ตอนที่ 273 ปะทะ(ตอนสี่)
จากเดิมพลโล่ทั้งยี่สิบนายที่ยืนเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานนั้นบัดนี้พวกเขาปรับเปลี่ยนขบวนคล้ายคลึงกับพีรามิดโดยมีรูปทรงสามเหลี่ยมที่ไร้ฐาน พวกเขาใช้กระบวนทัพรูปลิ่ม!
โดยมีหลิวไห่ยืนอยู่โดดเดี่ยวเป็นผู้นำขบวนอยู่แนวหน้าสุด ส่วนแถวหลังจากเขาหรือแถวที่สองนั้นมีพลโลยืนชิดซ้ายขวาของเขาข้างละหนึ่งคน
ส่วนแถวที่สามมีพลโล่อีกสองคนยืนเยื้องกับแถวสอง พวกเขายืนเรียงไล่กันเป็นแนวทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตามเดิมนั้นรูปขบวนลิ่มมักใช้เพื่อบุกโจมตีฝ่าการป้องกันของข้าศึกที่มีแนวป้องกันแน่นหนา แต่ครานี้ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามโดยมีพลโล่เพียงยี่สิบนายกอปรกับมีผู้บาดเจ็บที่กำลังเคลื่อนย้ายอยู่ด้านหลัง
การแปรเปลี่ยนขบวนครั้งนี้จึงมิใช่การตีฝ่าแต่อย่างใด แต่เน้นในการป้องกันและสะดวกในการเคลื่อนพลมากกว่า รวมถึงดึงดูดความสนใจของข้าศึกฝ่ายตรงข้ามให้สนใจเพียงแต่พวกเขาเท่านั้น!
ทั้งยังสามารถใช้สู้กับจำนวนคนที่มีมากกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันมิให้ฝ่ายศัตรูเข้าโอบล้อมและโจมตีด้วยอาวุธระยะไกลตีตลบหลังเข้าขนาบขบวนรบ เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนถือโล่ป้องกันร่างกายตนเองเอาไว้สามารถป้องกันได้ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง
ส่วนด้านหลังของพวกเขานั้นเปิดโล่ง เพราะมิจำเป็นต้องวางกำลังพลเอาไว้จุดนั้นนั่นเอง
หลินหยางเห็นหลิวไห่จัดขบวนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เขาจึงอดยิ้มมิได้
การฝึกซ้อมของพวกเขาในทุกๆวันนั้นได้แสดงประสิทธิภาพออกมาแล้ว มิใช่เพียงหลิวไห่ที่ปรับเปลี่ยนขบวนรบได้อย่างรวดเร็วเตรียมรับการปะทะจากศัตรูที่กรูกันเข้ามาตรงหน้า
แต่เหล่าพลทหารของเขาก็มีประสิทธิภาพเช่นกันที่สามารถทำตามความต้องการของหลิวไห่จัดขบวนรบได้อย่างรวดเร็วมิเสียเวลาเปล่าเลย พร้อมกับความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การฝึกซ้อมครูฝึกซิ่นก้งในแต่ละวันนั้นมิได้มีเพียงการต่อสู้ดิบเถื่อนอีกต่อไป พวกเขายังคงระดมความคิดใช้สมองกันด้วย
โดยเสนอแผนการเกี่ยวกับขบวนรบต่างๆนาๆเพื่อใช้ในการรับมือกับสถานการณ์ดังเช่นที่เกิดขึ้นตอนนี้ รวมถึงการฝึกใช้อาวุธแต่ละครั้งจะปรับเปลี่ยนไปตามขบวนรบที่ต้องเผชิญด้วยเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาเปิดโอกาศให้ทัพหลักได้เคลื่อนที่อย่างสะดวก หากศัตรูทั้งสามเผ่าต้องการโจมตีขบวนถอยทัพละก็พวกมันต้องฝ่าแนวป้องกันที่กีดขวางเส้นทางเอาไว้เสียก่อน หากพวกมันจะอ้อมไปโจมตีก็เท่ากับว่าเปิดช่องว่างด้านหลังให้ขบวนรูปลิ่มตีตลบท้าย!
ชึบบ~
เหล่ากองกำลังพันธมิตรที่กำลังกรูกันเข้าใส่ศัตรูของมันนั้นเมื่อเห็นแนวป้องกันของศัตรูปรับแปรเปลี่ยนขบวนรบที่แปลกตา พวกมันจึงหยุดการวิ่งเข้าปะทะและมองอย่างสับสน
ยืนคุมเชิงมิบุกเข้าไปต่อแม้จะมีจำนวนคนที่มากกว่าแต่สำหรับความพร้อมของพวกเขานั้นต่ำทรามยิ่งนัก ด้วยการที่พึ่งมาถึงสถานที่ป่าเถื่อนแห่งนี้ที่ใช้พละกำลังวัดตัดสินทุกสิ่งอย่าง
ก่อนที่จะเข้าข้ามผ่านประตูพวกเขาก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น จึงมิทราบถึงการเปลี่ยนแปรขบวนของศัตรูตรงหน้า บ้างก็หันหัวไปมองผู้นำของตนราวกับถามความเห็นอย่างใดอย่างนั้น
พวกมันมิทราบต้องทำเช่นไรต่อไป…
ตอนที่ 274 ปะทะ(ตอนห้า)
“บุกเข้าไปสิว่ะ” ผู้นำมนุษย์ตะโกนออกคำสั่งเสียงดังเมื่อเห็นบริวารของตนหยุดนิ่งมิกล้าเข้าใกล้
ในสายตาของมันมองเห็นเพียงกลุ่มคนยี่สิบคนที่ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเอาชีวิตรอดกลับไปเท่านั้น พักพวกด้านหลังของพวกมันทั้งหกสิบชีวิตกำลังเคลื่อนทัพถอยหนีไปโดยมิสนใจใยดีทิ้งไว้เพียงแต่พลทหารกล้าตายทั้งยี่สิบนาย
มีหรือจะสามารถต่อต้านกองทัพทั้งร้อยคนของมันได้ มันจึงอารมณ์เสียที่เห็นคนของมันตื่นตกใจกับอีแค่แนวป้องกันของศัตรูปรับเปลี่ยนไป
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันมิถึงสามเมตร นับว่าใกล้เคียงกันยิ่งนัก ด้วยระยะที่ใกล้เคียงกันเพียงนี้สามารถเข้าปะทะกันได้ทุกเมื่อ
มองไปยังด้านหลังขบวนถอยทัพตอนนี้พวกเขายังคงเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่องตอนนี้ห่างจากหลิวไห่และหลินหยางราวห้าสิบเมตรเท่านั้นยังมิสามารถเรียกได้ว่าปลอดภัยอย่างที่สุดแต่ก็มิได้อยู่ในกระดานหมากนี้แล้ว
ด้วยการที่ต้องแบกร่างผู้บาดเจ็บไปด้วยจึงสร้างภาระให้แก่ขบวนทัพทำให้ความเร็วของขบวนเชื่องช้ามิว่องไว รวมถึงแนวป้องกันที่คอยปกป้องชีวิตของพวกเขาอยู่คอยระมัดระวังสิ่งรอบข้างเผื่อเกิดเหตุการณ์มิคาดฝัน
“โจมตี” หลิวไห่ตะโกนให้สัญญาณ
ฟิ้วว~
หอกเหล็กถูกปาออกมาจากแนวป้องกันขบวนรูปลิ่มกว่าสิบเล่ม!
หอกทั้งสิบเล่มพุ่งเข้าปักใส่ศัตรูที่อยู่มิห่างกาย ด้วยระใกล้เพียงสามเมตรแน่นอนย่อมมิพลาดเป้า พวกเขาล้วนปาเข้าใส่ร่างกายของศัตรูตรงตัวอย่างแม่นยำ!
ฉึก!
ฉึกก!
อ้ากกก~
มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นมา ร่างกายของผู้ที่ส่งเสียงร้องนั้นมีหอกเหล็กปักทะลุร่างของมันไปโผล่ออกด้านหลัง!
ฟิ้วว~
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดนั้นมิได้หยุดมือของมัจจุราชตรงหน้าแต่อย่างใด เมื่อหอกทั้งสิบถูกปาออกไปเมื่อครู่ ในเวลาไม่ห่างกันมากนักก็มีหอกอีกสิบเล่มพุ่งตามมาติดๆ
พลโล่ทั้งยี่สิบนายนี้มิได้โจมตีออกมาอย่างพร้อมเพรียงมิใช่เพราะขาดความเป็นระเบียบแต่ทว่ามันคือการโจมตีที่เว้นช่วงให้พวกเขาได้ขึ้นลำหอกใหม่!
โดยผู้ที่ปาหอกทั้งสิบเล่มในคราแรกนั้นเมื่อปาออกไปในมือของพวกเขาก็มิมีสิ่งใดเหลืออยู่อีก มันต้องใช้เวลาในการเตรียมหอกเล่มใหม่เพื่อจะโจมตีออกไปอีกครา
หากพวกเขาทั้งหมดยี่สิบคนปาออกไปหมดอย่างพร้อมเพรียงกัน ช่วงเวลาที่เว้นว่างนั้นจะเป็นจุดอ่อนของขบวนรบ พวกเขาจึงเติมเต็มมันด้วยการสลับกันโจมตีโดยแบ่งการโจมตีเป็นสองระลอกนั่นเอง
แต่การโจมตีที่ถูกแบ่งออกเช่นนี้แน่นอนเป้าหมายย่อมลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
ฉึกก!
เมื่อหอกทั้งหมดยี่สิบเล่มถูกปาออกไปพวกเขามิได้โจมตีสืบต่อแต่อย่างใด
หยิบจับหอกเล่มใหม่ที่ตระเตรียมไว้ขึ้นมาเตรียมปะทะหากว่าศัตรูตรงหน้าบุกเข้ามาพวกเขาสามารถใช้หอกเป็นได้ทั้งอาวุธระยะประชิดและการโจมตีระยะกลางไปในตัวนั่นเอง
ผลลัพธ์จากการโจมตีระยะกลางด้วยหอกนี้มิสามารถคาดหวังอันใดได้มากนัก ด้วยการที่ศัตรูของพวกเขาเป็นมนุษย์และมิได้ยืนอยู่ติดกันอย่างแออัด
พวกมันยืนกระจัดกระจายอย่างไร้ระเบียบแบบแผน จึงมีช่องว่างเกิดขึ้นมากมายระหว่างพวกมัน ทำให้เป้าหมายที่เจาะจงนั้นเล็งยากขึ้นไปอีก