ตอนที่ 309 กลางคืน
ยิ่งพวกเขาอยู่มานานเท่าใดมอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีเมืองของพวกเขานับวันยิ่งระดับสูง ดุร้าย รวดเร็ว แปลกใหม่ แตกต่างกันไปตามแต่ละครั้ง
โชคดีที่หนอนดินระดับเจ็ดนี้มิได้มีทักษะโจมตีอันใดให้เป็นกังวล การโจมตีหลักนั้นเน้นไปที่ความเร็วและพละกำลังเป็นการโจมตีทางกายภาพโดยตรงนั่นเอง
หากพวกมันเห็นมอนสเตอร์ที่หลินหยางและพวกกำลังสู้รบอยู่ด้วยละก็คงหน้าซีดเป็นไก่ต้มเป็นแน่ เพราะระดับที่สูงเกินกว่าพวกมันจะสามารถรับมือไหวนั่นเอง
หากเทียบหนอนดินระดับเจ็ดนี้ที่ตามเดิมมีหนึ่งร้อยตัวและสูญหายไปอย่างปริศนายี่สิบกว่าตัว นับว่าแข็งแกร่งกว่ามดไฟระดับสองทั้งสองร้อยตัวที่บุกโจมตีเมืองของหลินหยางในวันแรก
เนื่องจากมดไฟเหล่านั้นเกาะกลุ่มกันเดินขบวนเป็นแบบแผนตามติดมดไฟตัวหน้าและมีความเร็วต่ำ จึงมิใช่ปัญหาที่จะกำจัดพวกมันแม้พวกเขาจะมีเพียงระดับหนึ่ง
ต่างกับหนอนดินที่เคลื่อนขบวนอย่างไร้แบบแผน โจมตีเข้ามาแบบสุ่ม ทั้งยังสามารถมุดดินหลบซ่อนพลางตัวได้อย่างดีเยี่ยม
หากพวกเขามิพบเจอพวกมันก่อนรอจนกระทั่งหนอนดินเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี สถานการณ์คงกลับตาลปัตรไปเสียหมด หนอนดินหนึ่งตัวอาจจะเทียบเท่ามดไฟนับสิบตัวเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงตั้งแต่หนอนดินตัวสุดท้ายตกตายไป
หลินหยางยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองไปยังด้านล่าง ลานกว้างของเมืองที่ตามปกติจะใช้เป็นสถานที่ในการรับประทานอาหารแต่ทว่าของเขามิได้จับกลุ่มดื่มกินกันแต่อย่างใด
ตอนนี้ผู้คนกว่าสามร้อยชีวิตกำลังรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างตาข่ายตามคำสั่งของหลินหยางกันอยู่
ช่วงหัวค่ำพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงสว่างที่เคยมีจึงถูกความมืดมิดกลืนกินหากเทียบกับเวลาในโลกเดิมตอนนี้ก็คงเป็นช่วงเวลาหนึ่งถึงสองทุ่ม พวกเขาจุดคบไฟรอบกำแพงเมืองเพิ่มความสว่างได้เล็กน้อย
เขามองสอดส่องไปยังบริเวณโดยรอบแต่ด้วยความมืดระยะการมองเห็นจึงลดลงมากโข โชคดีที่คืนนี้มิมีเมฆครึ้มที่คอยบดบังท้องฟ้า แสงจันทร์จึงสอดส่องมิทำให้ค่ำคืนนี้มืดมิดจนเกินไป
มองเห็นดวงดาวสว่างไสวสวยสดงดงามหากตอนนี้มิใช่สถานการณ์คับขันเขาก็คงอยากเก็บภาพความทรงจำเอาไว้
กลุ่มคนปริศนาที่มาวนเวียนตอนที่พวกเขาต่อสู้กับหนอนดินระดับเจ็ดหายเกลี้ยงไปหมดแล้วพวกมันกลับไปตอนไหนก็มิทราบแน่ เขายังมิทราบเจตุนาที่แท้จริงของพวกมันแต่อย่างใด
หากพวกมันเป็นเมืองที่มาสอดแนมนั้นก็นับว่าแตกต่างจากเมืองอื่นๆอยู่เช่นกัน เพราะระยะทางที่พวกมันอยู่นั้นห่างไกลมากเกินไป
แม้แต่หลินหยางที่มีทักษะดวงตาเหยี่ยวยังแทบมิสามารถสังเกตุได้อย่างถนัด มิต้องถามถึงมนุษย์ทั่วไปเพราะคงเห็นเพียงเงารางๆเท่านั้น และพวกมันมิได้พลางตัวหมอบต่ำแต่อย่างใด คอยวนเวียนไปมาอยู่เรื่อย แต่พวกมันก็มิได้รุกคืบแสดงท่าทีเป็นศัตรูอันใดหลินหยางจึงเลิกให้ความสนใจไปเสีย
“หืม?” หลินหยางมองเห็นบางอย่างกำลังมุ่งตรงมายังเมืองของเขา เป็นกลุ่มคนราวสามสิบชีวิตเดินตรงเข้ามาด้วยความเร็วคงที่
“เปิดประตู” เขากล่าวขึ้นทันทีเมื่อสามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน
ตอนที่ 310 กำลังเสริม
“เปิดประตู!” หวงฮั่นหัวหน้าเวรยามตะโกนถ่ายทอดคำสั่งของหลินหยางทันที มันมิถามเหตุผลเลยแม้แต่น้อย มองฝ่าไปในความมืดเห็นคนเป็นกลุ่มราวสามสิบชีวิตกำลังมุ่งหน้าตรงมายังเมืองของมัน
ครืนนน~
เหล่าเวรยามไร้การต่อต้านประตูเมืองขนาดใหญ่เปิดอ้าออกต้อนรับผู้มาเยือน พวกเขาเห็นเพียงกลุ่มคนในระยะไกลเท่านั้นมิสามารถจำแนกหน้าตาได้
เมื่อคนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนพวกมันเห็นใบหน้าชัดเจนจึงยิ้มออกมา คนทั้งสามสิบชีวิตนี้พวกเขามิใช่มนุษย์แต่อย่างใด
นี่คือเหล่าเอลฟ์ที่นำทีมมาด้วยลี่จูเอลฟ์หนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าจะเห็นครั้งใดหน้าตาของพวกเขาก็สร้างความประทับใจอยู่ตลอด มิสามารถละสายตาไปได้ พวกเขามุ่งตรงมาจากหมู่บ้านเอลฟ์เพื่อมาเป็นกำลังเสริมร่วมรบช่วยเหลือเมืองหลินหยางโดยตรง
“พวกเรามาช่วยท่าน” ลี่จูกล่าวใบหน้ายิ้มแย้มนำกลุ่มเอลฟ์เข้าเมืองหลินหยางทันที
“ขอบคุณ” หลินหยางยิ้มกล่าวต้อนรับการมาเยือนของพันธมิตรของเขา เขามิได้ขอกำลังเสริมแต่อย่างใด แต่เหล่าเอลฟ์กลับเสนอตัวมาเองโดยมิต้องเอ่ยการที่พวกเขาต่อสู้จับมือสร้างพันธมิตรกันมาตั้งแต่เริ่มนั้นมิใช่เพียงลมปาก
หากเหล่าเอลฟ์เจอเภทภัยเขาก็คงเข้าไปช่วยเหลือเช่นกันไม่ว่าฝ่ายศัตรูจะมีมากมายเพียงใดก็มิทำให้ไมตรีที่มีลดน้อยลงไป
พวกเขาล้วนสมัครใจมาร่วมรบหลังจากได้ยินเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่กำลังจะโจมตีเมืองหลินหยางจากปากของมนุษย์หมาป่าที่เทียนหนิงเจี้ยนส่งไปเพื่อรวบรวมเถาวัลย์นั่นเอง
“ตามมาสิ” หลินหยางกล่าวกับลี่จู พวกเขาทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่พบเจอทั้งหลายแก่กัน
เหล่าเอลฟ์เดินตามหลินหยางเป็นขบวน
หลินหยางเดินนำพวกเขาไปยังลานกว้างที่ผู้คนที่กำลังจับกลุ่มกันทำงานกันอยู่ ตอนนี้ลานกว้างมีคนกว่าสามร้อยชีวิตกำลังทำงานให้มือของตนพร้อมกับส่งเสียงคึกคัก
“ช่วยทีนะ” หลินหยางกล่าวกับเหล่าเอลฟ์ และแยกตัวกลับขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงดังเดิม ทิ้งให้เหล่าเอลฟ์ยืนนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก
เอลฟ์ทั้งหลายหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห้ง
“เอ่อ..” เอลฟ์ตนหนึ่งกล่าวและหยุดไป มันมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งรวมกันตรงหน้าทำงานกันขมักเขม่นพร้อมกับเสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นมาตลอดเวลา
“มัวรออะไรกันอยู่รีบทำงานสิ” ลี่จูกล่าวพร้อมกับนั่งรวมกลุ่มกับเหล่ามนุษย์และมนุษย์หมาป่าช่วยสร้างตาข่ายจากเถาวัลย์ทันที แรกเริ่มนั้นเขายังทำมิถนัดเท่าใดหลังจากศึกษาดูงานได้สักพัก เขาก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว
“…” เหล่าเอลฟ์ยืนนิ่งเงียบ พวกมันมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังสานตาข่ายด้วยเชือกเถาวัลย์และเศษผ้า
เดิมทีพวกมันคิดว่าเมื่อมาถึงจะเตรียมตัวสร้างความพร้อมยืดหยุ่นร่างกายเพื่อรอต้อนรับฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังจะเข้าโจมตีเมืองพันธมิตรของพวกมันเสียอีก แต่หลินหยางกลับให้พวกมันมาช่วยสร้างตาข่ายเสียนี่..
ยืนนิ่งต่อไปก็มิเกิดประโยชน์ในที่สุดเอลฟ์ทั้งสามสิบตนก็ร่วมแรงร่วมใจผลิตตาข่ายตามคำบัญชาของหลินหยางอย่างจนใจ