ฉือเทียนวิ่งสุดชีวิตมิสนใจสิ่งใดอีกต่อไป แต่ความเร็วของมันมิได้เป็นไปตามที่นึกคิดหลินหยางที่ตามหลังเพียงชั่งครู่ก็เข้าประชิดตัวของมันได้อย่างง่ายดาย
ฉึบบ!
หลินหยางง้างดาบในมือฟันใส่ขาข้างนึงของมันอย่างรุนแรง
อ้ากกก
ฉือเทียนล้มลงกระทันหันคราแรกมันมิทราบเหตุผลด้วยซ้ำ แต่ไม่นานมันก็รู้ถึงต้นเหตุนั่นเพราะขาข้างขวาของมันขาดออกจากกันไปเสียแล้ว!
เลือดไหลเป็นทางฉือเทียนร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ตั้งแต่เกิดมามันมิเคยเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสดังที่เป็นอยู่
หลินหยางจ้องมองมันเฉยเมยมิแสดงสีหน้าอันใด แต่เมื่อฉือเทียนเห็นใบหน้าหลินหยางราวกับเห็นมัจจุราชตัวเป็นๆก็มิปาน หลินหยางเดินเข้าหามันอย่างช้าพร้อมกับดาบในมือ
“อย่าๆ ผมผิดไปแล้ว” ฉือเทียนลืมความเจ็บปวดจากการสูญเสียขาไปทันทีมันอ้อนวอนต่อหลินหยาง
ฉึกก~
หลินหยางมิสนใจคำพูดของมันถือดาบมิได้แน่นมากฟันลงไปมิออกแรงใส่ขาอีกข้างที่เหลืออยู่ของมัน แต่ทว่าฉือเทียนยกแขนขึ้นมาปัดป้องอยู่ในเส้นทางของดาบ หลินหยางมิได้ดึงดาบในมือกลับแต่อย่างใดฟันลงไปคงเดิม
ส่งผลให้มือข้างหนึ่งของมันขาดออก และดาบยังคงพุ่งตรงลงไปใส่ต้นขาข้างซ้ายของมัน แต่พลังของดาบเบาลงเนื่องจากมือของฉือเทียนที่บดบังไว้ส่งผลให้แรงในการฟันลดลงจึงมิสามารถตัดขาของมันได้ แต่ใบดาบจมลงไปในต้นขาของมันกว่าครึ่งมิสามารถตัดกระดูกของมัน!
อ้ากก
ฉือเทียนที่ข่มความเจ็บปวดอ้อนวอนต่อหลินหยางเมื่อถูกคมดาบฟันลงยังขาข้างสุดท้ายที่ตนมีมันมิสามารถอดกลั้นได้อีกร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
มันที่ยกแขนขึ้นมาเพื่อหวังว่าหลินหยางจะหยุดแต่มิเป็นดังที่คาดหลินหยางมิได้ลดถอยดึงดาบกลับไป กลับฟันลงมาดังเดิมทำให้ข้อมือของมันขาดออกไปทันทีแถมดาบยังคงฟันลงมาต่อที่ขาของมันอีกจึงได้รับความเจ็บปวดเพิ่มเติมอีกหลายเท่าตัว
หลินหยางดึงดาบกลับใบหน้าเรียบเฉยมิแสดงอาการใดๆออกมา ง้างดาบขึ้นอย่างช้าๆและฟันลงมาอีกครั้งเป้าหมายคือขาที่เขายังตัดมิขาด
ฉึบบ~
ฉือเทียนที่ยังเจ็บปวดกับบาดแผลมันมิได้เงยหน้าขึ้นมองหลินหยางใช้มือที่เหลือข้างเดียวกุมบาดแผลของตนอยู่พลางส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ทันใดนั้นหลินหยางฟันดาบลงมาอีกคราตัดขาของมันที่หลงเหลืออยู่เพียงข้างเดียวขาดต่อหน้าต่อตามิสามารถต้านทานได้
มันอ้าปากค้างแหกปากหวังส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดออกมาแต่เสียงของมันแหบแห้งมิสามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ น้ำตาไหลเป็นเส้นสาย เหงื่อผุดขึ้นตามร่างกาย และแอ่งเลือดที่เอ่อนอง มันนั่งกุมบาดของตนอย่างเจ็บปวด
หลินหยางเมื่อตัดขาของมันทั้งสองข้างและแขนอีกหนึ่งข้างที่มิได้ตั้งใจเขามิได้ฟันลงไปต่อ เขามิได้ปลิดชีวิตมันปล่อยมันร้องห่มร้องไห้แสดงอาการเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หลินหยางจึงตวัดดาบเพื่อขจัดคราบเลือดที่ติดอยู่บนตัวดาบพลางหันตัวเดินกลับไปยังสนามรบที่พวกเขากำลังจ้องมองหลินหยางเป็นตาเดียว!
ฉือเทียนกลิ้งไปมาขดตัวเป็นก้อนกลม หากหลินหยางตัดหัวของมันเสียคงจะมิทันได้เจ็บปวดทรมาน เมื่อหลินหยางเดินจากไปมันที่เคยอ้อนวอนให้หลินหยางไว้ชีวิตบัดนี้มันอยากส่งเสียงเรียกหลินหยางให้มาปลิดชีวิตมันเสียจะได้มิต้องทนทุกข์อีกต่อไป
มันทรมานอยู่ได้กว่าสิบนาทีสุดท้ายก็สิ้นลมหายใจตายตกไปเองจากการเสียเลือดทนพิษบาดแผลมิไหว!
ตอนที่ 166 โหดเหี้ยม
หลินหยางถือดาบในมือเดินตรงเข้าไปยังสนามรบที่ตอนนี้มิได้สู้รบกันอีกต่อไป พักพวกของฉือเทียนเมื่อไร้ผู้นำรวมกับการที่สูญเสียพวกพ้องไปกว่าครึ่ง เมื่อกองกำลังของหลินหยางบุกเข้าโจมตีพวกมันจึงเห็นถึงความต่างชั้น พวกเขาจึงหมดกำลังใจจะสู้ต่อ
ตอนนี้คนกว่าร้อยคนกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหญ้า ทิ้งอาวุธคู่กายเหลืออยู่เพียงมือเปล่า บางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บ้างโชคร้ายอวัยวะขาดไปบางส่วน เช่นแขน และขา พวกมันร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดเนื่องจากถูกโจมตีตัดขาดจากกองกำลังของหลินหยาง
หลินหยางเมื่อเดินมาถึงใจกลาง คนของฉือเทียนมิกล้าเงยหน้าขึ้นมองหลินหยางแม้แต่น้อยเนื่องจากเห็นความโหดเหี้ยมอำมหิตที่เขาได้จัดการกับฉือเทียน มองไปยังร่างฉือเทียนที่ไร้วิญญาณมิขยับเขยื้อนไม่ห่างจากมันนักมีชายผู้ส่งสารเขานั่งหน้าซีดตัวสั่น
เมื่อหลินหยางจัดการฉือเทียนแล้วเขาเดินผ่านมันไปมิได้เหลียวแลแม้แต่น้อย ตัวมันสมควรจะลุกเดินตามหลินหยางไปยังกลางสนามรบแต่ก็มิสามารถพยุงตัวเองเพื่อลุกเดินได้ นั่งหน้าซีดตัวสั่น
“เอ่อ..จะทำยังกับพวกมันดีครับ” เจียวซิ่นกล่าวก้มหน้า เมื่อเห็นหลินหยางตัดแขนขาของฉือเทียนเขาก็เอามือกุมแขนขาของตนอย่างหวาดเสียวเมื่อเห็นหลินหยางที่มีใบหน้านิ่งเฉยมิแสดงอาการเขาจึงอดรู้สึกหวาดกลัวมิได้
“มัดพวกมันเอาไว้” หลินหยางกล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้นกองกำลังของหลินหยางหลายคนเร่งรีบทำงานทันทีวิ่งหาเชือกและเศษผ้ากันอย่างลุกลี้ลุกลน
คนของฉือเทียนก็ให้ความร่วมมือไม่น้อยพวกมันแม้กระทั่งมัดขาของตนเอง!
เมื่อจัดการพันธนาการร่างกายของพวกมันจนสิ้นทุกคนแล้ว จึงนำพวกมันนั่งกองรวมกันอยู่เป็นกระจุก หลินหยางที่ยืนอยู่ต่อหน้ามองไปยังกลุ่มคนตรงหน้าที่เมื่อครู่ยังหมายเข่นฆ่าเอาชีวิตของเขาอยู่ ไม่นานเขาก็หันศรีษะไปมองชายคนหนึ่ง
ชายคนนั้นที่ตกเป็นเป้าสายตาของหลินหยางมันตกใจสะดุ้งสุดชีวิตเร่งรีบคลานตัวเข้าไปรวมกลุ่มทันที ชายคนนี้คือผู้ส่งสารนั่นเองตัวมันอยู่ห่างไกลจากกลุ่มนี้นักนั่งตัวสั่นอยู่คนเดียว
แม้เวลาจะผ่านไปร่างกายมันก็ยังมิขยับเขยื้อนตามที่สมองสั่งการมิสามารถลุกวิ่งได้จึงคลานเข่าเข้าไปหาอย่างช้าๆตัวสั่นงกๆ
เมื่อมาถึงเจียวซิ่นก็จับมันมัดไว้เสียและนำไปรวมกับกลุ่มของมัน
“ไปนำทีมจู่โจมและเวรยามชุดก่อนมาให้หมด” หลินหยางกล่าว
“ครับ” เจียวซิ่นรีบตอบรับและวิ่งไปออกไปอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่ที่เขานำทีมจู่โจมและเหล่าเวรยามที่เขาช่วยออกมาอยู่ เนื่องจากร่างกายที่บอบช้ำหลินหยางจึงมิให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้
ผ่านไปกว่าสิบนาที
กลางสนามรบบัดนี้เงียบกริบไม่มีผู้ที่ส่งเสียงพูดคุยใดๆกันเลยแม้แต่น้อย หลินหยางที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกมันก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะบรรยากาศที่อึมครึม เขาจึงเดินเข้าไปหาเหล่าเอลฟ์ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อขอบคุณพวกเขา หากมิได้เหล่าเอลฟ์คอยช่วยเหลือการศึกครั้งนี้แม้จะไม่พ่ายแพ้แต่ก็ต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นแน่
ลี่จูและเหล่าเอลฟ์ที่เห็นหลินหยางเดินเข้ามาพวกมันล้วนตัวแข็งทื่อยืนเกร็ง เพราะภาพที่หลินหยางจัดการกับฉือเทียนยังคงติดตาพวกเขาอยู่ ในสายตาของเขาหลินหยางช่างโหดเหี้ยม ทารุณ อำมหิตยิ่งนัก!