ตอนที่ 271 ปะทะ(ตอนสอง)
แม้จะไม่มีคำสั่งจากหลินหยาง
กองกำลังรบทั้งแปดสิบชีวิตเองก็เร่งรีบร้อนลนล่าถอยกันอย่างลุกลี้ลุกรนอยู่แล้ว
เมื่อมีศัตรูบุกเข้ามาประจัญหน้าเช่นนี้ยิ่งทำให้พวกเขาแตกตื่น แต่ทว่าตอนนี้ความเร็วของพวกเขานั้นมิได้เร็วไปกว่าคนเดินเลยแม้แต่น้อย เพราะต้องถือโล่ป้องกันการโจมตีระยะไกล
ซึ่งแม้ตอนนี้ศัตรูของเขาจะหยุดยิงธนูมาแล้วก็ตามที แต่พวกเขาก้มิสามารถลดการป้องกันลงด้วยหากพวกมันโจมตีทีเผลอพวกเขาคงป้องกันมิทันการ
ส่วนแถวสองเองก็ต้องแบกหามพยุงร่างของพักพวกที่หมดสติ แอบหลบอยู่หลังโล่ที่คอยปกป้องตนเองไปอย่างเชื่องช้า ส่งผลให้พลโล่มิสามารถเดินนำได้ ต้องขนาบประกบคู่กับคู่หูของตนเอง
ด้วยเหตุนี้ มีหรือจะถอยห่างจากศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามาได้ ความเร็วของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันยิ่งนัก ฝั่งนึงคืบคลาน อีกฝ่ายวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด
หลินหยางขมวดคิ้ว แม้เขาจะอยากวิ่งมากเพียงใดก็มิสามารถทิ้งคนของตนที่บาดเจ็บไปได้
“หลิวไห่” หลินหยางตะโกน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลินหยาง หลิวไห่ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมช่วงกลางขบวนตื่นตัวทันที
“พลโล่ เตรียมตัวเข้าปะทะ” หลิวไห่ตะโกนออกคำสั่งทันที
พรึ่บบ~
จู่ๆโล่โลหะที่สะท้อนแสงอาทิตย์ไสวสวยงามทั้งยี่สิบใบนั้นกลับหยุดนิ่งมิเคลื่อนไหวเดินหน้าต่อ นี้เท่ากับพลโล่จำนวนครึ่งหนึ่งของขบวนทัพ!
แต่ทว่าขบวนทั้งหมดก็มิได้หยุดตามแต่อย่างใด พวกเขายังคงเดินหน้าไปต่อดังเดิม
พลโล่ทั้งยี่สิบชีวิตที่หยุดเคลื่อนที่นั้นแยกออกมาจากแนวป้องกันตามปกติ โดยแบ่งออกมาจากขบวนสลับกันคนเว้นคน พวกแตกแถวออกมาสร้างแนวป้องกันแบบฟันปลานั่นเอง
เมื่อได้รับคำสั่งของหลิวไห่ พลโล่ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ทั้งหมดหยุดยืนอยู่กับที่ตั้งขบวนป้องกันศัตรูพร้อมกับก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งช่วงก้าวและปักโล่โลหะติดพื้นราวกับป้อมปราการมนุษย์!
ส่วนพลโล่ที่มิได้รับหน้าที่นั้นพวกเขาเร่งความเร็วเดินชิดหลังคนข้างหน้าของตนเองมากขึ้นเพื่อปกปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นนั่นเอง
หน้าที่ของพวกเขาคือส่งผู้บาดเจ็บกลับไปรักษาอย่างปลอดภัยทันท่วงที หากทั้งขบวนหยุดนิ่งตั้งรับการโจมตีกันเสียหมดผู้บาดเจ็บเหล่านี้คงรอความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเห็นว่าคงมิสามารถสะบัดกองกำลังพันธมิตรทั้งสามเผ่านี้ได้ หลินหยางจึงเตรียมตัวเตรียมใจรับการท้าทายจากศัตรูทั้งสามเผ่าพันธุ์เพื่อเปิดโอกาศให้คนของตนกลับไปได้อย่างปลอดภัย หากเขายังคงดื้อรั้นเดินทางต่อก็คงมีแต่เสียกับเสีย
ด้วยแนวป้องกันที่มีเพียงชั้นเดียวเช่นนี้ บวกกับเดินทางเคลื่อนที่ไปด้วยทำให้การป้องกันตกหายลงไปกว่าครึ่ง ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจปักหลักตอบโต้ศัตรูอย่างไม่มีทางเลือก
เขาเองก็คือหนึ่งในจำนวนพลโล่ทั้งยี่สิบใบนี้ ส่วนคู่หูที่ประกบคู่กับเขาคือเจียวซิ่นนั้นมิได้อยู่ปักหลักรับการโจมตีด้วย เพราะแนวหลังขบวนทัพยังต้องได้รับการป้องกันอย่างระมัดระวังจึงต้องมีผู้คุ้มกันที่มีฝีมือสูงป้องกันขบวนหลังเอาไว้ และนั่นก็คือเจียวซิ่นนั่นเอง
ตอนที่ 272 ปะทะ(ตอนสาม)
ส่วนขบวนทัพด้านหน้านั้นนับว่าเป็นส่วนที่ปลอดภัยที่สุด โดยมีผู้คุ้มกันดูแลคือจิ่นเหอ
แม้จะเป็นส่วนที่ปลอดภัยที่สุดแต่พวกเขาก็นับว่าอันตรายที่สุดในเวลาเดียวกัน
เพราะการเดินทางครั้งนี้เป้าหมายคือการมุ่งตรงกลับเมืองอย่างปลอดภัย
แต่พวกเขาก็มิสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ระหว่างทางพวกเขาอาจจะไปพบเจอเข้ากับฝูงมอนสเตอร์ปีศาจร้ายหรือกองกำลังอื่นเข้าก็ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นขบวนทัพที่ถอยหนีเมื่อครู่ หันกลับมาป้องกันอย่างฉับพลันเช่นนี้ส่งผลให้พวกมันชะงักเล็กน้อย
‘หึ’ ผู้นำชาวมนุษย์แสยะยิ้ม
เดิมทีนั้นพวกมันมิทราบกำลังพลของศัตรูที่ยึดกุมถ้ำค้างคาวแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ในสายตาของมันมองเห็นทุกชีวิตของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
โดยกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามมีทั้งหมดราวแปดสิบชีวิตและผู้ที่หมดสภาพไม่สามารถจะต่อสู้ไหวอีกกว่าสิบคน ซึ่งนั่นก็เหลือศัตรูเพียงอีกเจ็ดสิบเท่านั้น
แน่นอนด้วยจำนวนคนที่มีเพียงเจ็ดสิบมีหรือจะสามารถต่อกรกับกองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ที่มีสมาชิกถึงร้อยคนได้
และแล้วบัดนี้ในสายตาของเขานั้น ขบวนทัพของหลินหยางมิได้มีกระจิตกระใจจะต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรของมันเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อพวกมันออกมาจากถ้ำค้างคาวปีกเหล็กทันใดก็ตั้งโล่ป้องกันและมุ่งตรงถอยหนีอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเห็นว่าคนของมันเข้าใกล้จนจวนตัวกลับเปลี่ยนขบวนทัพส่งคนออกมาป้องกันเพียงยี่สิบนาย?
‘เพียงยี่สิบคนคิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ ฮ่าๆ’ ผู้นำมนุษย์หมาป่ากล่าวพลางหัวเราะด้วยเสียงเย็นเยือก มันยังคงเคียดแค้นที่สูญเสียพวกพ้องไปต่อหน้าต่อตาตนเอง
สิ่งที่มันคิดนั้นมิต่างจากผู้นำมนุษย์แม้แต่น้อย ตอนนี้ฝ่ายของมันมีคนกว่าหกสิบชีวิตถืออาวุธครบมือกำลังจะเข้าประชิดขบวนตรงหน้าอยู่รอมร่อ
หากเป็นมันคงทิ้งคนบาดเจ็บที่เป็นตัวถ่วงเหล่านี้เสียและวิ่งหนีเอาตัวรอดไปแล้ว
ตอนนี้พลโล่ที่อยู่ในขบวนถอยทัพทั้งยี่สิบนาย และแถวสองที่หลบอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสี่สิบชีวิตนั้นเดินผ่านแนวป้องกันของหลิวไห่ไปเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาออกนอกสมรภูมิที่เป็นอันตรายไปแล้ว
กระนั้นขบวนทัพยังมิได้หยุดเดินพวกเขามีหน้าที่หลักคือการถอยทัพกลับไปให้ปลอดภัยส่งผู้บาดเจ็บกลับไปรักษา พร้อมกลับเข้าเมืองเตรียมรับมือกับมอนสเตอร์ที่กำลังจะเข้ามาปะทะในอีกสามชั่วโมงข้างหน้านั่นเอง
“ตั้งขบวน!” เมื่อเห็นว่าขบวนถอยทัพด้านหลังของตนเดินผ่านจุดนี้ไปแล้วหลิวไห่จึงตะโกนออกคำสั่งอีกครา
สิ้นเสียงของหลิวไห่แนวป้องกันที่ยืนเรียงแถวกันเป็นเส้นตรงทั้งยี่สิบนายนั้นมีการปรับเปลี่ยนขบวนทัพทันที
โดยหัวแถวและปลายแถวถอยหลังอย่างช้าๆ ตามมาด้วยผู้ที่ยืนติดกับมันค่อยๆถอยตามติดไปเช่นกันแต่โล่โลหะภายในมือยังคงตั้งตระหง่านป้องกันเอาไว้อยู่ดังเดิมมิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่แนวป้องกันทั้งหมดก็หยุดอยู่กับที่มิเคลื่อนไหวต่อ พวกเขามิได้ถอยกลับสู่ขบวนถอยทัพแต่อย่างใด เพียงแต่แปรเปลี่ยนขบวนเพื่อตั้งรับการปะทะที่กำลังจะมาถึง!