ตอนที่ 45 เสียงที่คุ้นเคย
“เฮ้อ” หลินหยางถอนหายใจ บัดนี้ทีมสำรวจที่หนึ่งนั่งเกาะกลุ่มพักผ่อนจากการเดินทางไกล ไกลแค่ไหนหน่ะเหรอ..พวกมันเดินมาจนสุดปลายทางห้าสิบกิโลเมตรเป็นที่เรียบร้อยทั้งยังไม่พบเจอสิ่งที่ต้องการอีกด้วย…
กรี๊ซซซ~~
ช่วงเวลานั้นเองเสียงแหลมของสัตว์ประหลาดกรีดร้องดังไปทั่วผืนฟ้าจนทำให้หลินหยางและพวกสะดุ้งตกใจกันเลยทีเดียว แต่เพียงไม่นานนักหลินหยางก็ฉีกยิ้มกว้างนั่นเพราะมันจดจำผู้เป็นเจ้าของเสียงนี้ได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว เหยี่ยวมรกต!
“เร็วเข้า ช่วยกันหาต้นเสียงของมัน” หลินหยางตะโกนบอกทุกคนอย่างตื่นเต้น
“นั่นๆพี่หยาง มันอยู่ทางนู้น” มีคนตะโกนบอกหลังจากมองเห็นเหยี่ยวมรกต
“ตามมันไปเร็ว” หลินหยางรีบวิ่งนำไปทันที
วิ่งติดต่อกันยาวนานหลายร้อยเมตรด้วยความหวังอันริบหรี่เนื่องด้วยคิดว่าการที่พบเหยี่ยวมรกตจะนำพามันไปยังแหล่งอาหารยังกาลก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดนกยักษ์ชักจูงให้มันไปพบกับแหล่งน้ำนั่นแล ทว่าน่าเสียดายเป้าหมายในการเดินทางของเหยี่ยวยักษ์กลับเป็นต้นไม้ขนาดมหึมาสูงเสียดฟ้าที่ซึ่งเป็นรังของมันนั่นแล
และตอนนั้นเองหลินหยางที่กำลังผิดหวังก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า…เนื้อเหยี่ยวมันจะมีรสชาตเช่นใด? ถูกแล้วเขาต้องการนำมันไปเป็นอาหารและด้วยขนาดตัวของเหยี่ยวมรกตอย่างน้อยๆก็สามารถประทังความหิวให้ประชากรภายในเมืองร่วมร้อยชีวิตได้มื้อถึงสองมื้อเลยล่ะ
‘ดีกว่ามาเสียเที่ยวละนะ’ หลินหยางคิด
แต่ตอนนี้พวกเขายังปีนขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้เพราะต้นไม้ตรงหน้าสูงกว่าสิบเมตรหากกำลังปีนอยู่และมันรู้ตัวพวกเขาคงพลาดท่าเป็นแน่ เขาตั้งใจจะให้มันออกไปก่อนเพื่อจะปีนขึ้นไปและโจมตีตอนที่มันกลับเข้ารังครั้งต่อไป
สองชั่วโมงผ่านไป ห้าชั่วโมงล่วงเลย มันยังคงอยู่ในรังมิออกไปไหนเนื่องจากหลินหยางมิอยากเสียโอกาศพวกเขาจึงแอบอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
‘คงไม่ใช่ว่ามันหลับไปแล้วนะ’ หลินหยางขมวดคิ้ว
คิดไปก็ป่วยการตอนนี้ก็ดึกแล้วเขาจึงให้คนสลับสับเปลี่ยนกันเพื่อเฝ้ามองดูรังของมันและให้คนที่เหลือพักผ่อน
ณ เมืองหลินหยาง
“ทำไมพี่หยางยังไม่กลับมาล่ะ” เหมยเหมยถามกับหลิวเจี่ยเพราะเขาเดินทางร่วมกับหลินหยางวันนี้
“ผมก็ไม่ทราบ พี่หยางส่งผมที่เมืองของซานอี้พวกเขาก็มุ่งหน้าต่อไป จนพวกผมเสร็จงานก็ยังมิเห็นเขากลับมาเลย” หลิวเจี่ยตอบกลับอย่างกระวนกระวาย
“อย่าพึ่งร้อนลนพี่หยางไม่มีทางเป็นอะไรหรอกเดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง” ซิ่นก้งผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลินหยางกล่าวอย่างมั่นใจ
“ใช่ไม่มีใครทำอะไรพี่ชายได้หรอกเขาคนเดียวฆ่าก็อบลินไปกว่าสิบตัวเลย” ซานอี้ที่ถูกหลินหยางช่วยไว้ เขามองหลินหยางที่ต่อสู้กับก็อบลินราวกับเขาเป็นวีรบุรุษ
“ใช่ๆพี่หยางไม่มีทางเป็นอะไรหรอก” ผู้คนกล่าวเสริม แต่ลึกๆพวกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีเพราะในใจของพวกเขาหลินหยางคือกำลังหลักของเมืองแห่งนี้ไปแล้ว
หลินหยางกำลังนอนอยู่โดยที่มิได้รู้ถึงเรื่องราวอันใดเลย
“พี่หยาง พี่หยาง” มีเสียงเรียกปลุกเขา
“หืมว่าไง” หลินหยางขยี้ตาอย่างสลึมสลือ
“มันออกไปแล้วพี่” จิ่นเหอกล่าว
“หือมันไปทางไหน” หลินหยางถามจิ่นเหออย่างตื่นเต้น
จิ่นเหอชี้ไปทางนึง หลินหยางให้จิ่นเหอและคนอีกสามคนรออยู่ด้านล่างและให้พวกที่เหลือปีนขึ้นไป
ส่วนตัวเขาปีนขึ้นไปบนรังเป็นคนแรก
“สูงจริงๆ” หลินหยางปีนเกือบถึงรังของมันเขาที่มิเคยขึ้นที่สูงเมื่อมองลงไปด้านล่างก็รู้สึกกลัวขึ้นมาหากตกลงไปร่างของเขาคงแตกเป็นเสี่ยงๆ
ฮึบ!! เขาขึ้นมาถึงด้านบนแล้วแต่ก่อนที่จะได้รับรู้ความสำเร็จ
เขากลับสนใจสิ่งที่อยู่ในสายตาของเขา ภายในโพรงของเหยี่ยวมรกตกลับมีไข่ใบยักษ์ของมันอยู่ มองด้วยสายตามีมากถึงสิบฟอง!!
ตอนที่ 46 ติดตาม
“นี่มันไข่เจ้านกยักษ์นั่นหรอ” หลินหยางอุทานใข่ของมันใบใหญ่มากใหญ่กว่าไข่นกกระจอกเทศเสียอีก
หลินหยางลองยกมันขึ้นมาน้ำหนักของใข่ใบนึงราวสี่กิโลกรัมเพียงแค่ใบเดียวก็เท่ากับไข่ไก่เกือบร้อยฟองหากเขาสามารถเลี้ยงเจ้าเหยี่ยวมรกตให้มันออกไข่ให้เขาได้ทุกวันละก็…
เขาก็หยุดคิดไปเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่ดี แทนที่เขาจะได้กินไข่ของมัน มันอาจจะกินเขาก่อนก็เป็นได้
หลินหยางล้มเลิกแผนการฆ่าเหยี่ยวมรกตทันทีเขาลำเรียงไข่ทั้งหมดส่งลงมาข้างล่าง เขาต้องการฟักพวกมันออกมาหากมันถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ สัญชาตญาณดิบของมันอาจจะลดลงและไม่โจมตีพวกเขา หากเลี้ยงให้มันออกไข่ได้พวกเขาก็จะมีไข่กิน ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่าที่จะลอง
ส่วนเหยี่ยวมรกตตัวแม่นั้นหลินหยางต้องการให้มันเป็นผู้นำทางเขาเพื่อไปหาแหล่งอาหาร เขาคาดว่าที่มันบินออกไปทุกวันเพื่อหาอาหารกินเป็นแน่
“พรุ้งนี้เราจะสะกดรอยตามเจ้าเหยี่ยวนั่น วันนี้พวกเรากลับกันก่อนที่เมืองคงเป็นห่วงแล้ว” หลินหยางพูดพลางถือไข่ใบนึงวิ่งเหยาะๆกลับเมืองเพราะกลัวไข่จะตกแตก ทีมของเขาก็ถือคนละใบเช่นกันวิ่งตามหลินหยางช้าๆ
ณ เมืองหลินหยางตอนนี้ล่วงเลยกว่าหนึ่งวันแล้วที่หลินหยางมิได้กลับมา ผู้คนภายในเมืองเริ่มกระวนกระวายใจ
“พี่หยางมาแล้ว พี่หยางกลับมาแล้ว!” ยามเฝ้าประตูตะโกนเสียงดังฝูงชนก็แตกตื่นออกมาต้อนรับอย่างหนาแน่น
“ขอโทษที่ทำให้พวกคุณเป็นห่วงพอดีเราเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดน่ะ” หลินหยางยิ้มอย่างเขินอาย เห็นคนมากมายออกที่เป็นห่วงและออกมาต้อนรับเขารู้สึกอบอุ่น มีความสุขไม่น้อย
“ฮึกๆ” เหมยเหมยสะอื้นวิ่งเข้าไปกอดหลินหยาง แต่ก่อนจะได้กอดเขาเธอก็มองเห็นไข่ใบยักษ์ที่หลินหยางอุ้มไว้
“นั้นอะไรน่ะ” เหมยเหมยถามพลางเช็ดน้ำตา
“อ้อ เจ้านี้แหละคือเหตุผลที่กลับมาช้ามันเป็นไข่ของเหยี่ยวมรกต” หลินหยางยิ้มระรื่น
หลังจากผู้คนได้ยินก็รู้สึกเสียวสันหลัง เพราะเมื่อวันแรกที่มาถึงพวกเขาก็เจอเจ้าเหยี่ยวมรกตเช่นกัน
โชคดีที่มันมิได้โจมตีเพราะมันมีถึงระดับเจ็ดหากในวันแรกพวกเขาถูกมันโจมตีคงมิสามารถรอดชีวิตมายืนพูดคุยกันเช่นนี้เป็นแน่
“มีใครฟักไข่เป็นบ้าง” หลินหยางตะโกนถาม
“เอ่อ ผมทำเป็นครับผมเคยเลี้ยงไก่แต่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลไหม” ชายร่างผอมคนนึงตอบ
“ดีมาก ลองดูไม่เสียหาย” หลินหยางยิ้มและให้คนนำไข่ไปวางไว้รวมกันให้ชายร่างผอมคนนั้น เพื่อให้เขาได้จัดการต่อไป
มิทราบว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่ามันจะฟักเป็นตัว
หลินหยางให้ทีมของเขาไปพักผ่อน เพราะพวกเขายังไม่ได้หลับสนิทมาตั้งแต่เมื่อวาน
วันรุ่งขึ้นเขาพาทีมสำรวจทั้งสามทีมไปจุดที่เขาเจอรังของเหยี่ยวมรกต ใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งวันเมื่อมาถึงมองจากภายนอก
ยังเห็นเจ้าเหยี่ยวมรกตอยู่แต่มันมิได้อยู่ในรัง มันบินวนรอบๆต้นไม้ราวกับว่ามองหาอะไรอยู่
มิผิดมันหาไข่ของมันนั่นเอง หลินหยางผู้ขโมยไข่เห็นดังนั้นก็รู้สึกผิดไม่น้อย ไม่ทราบว่ามันบินหามานานแค่ไหนแล้ว เขาเฝ้ามองมันจนมันมิได้หาไข่ต่อไป
หลังจากรอต่ออีกไม่นาน มันก็เริ่มบินออกไปทางที่จิ่นเหอชี้เมื่อวาน
“ตามไป อย่าให้คลาดสายตา” หลินหยางสั่งพร้อมวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วทีมของเขาก็วิ่งตามเช่นกันแต่หลินหยางซึ่งมีสถานะความเร็วมากกว่าคนปกติถึงเจ็ดส่วนจึงวิ่งไกลพวกเขาออกไปเรื่อยๆ
เขาวิ่งตามมาก็นานแล้วเจ้าเหยี่ยวยักษ์นี้ก็ยังไม่มีท่าทีจะหยุด แต่เขาก็มิได้ลดละยังคงวิ่งต่อไป
ไม่นานเหยี่ยวมรกตก็ค่อยๆบินต่ำลงซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วและไม่กี่อึดใจต่อเป้าหมายของเหยี่ยวมรกตก็ปรากฏ มันคือถ้ำ