ตอนที่ 91 อยู่หรือตาย
หลินหยางที่เคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลบการโจมตีที่มีวงกว้างเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย เขาจึงยื้อเวลาเอาไว้เพื่อให้จ้าวกั๋วใช้พละกำลังจนอ่อนแรง
วิธีเช่นนี้ทำให้ตัวเขาที่ต้องสู้รบมาอย่างมิได้หยุดหย่อนได้พักร่างกายของตนเองไปในตัว โดยอาศัยจังหวะที่ผู้คนมิได้สู้รบกันเพื่อซื้อเวลาพักผ่อนให้แก่คนของเขาที่กดดันอยู่ตลอดเวลา และคนของฉือเฉียวที่แม้จะไม่ได้ต่อสู้แต่พวกมันก็ยังโดนฤทธิ์ของสุราพิษยิ่งปล่อยไว้นานเท่าใดมีแต่อาการทรุดลงมากขึ้น
ฉึบบ~
หลินหยางดึงดาบที่ปักอยู่บนอกของจ้าวกั๋วกลับมา แม้มันจะถูกดาบยาวกว่าหนึ่งเมตรแทงจนทะลุออกข้างหลังแต่มันกลับยังมิทรุดตัวยังคงยืนกุมบาดแผลอยู่
‘มันอึดจรงๆ’ หลินหยางคิดพลังชีวิตของมันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
เขามิปล่อยให้มันได้ฟื้นตัว ฟันดาบอย่างรวดเร็วพร้อมกับทักษะหลอมไฟไปที่คอของมัน!
ฉับบ!
หัวของมันกลิ้งตกลงบนพื้น บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความไร้เสียงผู้คนที่เคยโห่ร้องส่งเสียงเชียร์จ้าวกั๋ว
เฮฮ~~
คนของหลินหยางเมื่อเห็นดังนั้นส่งเสียงร้องอย่างฮึกเหิมราวกับจิตวิญญาณในการต่อสู้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครา
“บุกก!” หลินหยางออกคำสั่งทันทีเพื่อโจมตีต่อหวังปลิดชีวิตของฉือเฉียวเสีย
เสียงเฮที่ดังสนั่นปลุกคนของฉือเฉียวให้ตื่นจากภวังค์ จ้าวกั๋วที่มีระดับสูงที่สุดในเมืองพันธมิตรยังเสียชีวิตลงภายใต้คมดาบของหลินหยางอย่างน่าอนาถโดยที่หัวของมันยังกลิ้งอยู่บนพื้น เหตุการณ์นี้ย่อมต้องทำให้พวกมันเสียขวัญกำลังใจลงไปบ้างไม่มากก็น้อย
การต่อสู้จึงเป็นใจให้แก่กลุ่มของหลินหยางมากขึ้น
ย้ากก
หลินหยางที่ฟาดฟันบุกเบิกทางมาอย่างยาวนานจนร่างกายแทบจะหมดกำลัง จนสุดท้ายก็มาถึงตรงหน้าของฉือเฉียว บัดนี้มันยืนถือดาบในมือยืนประจัญหน้ากับหลินหยาง มือมันสั่นจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
“ยอมแพ้หรือตาย?” หลินหยางกล่าวถามมัน เพราะระดับที่ห่างกันมากถึงสิบระดับการต่อสู้ย่อมถึงจุดจบแล้ว แม้ตัวหลินหยางจะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีแรงเหลือเพื่อคร่าคนตรงหน้า หากมันสู้แลกชีวิตกับเขา เขาก็ยังต้องเสียแรงสู้กับมัน แต่หากมันยอมรับความพ่ายแพ้ย่อมเป็นผลดีกับหลินหยาง เพราะเขาเกรงว่าแม้จะฆ่ามันไปแล้วคนของมันอาจจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขากลับออกไปได้ง่ายๆ
“หึหึ” ฉือเฉียวหัวเราะเบาๆ
ฟิ้วว~
หมับ~~
สิ้นเสียงของมันมีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงเข้าใส่หลินหยาง เขาเอียงตัวหลบพร้อมกับใช้มือจับศรดอกนั้นไว้ภายในมือ มันพุ่งมาจากด้านหลังของฉือเฉียวโดยมีสตรีคนนึงยืนอยู่ในเงามืดเป็นผู้ลงมือ สตรีคนนี้เป็นคนที่คอยปรนนิบัติพัดวีให้แก่ฉือเฉียวนั่นเอง โดยเธอมีระดับเพียงระดับหนึ่งการโจมตีของเธอจึงมิได้รุนแรงดังเช่นเหล่าเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญการใช้ธนูโดยกำเนิด
“ยอมแพ้หรือตาย?” หลินหยางกล่าวเสียงเย็นมุมปากยกขึ้น พลางเดินเข้าไปหามันอย่างช้าๆ
แม้จะแอบอยู่ในความมืดก็ไม่รอดพ้นสายตาของหลินหยาง ด้วยทักษะตาเหยี่ยวการมองเห็นจึงกว้างขวาง เขาเห็นเธอตั้งแต่เข้ามาใกล้ฉือเฉียว
ฉือเฉียวตัวมันที่คิดว่าการลอบโจมตีครั้งนี้จะเป็นผลสำเร็จแต่เมื่อเห็นหลินหยางจับลูกศรไว้ได้ด้วยมือเปล่า ตอนนี้ใบหน้าของมันซีดเซียว
“ถึงแกจะฆ่าข้าแกก็อยู่บนสวรรค์แห่งนี้ได้ไม่นานหรอก มิสู้มาเป็นพันธมิตรกันไม่ดีกว่าหรือ มีเมืองอีกนับแสนเมืองที่แข็งแกร่งกว่..”
ฉึกก!!
หลินหยางมิปล่อยให้มันได้พล่ามจนจบ เขาฟันดาบเข้าไปที่คอของมัน!!
ตอนที่ 92 สองดาบ
“อ-อั่ก”
ฉือเฉียวส่งเสียงร้องในลำคอ ดวงตาของมันเบิกค้าง
หลินหยางขมวดคิ้ว การฟันของเขาแม้มิใช่สุดแรงแต่กลับมิสามารถบั่นคอมันได้ในดาบเดียว ดาบของเขาติดอยู่ระหว่างกล่างช่วงคอของมัน หัวของมันเอียงไปข้างนึงแต่มิได้ขาดออก
ฉึบบ!!
หลินหยางมิปล่อยให้มันทรมานนานเกินไป เขาดึงดาบออกแล้วฟันเข้าไปย้ำแผลเดิมจนหัวและคอของมันมิได้ต่อติดกันอีกต่อไป
‘ดูท่าทักษะของมันมิใช่เล่นๆ’ หลินหยางคิด เนื่องจากตัวฉือเฉียวมิมีทักษะที่ใช้ในการต่อสู้ รวมกับระดับที่ต่ำต้อยของมันแต่มันยังมีทักษะคือทักษะกายาเหล็กที่มีระดับหนึ่งขั้นที่เก้า แม้ระดับทักษะของมันมิได้สูงส่งกลับยังสามารถต้านแรงโจมตีของหลินหยางได้เกือบครึ่ง หากมันมีฝีมือการต่อสู้ติดตัวดูท่าคงจะเป็นงานหนักสำหรับเขาไม่น้อย
ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบงัน
“จับชาย-หญิง อายุ 15-40 ปีมัดไว้” หลินหยางออกคำสั่งทำลายบรรยากาศที่อึดอัด พลางสบัดดาบในมือเพื่อขจัดคราบเลือดออกไป
“ครับ!” คนของเขาตอบรับอย่างหนักแน่นเพราะศึกครานี้พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ! การมาครั้งนี้พวกเขาก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะตายไว้ก่อนแล้วแต่กลับกลายเป็นชัยชนะที่มิต้องสูญเสียแม้แต่คนเดียว
คนของฉือเฉียวแม้จะมีคนที่ยังยืนไหวกว่าห้าสิบคน แต่พวกมันก็ล้วนโดนฤทธิ์สุราพิษกันทั้งสิ้น ผู้ที่มิได้ดื่มล้วนแต่เป็นเด็ก สตรีและคนชรา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมขัดขืนเล่าชายชาตรีที่ร่างกายแข็งแรงอย่างกลุ่มของหลินหยางมิได้ ส่วนเหล่าทหารของฉือเฉียวแม้จะมิโดนพิษพวกมันก็มิคิดสู้กับหลินหยางเช่นกัน แม้แต่จ้าวกั๋วผู้ที่เก่งกาจที่สุดในเมืองพันธมิตรยังถูกฆ่าอย่างง่ายๆ
พวกมันก็รักตัวกลัวตายเหมือนกันจึงยอมให้จับกุมแต่โดยดีอย่างน้อยก็ยังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดและหวังว่าหลินหยางจะมิใช้งานพวกมันอย่างโหดร้าย
“จะออกมาได้รึยัง?” หลินหยางจ้องมองไปในความมืดพลางกล่าวออกไป
ไม่นานก็มีร่างสตรีนางนึงเดินออกมา เธอคือผู้ที่ใช้ธนูยิงลอบสังหารหวังปลิดชีวิตของหลินหย่างนั่นเอง โชคร้ายที่มันมิสำเร็จเป็นเหตุให้ฉือเฉียวเป็นอันต้องจบชีวิตลง
“เธออยากมาเข้าร่วมกับเมืองของเราไหม” หลินหยางกล่าวถามเนื่องจากเห็นฝีมือในการยิงธนูของเธอ หากผู้ที่เป็นเป้าหมายมิใช่ตัวเขา คนผู้นั่นย่อมตกตายภายใต้ลูกศรดอกนั้นเป็นแน่
“นายไม่ฆ่าฉันหรอ” สตรีคนดังกล่าวเอ่ยปากอย่างลังเล ภาพที่หลินหยางตัดหัวของฉือเฉียวยังคงติดตาเธอไม่หาย
เนื่องจากหลินหยางฟันดาบแรกมิได้ทำให้คอของฉือเฉียวขาด แต่กลับทำให้มันตายทั้งเป็นก็ว่าได้เพราะเมื่อหลินหยางดึงดาบกลับเพื่อเตรียมจะบั่นคอปลิดชีวิตมัน หัวของฉือเฉียวห้อยลงไปฟากแต่ยังมิขาดออกตัวของมันยังมิได้สิ้นลมมันช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก ภาพพจน์หลินหยางที่เธอมองเห็นคือคนที่โฉด โหดเหี้ยม เพราะคนที่ถูกฤทธิ์สุราพิษมิได้มีเพียงเหล่าทหารเท่านั้น บางคนก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา บ้างก็คนชรา…
“ไม่ คุณมีค่าพอที่จะอยู่ต่อ” หลินหยางกล่าว เพราะเขาต้องการคนที่มีความสามารถ คนเป็นย่อมดีกว่าคนตาย!
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวอย่างนอบน้อมราวกับหลินหยางเป็นเจ้าชีวิต
หลินหยางยิ้ม
“ใครที่ไม่ถูกพิษมารวมกันทางนี้” หลินหยางตะโกน
เขาต้องการนำคนส่วนหนึ่งไปเป็นคนของเขา!!