ตอนที่ 141 กองกำลัง
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ตั้งแต่พวกเขาข้ามผ่านประตูมาบัดนี้เป็นเวลากว่าแปดเดือนแล้ว
เมืองหลินหยาง
บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น
คนมากกว่าร้อยคนกำลังฝึกการต่อสู้กันอยู่ เมื่อภายนอกเมืองมิมีสิ่งใดต้องสำรวจอีก จึงมีเวลาว่างมากขึ้นและเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ตัวหลินหยางก็เช่นกัน
เมื่อการฝึกระยะใกล้ช่วงเช้าเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลาพักทานอาหาร และตามด้วยการฝึกโจมตีระยะไกลในช่วงบ่าย การฝึกของพวกเขาเป็นเช่นนี้ทุกวัน
อาคารบ้านเรือนภายในเมืองเสร็จสิ้นไปเกินครึ่งนึงแล้ว เป็นผลงานของทีมก่อสร้างที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย
“เมือง xx มาขออาหารครับ”
“เมือง xx บอกว่าหากไม่ให้มันจะใช้กำลังแย่งโพรงกระรอก” เทียนหนิงเจี้ยนรายงานเรื่องรายประจำวันให้แก่หลินหยาง
ช่วงหลังมานี้ มักมาเมืองในระแวกมาแวะเวียนขออาหารไม่ขาดสายซึ่งหลินหยางเองก็มิได้แบ่งปันให้พวกเขา อันเนื่องมาจากอาหารของเขานั้นก็มิได้มีมากมายนัก แม้จะอยากแบ่งปันแต่จะให้คนของเขาอดอาหารเพื่อให้เมืองอื่นอิ่มท้องหลินหยางก็ทำมิได้เช่นกัน
หากเขาแบ่งอาหารให้เมืองใดเมืองหนึ่ง เมืองอื่นๆที่พบเห็นย่อมต้องมาขอแบ่งปันตามเป็นแน่ จึงตัดปัญหาเสียมิแบ่งปันให้แม้แต่เมืองเดียว
เขาสามารถแบ่งให้ได้เพียงน้ำดื่มน้ำใช้เท่านั้น เนื่องจากน้ำภายในคลองของเขามิมีวันหมดสิ้นจึงมิต้องเป็นห่วง
“เฮ้อ” เมื่อได้ฟังรายงานจากเทียนหนิงเจี้ยน หลินหยางส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เขามิอยากต่อสู้กับคนพวกนี้ เนื่องจากพวกมันมิใช่มอนสเตอร์ ถึงแม้จะฆ่าฟันปลิดชีวิตพวกมันเป็นพันเป็นหมื่นก็มิมีสิ่งใดตกลงมาจากร่างกายของมัน
การต่อสู้ที่มิได้สิ่งใดตอบแทนเช่นนี้มีแต่เสียกับเสีย เขามิอยากให้กำลังพลของเขาสูญเสียแม้แต่ผมเส้นเดียวกับการต่อสู้ที่ไร้สาระเช่นนี้ หลินหยางจึงมิได้สนใจโดยให้เทียนหนิงเจี้ยนเป็นผู้เจรจา แต่เมื่อพวกมันขู่เข็ญเล่นไม้แข็งต้องการบุกยึดโพรงกระรอกไปจากเขาเช่นนี้ก็มิอาจอยู่นิ่งเฉยได้เช่นกัน
พักหลังมานี้เริ่มมีบางเมืองที่ขู่เข็ญแข็งข้อมากขึ้น เมื่อหลินหยางมิแบ่งปัญอาหารให้แก่พวกมัน พวกมันทั้งยื่นข้อเสนอ ทั้งบังคับ มีแม้กระทั่งแลกเปลี่ยนผู้หญิงกับอาหารก็มิเว้น
“ส่งทีมจู่โจมไปจัดการเมือง xx” หลินหยางกล่าว
“ครับ!” เทียนหนิงเจี้ยนเมื่อได้รับมอบหมายมันตอบรับอย่างรวดเร็วฮึกเหิม เดินปรี่มุ่งตรงไปถ่ายทอดคำสั่งทันทีคล้ายกับตัวมันเป็นผู้บังคับบัญชาก็มิปาน
เมื่อมีเมืองที่แข็งข้อต้องการท้ารบ หลินหยางมักส่งคนออกไปเพื่อกำราบพยศเมืองเหล่านั้นตลอดเวลา ครานี้เขาส่งทีมจู่โจมทั้งสามทีมออกไปโดยมีจำนวนทั้งหมดยี่สิบเจ็ดตน มนุษย์หมาป่าทั้งยี่สิบเจ็ดตนนี้แม้จะมีจำนวนเพียงครึ่งเดียวของเมืองหนึ่งเมือง แต่ระดับพวกเขามิต่ำทรามแม้แต่น้อย
สำหรับเมืองที่พึ่งมาใหม่เพียงสองเดือนเหล่านี้ ล้วนไม่คนามือของพวกเขา ส่วนเมืองที่เริ่มต้นเคียงคู่กับเมืองหลินหยางหรือเมืองที่อยู่มามากกว่าห้าเดือนพวกเขาล้วนเห็นกองกำลังของเมืองหลินหยาง รวมถึงความโหดเหี้ยมที่หลินหยางได้จัดการกับเมืองอื่นๆ
ดังเช่นเมืองมนุษย์หมาป่าเมืองเจียวจ้าน เมืองมนุษย์ของเมิ่งโจว และเมืองที่อยู่มามากกว่าหนึ่งปีอย่างเมืองฉือเฉียว
เมืองเหล่านี้ล้วนพ่ายแพ้ให้แก่กองกำลังของหลินหยางมาแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากเมืองที่อยู่ในระแวกเดียวกันเมื่อมีการต่อสู้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ข่าวคราวของพวกเขาล้วนถูกบอกกล่าวต่อกันเป็นทอดๆ
ตอนที่ 142 ซิ่นก้ง
มีเพียงเมืองที่พึ่งมาใหม่เท่านั้นที่มิสามารถชะตากรรมถูกความหิวโหยและความโลภเข้าครอบงำต้องการประกาศศักดาท้ารบแก่หลินหยาง
เมืองต่างๆที่สังเกตุเห็นการเจริญเติบโตของเมืองหลินหยางล้วนหวาดเกรงมิเข้าใกล้ยุ่งเกี่ยว ในบริเวณโดยรอบเมืองหลินหยางนับว่าเป็นเมืองมหาอำนาจแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
พวกมันมีแม้กระทั่งส่งของบรรณาการมาให้แก่เมืองของเขาหวังผูกพันธมิตร เป็นสหาย
แต่หลินหยางล้วนปฏิเสธจนสิ้นไร้เยื่อใย เนื่องจากคนเหล่านี้มักมีจุดประสงค์แอบแฝง หากมิใช่อาหารก็เป็นอิสตรี หรือแม้กระทั่งอ้างเรื่องพันธมิตรเพื่อกดขี่ข่มเหงเมืองที่อ่อนด้อยกว่าตนเองก็มิเว้น
หลินหยางจึงระมัดระวังเรื่องเมืองรอบข้างเป็นพิเศษ หากเขารู้นิสัยใจคอของพวกมันจนทะลุปรุโปร่งเวลานั้นเขาจะเป็นผู้ไปยื่นข้อเสนอแก่มันเอง
แต่ตอนนี้หลินหยางมีเมืองพันธมิตรเพียงสองเมืองเท่านั้น นั่นคือเมืองคนแคระ และ หมู่บ้านเอลฟ์ นั่นเอง
กำลังพลของเขาที่มีอยู่ปัจจุบันมากกว่าเมืองปกติถึงหกเท่าจึงมิจำเป็นต้องหวาดเกรงเมืองเล็กๆเหล่านี้ เขาจึงไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อทีมจู่โจมได้รับคำสั่งจากหลินหยางพวกมันทั้งสามทีมจัดขบวนกันเป็นแถวตั้งแต่อยู่ในเมืองและเดินออกไปก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าราวกับเต่าเดิน คล้ายกับกำลังเดินแบบอวดบารมีกันอยู่
ช่วงพักกลางวัน
หลินหยางกำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่หยาง เด็กห้าคนนั้นฝีมือไม่เลวเลยครับ” ซิ่นก้งกล่าว เขาได้รับมอบหมายจากหลินหยางเป็นครูฝึกการใช้อาวุธระยะประชิด ปัจจุบันเขามีระดับเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะมีระดับต่ำแต่เขาก็มิได้น้อยเนื้อต่ำใจอันใดเลย
หากแลกกับการต้องออกไปสู้รบแล้ว การเป็นครูฝึกอยู่อย่างปลอดภัยภายในเมืองได้รับความเคารพจากนักเรียนกว่าร้อยคนเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกภูมิใจไม่น้อย เขาเป็นชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น ก่อนที่จะมายังสวรรค์แห่งนี้เขาเป็นเพียงนักศึกษา
“หืม?” หลินหยางมองไปยังเด็กชายห้าคนที่นั่งทานอาหารหัวเราะกันอย่างเริงร่าสมวัยเด็ก พวกเขามีอายุราว 14-15 ปีเท่านั้น แต่ร่างกายเด็กชายตัวน้อยเหล่านี้กลับมีกล้ามเนื้อเป็นสัน ดูท่าพวกเขาจะฝึกกันหนักเลยทีเดียว ในกลุ่มนั้นมีเด็กมนุษย์อยู่สามคน และมีมนุษย์หมาป่าตัวน้อยอีกสองตน
“หากพวกเขายินยอมก็ให้ไปลงทะเบียนกับเทียนหนิงเจี้ยนแล้วกัน” หลินหยางกล่าว
“ครับ!” ซิ่นก้งตอบกลับอย่างตื่นเต้น พลางรีบลุกไปถ่ายทอดข้อความของหลินหยาง เมื่อเด็กชายทั้งห้าได้ฟังพวกมันตื่นเต้นยินดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่วิ่งเข้ามาขอบคุณหลินหยาง และไปลงชื่อที่เทียนหนิงเจี้ยนทันที
ซิ่นก้งมิใช่เพียงครูฝึกธรรมดาเท่านั้น เขายังมีหน้าที่คัดเลือกผู้ที่ความสามารถในการต่อสู้เพื่อเข้าร่วมทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมด้วยเช่นกัน เด็กชายเหล่านี้แม้จะมิโตเต็มวัยและร่างกายหยุดการเจริญเติบโตแล้ว
แต่พวกเขาก็มีจุดเด่นเช่นกันนั่นคือความว่องไวรวดเร็วอันเนื่องมาจากร่างกายที่เล็กกระทัดรัด ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องตัว อาวุธที่ใช้จึงเป็นอาวุธที่เบาส่งเสริมความได้เปรียบนั่นคือมีดสั้น
ภาระตกเป็นของเทียนหนิงเจี้ยนมันที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกัดเนื้อคำโต จู่ๆก็มีเด็กชายกว่าห้าคนวิ่งเข้ามารุมล้อมกดดันให้มันกินอาหารเสร็จโดยไว มันจึงผละจากเนื้อกระรอกแสนอร่อยตรงหน้าอย่างจนใจ