ตอนที่ 181 ฝึกซ้อม
ณ เมืองฉางเปา
ฉางเปากำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น พวกเขากำลังสร้างประตูเมืองและโค่นต้นไม้ที่ล้อมรอบเมืองเอาไว้สร้างขึ้นใหม่เป็นกำแพงที่แข็งทนทาน โดยได้ความร่วมมือจากทีมก่อสร้างจากเมืองหลินหยางกว่ายี่สิบคนที่ส่งมาช่วยงานฉางเปา
ตอนนี้่ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วตั้งแต่ฉางเปาเข้าควบคุมขึ้นเป็นผู้นำของเหล่าทหารอดีตพลพักผู้ติดตามฉือเทียน ระบอบการปกครองของเมืองฉางเปาได้รับอิทธิพลมาจากเมืองหลินหยางอย่างเต็มเปี่ยม แทบทุกอย่างคล้ายคลึงกับเมืองของหลินหยางทุกกระเบียดนิ้วไม่ผิดเพี้ยน
มีทีมระยะใกล้ซึ่งมีสมาชิกอยู่กว่าสามสิบคน ระดับพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับหนึ่งถึงสาม มีเพียงกลุ่มดั้งเดิมของฉางเปาที่มีระดับแปดและเก้าพวกเขาเป็นระดับผู้นำแต่ละทีม
ทีมระไกลมีสมาชิกทั้งหมดยี่สิบคนสมาชิกทุกคนล้วนเป็นสตรีกันทั้งสิ้น ทีมระยะไกลนี้นับว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าทีมระยะไกลของเมืองหลินหยางเสียอีก
เพราะระดับของพวกเธอล้วนมีระดับหนึ่งถึงสามคละกันและมีประสบการณ์ผ่านการต่อสู้มาก่อนนั่นคือการสู้รบกับพวกหลินหยางเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนนั่นเอง
พวกเธออายุไม่มากไม่น้อยนับว่ากำลังพอดีตอนนี้กำลังฝึกยิงธนูกันอยู่อย่างขันแข็งไม่แพ้เหล่าชายชาตรีทีมระยะใกล้เลยทีเดียว ราวกับว่าเป็นนักสู้สาวก็มิปาน
ส่วนทีมก่อสร้างนั้นมีกำลังพลเยอะที่สุดนั่นคือจำนวนที่เหลือทั้งหมดกว่าสี่สิบคนนั้นเอง เมืองของฉางเปาพวกเขาไม่แบ่งแยกอายุไม่ว่าเด็กหรือคนชราทุกคนล้วนสังกัดอยู่ไม่ว่าทีมใดทีมหนึ่ง เพราะทุกคนคือทหารผ่านศึกสงครามผ่านการสู้รบมาแล้วจึงมีประสบการณ์มาก่อน ในจุดนี้ทำให้หลินหยางอดอิจฉาไม่ได้
ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำของเมืองนี้ฉางเปามันกระตือรือร้นทำงานอย่างไม่หยุดพัก หวังจะให้ตนมีที่ยืนหยัดในผืนที่ราบเอาชีวิตรอดพ้นจากเงื้อมมือมอนสเตอร์และเหล่ามนุษย์ผู้กระหายสงคราม
ทุกวันตอนเย็นฉางเปาจะเป็นผู้นำขบวนกว่าสิบคนเดินทางไปยังเมืองหลินหยางเพื่อรับเสบียงอาหาร มันทำตามคำแนะนำของหลินหยางทุกข้อ ส่งคนมาเพื่อเรียนรู้การฝึกซ้อมนำกลับไปเพื่อฝึกฝนคนของตน
ณ เมืองหลินหยาง ตอนเย็น
หลินหยางกำลังฝึกปาหอกอยู่ร่วมกับทีมระยะใกล้
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้” ซิ่นก้งกล่าวหยุดการฝึกซ้อมเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยจนพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
เฮ้อออ~~
เหล่าชายฉกรรจ์ทีมระยะใกล้ที่ฝึกฝนกันอยู่ร่างกายมีแต่เม็ดเหงื่อผ่านความเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เมื่อได้ยินซิ่นก้งกล่าวราวกับว่าได้ยินเสียงจากสวรรค์ที่ไพเราะพวกเขาล้วนทรุดนั่งลงกับพื้นถอนหายใจพ่นลมอย่างเหนื่อยหอบ หลินหยางก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในทีมระยะใกล้นี้หลายคนมีความแข็งแรงอดทนเหนือล้ำกว่าตัวหลินหยางเสียอีก เพราะพวกเขาเพิ่มระดับไปยังพลังเสียทั้งหมดทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นรวมถึงร่างกายที่อดทน เมื่อพวกเขาเพิ่มสถานะพลังสูงขึ้นความดิบเถื่อนกระหายเลือดบ้าพลังก็เพิ่มสูงขึ้นตามกันไปติดๆ ไม่ทราบว่าเป็นผลพวงจากการเพิ่มสถานะหรือเป็นสัญชาตญานดิบของพวกเขากันแน่
พวกเขาแม้จะพึ่งถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยแต่ตอนนี้สายตาพวกมันล้วนจ้องไปยังหนแห่งเดียวกัน นั่นคือทีมระยะไกลที่สิ้นสุดการฝึกซ้อมเช่นกัน เหล่าสตรีร่างกายเล็กบอบบางกระทัดรัดที่ผ่านการฝึกซ้อมมาตลอดทั้งวันส่งผลให้มีเม็ดเหงื่อปกคลุมทำให้เสื้อผ้าที่สวมใส่เปียกชื้นจนแนบติดผิวหนัง
เหล่าชายชาตรีเหล่านี้จ้องมองอย่างไม่กระพริบตา บางคนมองพลางหน้าแดงดวงตาสุกประกาย บ้างหัวเราะเบาๆราวกับคนโง่ บ้างน้ำลายไหลย้อยลงบนมุมปาก…
ตอนที่ 182 ช่วงพัก
หลินหยางที่ทิ้งตัวนั่งพักผ่อนอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงประตูเมืองเปิดออกเขาจึงหันไปดูพบว่าเป็นฉางเปาและพวกมาตามเวลานัดช่วงเย็นเวลาเดิมนั่นเอง
“สวัสดีครับพี่หยาง” ฉางเปาเมื่อเห็นหลินหยางมันเดินตรงเข้ามากล่าวอย่างนอบน้อม
หลินหยางยิ้มตอบ
ไม่นานเทียนหนิงเจี้ยนก็นำทางฉางเปาไปเพื่อรับเสบียงอาหารตามที่ต้องการและเดินทางกลับไปพร้อมกับคนที่มันส่งมาฝึกร่วมกับเมืองของหลินหยาง ก่อนจะจากพวกมันก็ล่ำลาครูฝึกซิ่นก้งและสหายร่วมฝึกซ้อม ก่อนจะออกจากเมืองมันหันมองเหล่าสาวสวยทีมระยะไกลอย่างอย่างเสียดาย
หลินหยางมองฉางเปาและพวกเดินทางกลับไปลับสายตา
ตัวเขาเดิมทีอยากได้เหล่าทหารของฉือเทียนมากร่วมทัพแต่เสียดายที่มิมีอาหารเลี้ยงพวกเขาอย่างเพียงพอ จึงจำใจปล่อยมือจากพวกมันแต่โชคดีที่มีฉางเปามาเยี่ยมเยียนพักผ่อนในเมืองของเขาพอดีจึงได้ยื่นข้อเสนอให้แก่เหล่าคนเร่ร่อนเหล่านี้ให้สามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครา
คราแรกเขามิได้หวังจะให้พวกมันจงรักภักดีให้ความเคารพเขาแต่อย่างใดเพียงแค่ให้พวกมันสามารถอยู่รอดต่อไปได้ก็เพียงพอ เขามิอยากเปลืองแรงฆ่าคนเพิ่มกว่าแปดสิบชีวิตนี้
เมื่อมอบหมายให้ฉางเปาเป็นผู้นำคนใหม่ของพวกมันหากพวกมันมิร่วมมือเป็นพันธมิตรกับเขาก็ไม่เป็นปัญหาอันใดขอแค่มิเป็นศัตรูก็เกินพอหากเป็นเช่นนั้นเขาคงต้องจัดการปราบปรามเสียให้สิ้นซาก แต่ผิดคาดพวกมันล้วนนอบน้อมเคารพเกรงใจเมืองของหลินหยางไม่น้อยดูท่าเขาจะตัดสินใจไม่ผิด
ตอนค่ำ
เมื่อมิมีสิ่งใดให้ต้องทำหลินหยางจึงเดินเล่นภายในเมืองพร้อมกับเหมยเหมยน้อยที่ตามติดทุกฝีก้าวเมื่อสิ้นสุดการฝึกซ้อมซึ่งเธอเป็นผู้นำในการฝึกเธอก็ตรงดิ่งเข้ามาแนบชิดติดหลินหยางมิห่างกายรวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่น่ารักอย่างเจ้าเขียวหนึ่งถึงเจ็ดที่ตั้งแต่จนถึงตอนนี้เจ้าเขียวเจ็ดเหยี่ยวมรกตเพศเมียเพียงตัวเดียวของเขายังมิได้ออกไข่ให้ได้กินซักฟอง…
เหยี่ยวมรกตเหล่านี้ที่่ร่างกายโตวันโตคืน ตอนนี้เกือบสูงเท่าหลินหยางแล้วส่วนร่างกายก็ใหญ่โตหากนำมันไปชั่งน้ำหนักคงมากกว่าร้อยห้าสิบกิโลเป็นแน่
แต่น่าเสียดายที่แม้จะมีร่างกายใหญ่โตจนเกือบเท่าเหยี่ยวมรกตตัวเต็มวัยอย่างพ่อแม่ของพวกมันแล้วแต่ระดับของพวกมันกลับเป็นเพียงระดับหนึ่งมิได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดแม้แต่น้อยตั้งแต่เกิดมายังคงระดับหนึ่งเท่าเดิม ดูท่าพวกมันคงไม่ต่างจากพวกเขาที่ต้องจัดการกับมอนสเตอร์ตัวอื่นเพื่อเพิ่มระดับสถานะของตนเอง
หากเป็นเช่นนี้นับว่าเป็นปัญหาไม่น้อยเพราะเจ้าเขียวทั้งเจ็ดหลินหยางล้วนผูกพันกับพวกมันทุกตัวเขามองมันเป็นเหมือนสุนัขตัวน้อยที่รับมาเลี้ยงจนเติบใหญ่..
หลินหยางเดินเรื่อยเปื่อยภายในเมือง พลางฟังรายงานเรื่องราวต่างๆจากเทียนหนิงเจี้ยน เมื่อถึงคอกแห่งหนึ่งมีรั้วล้อมรอบ ภายในมีเศษหญ้าแห้งวางกองรวมกันให้ความอบอุ่นและนุ่มสบาย
หลินหยางเห็นคนผู้ที่นั่งเฝ้าอยู่ใบหน้ามันเคร่งเครียดยิ่งนักเหม่อมองภายในคอกดวงตาเหม่อลอย นี่คือคอกสัตว์ที่ใช้สำหรับฟักไข่ของเหยี่ยวมรกตนั่นเองซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยไข่มดไฟใบเล็กที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ