ตอนที่ 185 เน่าเฟะ
ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมยืนเรียงแถวกันอยู่ มีทั้งหมดแปดแถวแต่ละแถวมีทั้งสิ้นสิบถึงสิบเอ็ดคนพวกเขาล้วนตรวจเช็คอาวุธและเสบียงฉุกเฉินเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ นับจากการเกิดแผ่นดินไหวตอนนี้ผ่านไปยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
ท้องฟ้ามืดมิดมีแสงเดือนส่องลงมาลางๆเพราะตอนนี้เป็นตอกลางคืนทั่วไปแล้วหลินหยางจะปิดประตูเมืองมิดชิดมิให้ใครออกไปอีกเพื่อป้องกันอันตราย แต่สำหรับวันนี้แตกต่างออกไป
“ไปได้” หลินหยางตะโกนให้สัญญาณเริ่มดำเนินการสำรวจ ตัวเขาเองก็อยู่ในแถวเช่น ตั้งแต่มีการออกสำรวจ ครานี้นับว่าหลินหยางส่งทีมสำรวจออกไปเยอะที่สุด
ตามปกติแล้วหลินหยางจะส่งออกไปเพียงสามทีมเท่านั้นซึ่งแต่ละทีมจะมีสมาชิกสิบคนเขาต้องเหลือกำลังคนเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันเมืองกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินมิคาดฝัน
แต่ตอนนี้เขาส่งออกไปทั้งแปดทีมนี่คือกองกำลังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดภายในเมืองของเขาที่มีตอนนี้ เขาต้องแข่งกับเวลาและเมืองรอบข้างจึงนำคนไปจำนวนมากเพื่อแยกย้ายกันไปเสาะหาแหล่งอาหารและทรัพย์ยากรสิ่งของใหม่ๆที่มีประโยชน์และไร้ขีดจำกัดเหล่านี้
เมื่อได้รับคำสั่งทีมสำรวจทั้งแปดออกเดินทางกันไปยังเส้นทางที่ทีมของตนได้รับมอบหมาย ทั้งแปดแถวเดินตรงออกไปเป็นระเบียบเมื่อได้เห็นช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก
ครืนน~~
เมื่อทีมสำรวจออกจากเมืองไปเป็นที่เรียบร้อยประตูเมืองบานใหญ่ยักษ์ก็ปิดตัวลงทันที บนกำแพงเมืองมีคนอยู่จนหนาตาพวกเขาคือทีมระยะไกลและทีมก่อสร้างแทบทั้งหมด
ด้านบนกำแพงยังมีรถยิงธนูและรถขว้างหินวางอยู่ทั้งสี่มุมสี่ทิศตอนนี้เมืองของหลินหยางคล้ายกับป้อมปราการขนาดใหญ่ที่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยกำแพงที่ทนทานและสามารถตอบโต้ได้ด้วยเครื่องทุ่นแรงอย่างรถยิงธนูและรถขว้างหินที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะเป็นการบุกโจมตีจากคนกว่าร้อยคนก็มิได้สะทกสะท้าน
หลินหยางนำทีมสำรวจหนึ่งในแปดทีมเดินทางออกไปยังเส้นทางที่ตนได้รับมอบหมาย โดยระยะสิ้นสุดคือห้าสิบกิโลเมตรพวกเขาจะไม่ไปไกลมากกว่านี้ถึงแม้จะเจอแหล่งอาหารนอกเหนือจากระยะดังกล่าวแต่การจะครอบครองให้อยู่ได้ตลอดรอดฝั่งนั้นยากเย็นยิ่งนัก
การโจมตีมอนสเตอร์ที่คอยเฝ้าปกปักรักษามิใช่งานยากที่สุดเสมอไปแต่เป็นเรื่องราวหลังจากนั่นต่างหาก นั่นคือคอยคุ้มกันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแหล่งที่ยึดได้ เนื่องจากแหล่งอาหารที่มีไม่เพียงพอต่อเหล่าจำนวนเมืองที่เพิ่มขึ้นมา เมื่อเมืองที่หิวโหยจนตรอกอย่างเมืองของฉือเทียน พวกเขาร่วมมือกับเมืองรอบข้างเพื่อแย่งชิงแหล่งอาหาร
ทีมสำรวจทั้งสิบคนภายใต้การนำของหลินหยางตอนนี้เดินทางไกลห่างออกมาจากเมืองของตนกว่าสิบกิโลแล้ว พวกเขาเดินมายังทางโพรงกระรอก นี่คือเส้นทางในการสำรวจวันนี้
เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนทำให้โพรงกระรอกที่มิมีเมืองใดๆรอบข้างช่างดูเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก เมื่อเดินผ่านกองซากร่างไร้วิญญาณกว่าร้อยร่างของฉือเทียนและเหล่าผู้เสียชีวิต ตอนนี้ร่างกายพวกมันเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณจึงทำให้บรรยากาศวังเวงขึ้นไปอีก..
ตอนที่ 186 พันธมิตร
เหล่าทีมสำรวจที่เดินผ่านแท่นหอกพวกเขาล้วนยกมือขึ้นปิดจมูกของตนเนื่องจากทนสูดดมกลิ่นที่ส่งออกมามิได้ สำหรับมนุษย์นั้นแม้จะอยู่ไกลๆเมื่อลมพัดกลิ่นโชยเข้าจมูกพวกเขาแทบสำลักอาหารเย็นที่ทานลงไปจนเต็มท้อง
แต่ตอนนี้ในทีมสำรวจมีมนุษย์หมาป่ากว่าสามคนพวกมันหน้าเขียวคล้ำมิทราบกลั้นหายใจไปนานเท่าใดแล้ว เพราะตัวของมนุษย์หมาป่านั้นหูที่สามารถฟังเสียงรับรู้ได้ไกลกว่ามนุษย์รวมถึงจมูกที่สามารถจำแนกกลิ่นได้เป็นอย่างดีบัดนี้จึงเป็นดาบสองคมทำร้ายพวกเขา
หลินหยางได้จัดแบ่งเหล่ามนุษย์หมาป่าที่มีระดับสูงแทรกเข้าไปในทีมสำรวจแต่ละทีมนั่นเพราะหากพวกเขาเจอแหล่งอาหารน้ำหรือสิ่งอื่นๆมนุษย์หมาป่าที่ร่วมทีมหนึ่งคนที่มีระดับสูงที่สุดต้องวิ่งกลับไปที่เมืองเพื่อส่งข่าวสาร
โดยที่เมืองนั้นก็มีมนุษย์หมาป่าอีกเจ็ดคนคอยอยู่เมื่อได้รับข่าวสารที่ยืนยันแล้วพวกเขาจะมุ่งติดตามไปยังทีมสำรวจทั้งเจ็ดเพื่อเรียกตัวทั้งหมดกลับไปและบุกยึดสิ่งที่พบเจอทันที
เมื่อใกล้กำหนดการเกิดแผ่นดินไหวในทุกๆสามเดือนซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม หลินหยางเรียกรวมตัวเหล่าผู้นำเมืองพันธมิตรเพื่อปรึกษาหาหนทาง เมืองที่เข่าร่วมกับเขาตอนนี้มีทั้งหมดสามเมืองพวกเขาทั้งสามล้วนส่งตัวแทนของตนมาเพื่อหารือกับหลินหยาง
นั่นคือลี่จูตอนนี้เขาเป็นเหมือนผู้นำที่เหล่าเอลฟ์ให้ความเคารพนับถือไม่น้อยไปกว่าหัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์เลยทีเดียว
และฉางเปาที่พึ่งจะเข้าร่วมกับหลินหยางได้ไม่นาน แม้จะพึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำของคนกว่าแปดสิบคนแต่ฉางเปาและพวกเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี อาจเป็นเพราะเขาเคยเป็นผู้นำเมืองของตนมาก่อนจึงมีประสบการณ์สูง รวมถึงผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมาก่อนเขาจึงระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น
ในการปรึกษาหารือรวมตัวกันระหว่างสี่เมืองนี้นับว่าฉางเปามีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจสูงสุดจากทั้งสี่เมือง เนื่องจากอยู่มานานกว่าผู้อื่นเข้าจึงมีข้อเสนอหลากหลายอย่างที่หลินหยางนำมาปรับใช้
เมืองสุดท้ายคือลู่คงผู้นำของเผ่าคนแคระซึ่งตอนนี้เมืองของลู่คงนั้นเติบโตรวดเร็วกว่าเมืองอื่นๆยิ่งนัก เพราะเหล่าคนแคระที่อยู่ในระแวกเดียวกันล้วนจับมือเป็นพันธมิตรกันทุกเมืองโดยมีทั้งหมดหกเมืองเลยทีเดียว
นับว่าตอนนี้ลู่คงมีพักพวกกว่าสามร้อยคนที่พร้อมจะจับอาวุธคู่กายสู้รบไปพร้อมกับเขา เนื่องจากพวกเขาล้วนมาถึงสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลาเดียวกันเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันและมีความชอบเหมือนๆกันนั่นคือสุรานั่นเอง
เมื่อเมืองคนแคระรอบๆทราบว่าเมืองของลู่คงมีสุราดื่มกินกันจนเมามาย เมืองคนแคระทั้งหกเมืองเหล่านี้ไม่รีรอรีบเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับลู่คงกันอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่าพวกมันเป็นพันธมิตรกันเพราะความใกล้ชิดในเผ่าพันธุ์หรือเพราะสุราที่หอมหวานกันแน่…
เมืองทั้งสามพวกเขาก็ทำเช่นเดียวกับหลินหยางนั่นคือส่งทีมสำรวจออกไปในระยะห้าสิบกิโลเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
โดยเมืองคนแคระและหมู่บ้านเอลฟ์นั้นหากพบเจอแหล่งอาหารที่มีปริมาณมากอย่างโพรงกระรอก พวกเขาตกลงจะแบ่งปันกันทั้งสามเมือง ยกเว้นเพียงเมืองของฉางเปาที่มีข้อตกลงกับหลินหยางแตกต่างออกไป