่วงแรกๆ นั้นยังไม่มีใครกล้าชี้นิ้วออกมา แต่พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ข่าวลือก็แพร่ออกมาว่าเฟรย่านั้นแอบไปทำข้อตกลงลับๆ กับกลุ่มพันธมิตร
เพราะเป็นที่รู้กันว่าเฟรย่านั้น ‘ทน’ อิชทาร์มาช้านานแล้ว แต่พออีกฝ่ายมีเรื่องกับเฮสเทียแฟมิเลียหน่อยเดียว เฟรย่าก็เลย ‘ทนไม่ได้’ ขึ้นมาเฉยๆ งั้นเหรอ?
เหตุผลที่ถูกหยิบยกมาเสริมก็คือ ขนาดโลกิแฟมิเลียยังท้าวอร์เกมอิชทาร์แฟมิเลียอยู่ก่อนแล้วเลย
นี่แฟมิเลียอันดับหนึ่งกับสองเขาแข่งกันทำดีเอาหน้าหรือเปล่าเนี่ย?
ข่าวลืออีกอย่างก็คือเรื่องที่ทัมมุซแอบบุกเข้ามา ‘สู้’ กับวาห์นและทำให้กลุ่มพันธมิตรคิดกำจัดอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วน
ทางกลุ่มไม่อยากมีปัญหากับกิลด์ พวกเขาก็เลยหันไป ‘เกลี้ยกล่อม’ เฟรย่าที่มีปัญหากับอิชทาร์อยู่ก่อนแทน
ยิ่งคุยกัน เฮสเทียก็ยิ่งทำหน้าจริงจังขึ้นก่อนจะหันมาหาวาห์น
“วาห์น เรื่องนี้นายห้ามไปเจรจาโดยตรงนะ ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องเฟรย่าหรือชักชวนให้ไปหาเธอ นายก็ไม่ต้องไปตอบอะไรทั้งนั้น
แล้วก็เลิกคิดเรื่องการออกไปขอบคุณเธอด้วยตัวเองได้เลย เชื่อเถอะว่ายัยนั่นทำทุกอย่างเพื่อตัวเองล้วนๆ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายต้องเลี่ยงเธอจนกว่าเราจะหาทางกัดการกับเรื่องนี้ได้!”
วาห์นเองก็ไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เขาก็เลยตกปากรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะพูดเรื่องงานเลี้ยงเย็นนี้
เฮสเทียตัดสินใจไม่ไปร่วมงานเพราะเธอยังมีเรื่องต้องจัดการอีกหลายอย่าง ส่วนอาคิเองก็เลือกที่จะอยู่ด้วยเพื่อคอยอารักขาเธอ
วันนี้หน่วยเฝ้าระวังด้านนอกเองก็กำลังทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า วาห์นจึงยอมให้ทั้งสองอยู่เฝ้าคฤหาสน์ด้วยความลังเลเล็กน้อย
ข้อแม้ก็คือทั้งสองจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในห้องทำงานลับของเขาแทน เพราะที่นั่นมีข่ายเวทมนตร์คุ้มกันอีกหลายชั้น
ก่อนจะกลับออกไป วาห์นก็ทนลูกอ้อนของเฮสเทียไม่ได้และจบลงด้วยการกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น ส่วนอาคิเองก็ได้รับการลูบหัวอยู่พักนึง
สาวๆ คนอื่นมารอกันอยู่ที่ประตูหน้าหมดแล้ว และวาห์นก็ได้เรียกฟาฟเนียร์กลับมาเพื่อคอยป้องกันทุกคนไว้อีกชั้น
ด้วยจำนวนคนขนาดนี้ แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะดูแลได้อย่างทั่วถึง
ถึงจะแทบไม่ได้เรียกมันออกมาเลย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าฟาฟเนียร์นั้นคือ ‘มอนสเตอร์สัตว์เลี้ยง’ ของวาห์นที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกิลด์อย่างถูกต้อง
ทางนั้นตั้งเงื่อนไขขึ้นมามากมายหลายอย่าง แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ครอบคลุมอะไรมากเพราะความสามารถของฟาฟเนียร์นั้นวาห์นไม่เคยบอกใครมาก่อน อย่างมากก็บอกแค่เอวา
ข้อห้ามที่รุนแรงสุดๆ ก็คือ ห้ามขี่ฟาฟเนียร์ในเมืองเด็ดขาด นอกเสียจากว่าจะมีเหตุฉุกเฉินที่อันตรายถึงชีวิต
หลังจากที่หัวโตๆ ของฟาฟเนียร์โผล่ออกมาจากเงามืด วาห์นก็เริ่มลูบมันพร้อมกับเติมพลังงานให้
ไม่นานฟาฟเนียร์ก็เริ่ม ‘แมวคราง’ อย่างน่าขนลุก ก่อนจะกล่าวขอบคุณวาห์นด้วยเสียงเด็กๆ และกลับเข้าไปในเงามืดอีกครั้ง
วาห์นหมายมั่นว่าครั้งหน้าจะพาฟาฟเนียร์เข้าไปอยู่ในลูกแก้วสักพัก เพื่อที่มันจะได้โตเร็วขึ้นพร้อมกับอยู่เป็นเพื่อนเอวาไปด้วย
ถึงจะไม่ได้ติดใจกับ ‘โทรจิตเด็กๆ’ นั่น แต่วาห์นก็คิดมาตลอดว่ามันควรจะมี ‘เสียง’ ที่เท่กว่านี้
เขาอยากเห็นเหมือนกันว่าฟาฟเนียร์โหมดผู้ใหญ่นั้นจะออกมาเป็นแบบไหน
วาห์นเดินพาทุกคนมาตามทางที่นำไปสู่ร้านอาหารด้วยความฮึกเหิม
นอกจากจะยิ้มออกมาเป็นครั้งคราวแล้ว เขายังใช้พลังเขตแดนเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบไปด้วย
เพราะเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่สาวสวย วาห์นก็เลยได้รับสายตาแปลกๆ จากคนทุกเพศทุกเผ่าพันธุ์
นอกจากพวกผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว ออร่าของผู้หญิงบางคนที่เดินผ่านเองก็เริ่มมีสีเขียวแห่งความอิจฉาออกมาให้เห็นเช่นกัน
โชคดีที่วันนี้แทบไม่มีคนเข้ามาวุ่นว่ายด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะวาห์นใช้ร่างมนุษย์ที่คนส่วนใหญ่รู้ทันทีว่านี่คือ ‘อดีต’ วัลแคนนั่นเอง
ใครมันจะกล้ามีเรื่องกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สังหารเทพถึงสององค์ ทำแฟมิเลียล่มไปแล้วสองแห่ง แถมยังมีข่าวลือหนาหูว่าได้รับการสนับสนุนจากแฟมิเลียอันดับหนึ่ง สอง และสามของเมืองอีกด้วย
แน่นอนว่ามีพวก ‘ผู้กล้า’ บางส่วนที่อยากลองเข้ามาจีบเหล่าสาวงามโดยพยายามทำเป็นไม่เห็นคนที่เดินนำพวกเธอ
เพราะพวกนี้ไม่มีออร่าชั่วร้าย วาห์นเลยไม่ได้ออกมาห้ามและเปลี่ยนไปดูท่าทีของพวกสาวๆ แทน
มีครั้งหนึ่งที่วาห์นต้องออกหน้าเพราะอีกฝ่ายพยายามเดินเข้ามาหาเฟนเรียร์กับพรีเซีย ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าทั้งสองกรณีนั้นอาจทำให้เฟนเรียร์คลุ้มคลั่งได้ง่ายๆ
หลังจากออกมาปรามเป็นครั้งที่สี่ สุดท้ายวาห์นก็เปลี่ยนใจและเริ่มใช้พลังเขตแดนเพื่อกันทุกคนให้ออกไปอย่างเท่าเทียม
พอเดินมาถึงหน้าร้าน วาห์นก็สรุปได้ว่าตัวเองน่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก
ตอนแรกวาห์นไม่อยากปกป้องทุกคนจนเกินเหตุ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าส่วนใหญ่ ‘คาดหวัง’ ให้เขาทำแบบนั้น หลังจากได้เห็นบางคนตีหน้าเศร้าเมื่อเขาหันไปช่วยแค่พรีเซียกับเฟนเรียร์…
วาห์นส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปสูดดมกลิ่นหอมที่หลั่งไหลเอามาจากตัวร้านแทน
แม้ว่าอากาศจะหนาวจนเขาต้องใช้พลังเขตแดนเข้าช่วยคนอื่นๆ แต่ร้านแห่งนี้ก็ยังดูอบอุ่นเหมือนเช่นเคย
วาห์นเดินนำเข้าไปก่อนและเรียกเอาเสียงฮือฮาได้จากทั่วทั้งร้านทันที
‘วัลแคนพาเหล่าสาวงามมาดินเนอร์’ อาจจะเป็นข่าวลือที่ร้อนแรงของวันพรุ่งนี้…
มามามีอาทำให้บรรยากาศกลับมาสงบอีกครั้งด้วยการขึ้นเสียงเพียงครั้งเดียว จากนั้นเธอก็ส่งสัญญาณให้วาห์นพาทุกคนไปที่ห้องส่วนตัว
เพราะวันนี้พวกเขามาฉลองกันและมีคนเยอะกว่าปกติ ทางร้านเลยจัดสาวเสิร์ฟให้ 2 คนซึ่งก็คือซีลและโคลอี้นั่นเอง
วาห์นรู้สึกดีใจมากที่พบโคลอี้อีกครั้งและตรงเข้าไปสวมกอดหญิงสาวทันที
โคลอี้ได้แต่หัวเราะอย่างขี้เล่นก่อนจะใช้มือลูบแผ่นหลังของเขา
“คิดถึงมากเลยเหรอเมี๊ยว~?”
วาห์นแอบลูบหางสีดำเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“มากสิ… แล้วเธอล่ะ?”
หางของโคลอี้กระตุกนิดๆ ขณะที่เจ้าตัวหันไปมองรอบๆ
พอเห็นว่าสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมาทางนี้ เธอก็เริ่มหัวเราะแก้เก้อก่อนจะพึมพำเสียงเบา
“ก็ต้องคิดถึงสิ~ …ที่จริงฉันผูกเองก็ได้ แต่มันจะมีความหมายอะไรถ้านายไม่ได้ทำให้ล่ะ~เมี๊ยว”
วาห์นยิ้มกว้างและเริ่มแก้ริบบิ้นเบี้ยวๆ ที่หางของโคลอี้ออก จากนั้นเขาก็ผูกมันใหม่อีกครั้งท่ามกลางสายตา ‘แปลกๆ’ ของทุกคน
ไม่นานโคลอี้ก็เริ่มรู้สึกเขินพร้อมกับส่งสายตา ‘คาดโทษ’ มาที่วาห์น แต่แล้วเธอก็โดนจูบเบาๆ ตรงริมฝีปาก ตามมาด้วยคำพูดที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
“ฉันคิดถึงเธอนะ โคลอี้…”
ถึงจะเขินจนแทบอยากแว้งงับอีกฝ่าย แต่โคลอี้ก็เลือกที่จะจูบตอบก่อนผลักวาห์นออกไปเบาๆ และหันไปคุยกับพวกสาวๆ แทน
วาห์นรู้ดีว่ามันอาจดู ‘ติดเรท’ ไปหน่อย แต่เขาก็คิดถึงโคลอี้มากจริงๆ และอยากทำให้เธอรู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาอายหรือปิดบังคนอื่น…
แต่แล้ววาห์นก็ได้ยินเสียงหัวเราะเพราะพริ้งจากด้านข้างและหันไปเห็นซีลที่กำลังป้องปากตัวเอง
พอเห็นว่าเขาหันมาหา ดวงตาสีเทาก็หรี่เล็กลงกว่าเดิม
“น่าอิจฉาจริงๆ… แบบนี้ก็แสดงว่านายไม่ได้คิดถึงฉันเลยสินะ~?”
ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยตอบ ซีลก็แลบลิ้นใส่ก่อนจะ ‘ทำเมิน’ และหันไปรับออเดอร์ของคนอื่นแทน
วาห์นได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ขณะถอนหายใจและหวนนึกถึงเรื่องในอดีต
เขารู้ว่าซีลมีใจให้ รู้แม้กระทั่งความปรารถนาของเธอ แต่วาห์นในตอนนั้นต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวน
ข้ออ้างที่เขาใช้ก็คืออยากให้เหตุการณ์ต่างๆ สงบลงก่อนที่จะให้คำตอบเธอ… แม้ว่าช่วงที่ผ่านมานั้นตัวเองกลับเดินหน้าเรื่องความสัมพันธ์ของผู้หญิงคนอื่นตามปกติ
เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบทำอะไรหลายๆ อย่างให้ วาห์นเลยรู้สึกเหมือนกับกำลังหลอกใช้เธอหน่อยๆ… หรือจริงๆ แล้วมันจะกลับกัน? สรุปแล้วใครหลอกใครกันแน่เนี่ย?
ความไม่แน่ใจของวาห์นนั้นเกิดจากการที่ซีลใช้อิทธิพลส่วนตัวในการผลักดันคนอื่นๆ ในร้านให้เข้าหาเขา และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลซะด้วยสิ…
พอฉลองกันไปได้สักพัก ทุกคนก็เริ่มรู้สึกครึกครื้นและลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงแรกไปเลย
เพราะต่างก็เข้าสู่วัยผู้ใหญ่กันแล้ว งานนี้เลยมีเครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์ด้วย ซึ่งแม้แต่เฟนเรียร์เองก็ได้ลิ้มลองเช่นกัน
ตอนแรกเด็กสาวพยายาม ‘ปฏิเสธ’ ออกมาแล้ว แต่สุดท้ายวาห์นก็ต้องยอมแพ้ให้กับดวงตาสีแดงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ
ที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกอย่างที่เฟนเรียร์ทานหรือดื่มเข้าไปนั้นสุดท้ายมันก็จะถูกย่อยกลายเป็นพลังงานทั้งสิ้น
ไอ้เรื่องที่แอลกอฮอลล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดน่ะมันไม่มีหรอก
พอมาถึงช่วงท้าย คนที่ยังไม่เมาหัวทิ่มโต๊ะก็เหลือแค่วาห์นกับเฟนเรียร์น้อยที่สนุกกับการท้าคนอื่นดื่มและเอาชนะมาได้เพราะมีสกิลโกง -*-
การปล่อยให้พวกสาวๆ ที่ดื่มหนักจนเมาเดินทางกลับคฤหาสน์นั้นออกจะดู ‘ไม่ปลอดภัย’ เท่าไหร่ ซีลก็เลยจัดห้องในหอพักให้กับพวกเธอเป็นพิเศษ
รอบนี้วาห์นต้องจ่ายบิลที่หนักพอสมควร แต่ตอนนี้เรื่องเงินทองกลับเป็นสิ่งที่เขาห่วงน้อยที่สุดไปซะแล้ว
หลังจากที่ทุกคนออกไปหมด ในห้องก็เหลือแค่ซีลกับวาห์นที่ขมวดคิ้วนิดๆ เพราะรู้ว่าทุกอย่างคงอยู่ในการคาดการณ์ของเธอแทบทั้งสิ้น
ซีลคือคนที่นำเหล้าออกมาเสิร์ฟทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้สั่ง จากนั้นเธอคงเริ่ม ‘แผลงฤทธิ์’ บางอย่างเพราะเขาไม่เห็นโคลอี้หรือแม้แต่ริวมาพักใหญ่ๆ แล้ว
ซีลคือคนที่อ่านสีหน้าและท่าทางของคนอื่นได้เก่งมาก เธอจึงรู้ทันทีว่าโดนอีกฝ่ายตามทันและได้แต่ยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง
“โดนจับได้ซะแล้วสิ~”
เธอไม่ได้พูดออกมาว่ารู้สึก ‘ดี’ แค่ไหนที่โดนวาห์นอ่านออกตลอด เพราะถ้าเป็นคนอื่นก็คงมองข้ามเรื่องเล็กๆ บางอย่างไป
พอได้ยินแบบนั้น วาห์นก็เลยพยักหน้าก่อนจะพูดตอบแบบยิ้มๆ
“ซีล ขอบคุณสำหรับอะไรหลายๆ อย่างที่เธอทำให้ในช่วงนี้นะ
เพราะเธอคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ ฉันก็เลยได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย”
วาห์นกำลังพูดขอบคุณจากใจจริง เพราะการที่เขาได้มีโอกาสนวดพวกสาวๆ จากทางร้านนั้นก็เป็นเพราะเธอเสนอมันขึ้นมา
นอกจากนั้นแล้วซีลยังเป็นคนช่วยจัดตารางและสถานที่เดตให้วาห์นหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าตัวเธอ ที่ยังไม่ได้คบกับวาห์นอย่างจริงจัง จะได้ออกไปเดตด้วยก็ตาม
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว ซีลก็ยกแขนขึ้นมากอดผ้ากันเปื้อนไว้ จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นพร้อมกับที่ดวงตาสีเทาปล่อยแสงบางอย่างออกมา
พวกมนตร์เสน่ห์นั้นทำอะไรวาห์นไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องยิ้มกว้างขเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูดีใจมากที่ผลออกมาเป็นแบบนั้น
ซีลขยับเข้ามายืนอยู่ตรงด้านหน้าวาห์นก่อนจะพูดต่อ
“อยากรู้จังว่าเมื่อไหร่หัวใจของนาย-”
แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบ วาห์นก็คว้าเอวบางเข้ามากอดแบบหลวมๆ
“เธออยู่ในนั้นนานแล้ว อาจจะนานกว่าที่ฉันจะรู้ตัวซะอีก
แต่ก็นะ นานแค่ไหนก็ช่างเถอะ เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามไม่ลังเลกับเรื่องแบบนี้อีก…”
วาห์นรู้ว่าแม้แต่ฉากนี้ก็คงอยู่ในการคาดเดาของซีลเช่นกัน แต่ต่อให้คนอื่นมองว่ามันดูแปลกแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอนั้นเป็นของจริง และแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากการถูกมนตร์เสน่ห์
ดูๆ ไปแล้วเธออาจจะรอเขาได้อีกหลายปี แต่วาห์นทนได้เหรอ?
เขาจะทนดูหญิงสาวที่คอยช่วยให้คนอื่นสมหวังในขณะที่ตัวเธอเองกลับต้องอดทนรอต่อไปได้จริงๆ งั้นเหรอ?
ต่อให้ทุกอย่างเป็นแผนที่เธอวางไว้ แต่นั่นคือสภาพที่เขาต้องการเจะห็นใช่ไหม?
วาห์นจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาวาววับโดยไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นใบหน้าของทั้งสองก็ขยับเอาหากันเรื่อยๆ
และแล้ว จูบแรกของทั้งคู่ก็ถือกำเนิดขึ้นโดยมีแสงจันทร์เป็นพยาน…
//[ความปรารถนาของหัวใจ: ซีล โฟลว่า] สำเร็จแล้ว ปลดล็อคค่า ‘ความรัก’ แล้ว//
[ซีล โฟลว่า]: ค่าความรัก 308(เนื้อคู่)
//สายใยผูกพันถูกเชื่อมต่อเข้ากับ [ซีล โฟลว่า]//
//เริ่มต้นภารกิจเสริม//
[ภารกิจ: ความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว, ทำซ้ำได้]
ระดับ: B – SS
เป้าหมาย: ทำให้ซีล โฟลว่าตั้งครรภ์ ดูให้แน่ใจว่าการทำคลอดเป็นไปได้ด้วยดี; จำนวนเด็กในปัจจุบัน (0)
รางวัล: 100,000 OP, 1x [ผู้พิทักษ์:(ไร้นาม)]
เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต, ซีล โฟลว่าเสียชีวิต, (ไร้นาม) เด็กเสียชีวิต
ผลจากความล้มเหลว: กรรมชั่ว 200 (0)