ตอนที่ 363 ทางผ่าน
‘หืม?’
“ขอบคุณ” หลินหยางตอบรับ
เดิมทีเขาคิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจเสียอีก มันคือเสียงหวานใสที่ดังแจ้งเตือนขึ้นหลังจากที่มีพลเมืองดั้งเดิมเสียชีวิตนั่นเอง
พลเมืองของพวกมันทั้งหมดจากห้าสิบชีวิตบัดนี้เหลือเพียงสอง และทั้งสองคนนั้นก็ยืนอยู่ต่อหน้าเขา นั่นเท่ากับว่าผู้ที่ตกตายไปนั้นก็มีเพียงหนึ่งเดียวก็คืออดีตผู้นำของพวกมันนั่นแล
เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่มันตกตายลงไปไวเช่นนี้
ตั้งแต่ถูกไล่มันก็วิ่งหายจนลับสายตาไป พวกเขาจึงไม่ทราบข่าวคราวอันใดของมันอีกเลยเพราะมิได้ให้ความสนใจมากนัก
แต่ทว่ามันพึ่งผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น มันกลับสิ้นชีวิตตายไปเสียแล้ว มิทราบสัตว์ปีศาจตนใดหรือเมืองใดเป็นผู้ปลิดชีวิตมันไป
หลินหยางยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคน
“มาครบกันหมดแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยวาจา
ตอนนี้คนเกือบร้อยเจ็ดสิบคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ยกเว้นแถวหลังๆที่เป็นคนชราจากเมืองมนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่า
พวกเขาส่งเสียงคุยกันอยู่ตลอดเวลา ดูท่าการสนทนากันระหว่างคนชราจากสองเผ่าจะมีความน่าสนใจมากกว่าคำกล่าวของหลินหยาง พวกมันไม่ฟังหลินหยางเลยแม้แต่น้อย…
รวมไปถึงเหล่าเด็กชายหญิงตัวน้อยกึ่งมนุษย์ทั้งสองเมือง เด็กที่มีอายุต่ำกว่าสิบขวบนั้นส่วนใหญ่ยังมิรู้ประสีประสาวิ่งเล่นกันตามประสาเด็ก มิได้รู้เรื่องราวอันโหดร้ายของโลกใบใหม่อันใด
พวกเขาล้วนอยู่ในช่วงวัยที่กำลังเรียนรู้สร้างความคุ้นเคย การจะฝึกฝีมือการต่อสู้นั้นสมควรต้องให้ร่างกายเติบโตมากกว่านี้ แต่ทว่าในโลกใบนี้เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่มีโอกาศนั้นอีกต่อไป
“ออกเดินทางได้ พวกเราจะกลับเมืองกัน” หลินหยางกล่าว พลางเดินนำขบวนทัพทันที
ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมถืออาวุธครบมือ โล่และหอก ล้อมกรอบครอบมนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่าเอาไว้ภายใน ใจกลางขบวนทัพนั้นเป็นเกวียนขนสิ่งของที่แบกของเต็มจนสูง ลากไปด้วยกลุ่มมนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่านั่นเอง
การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น คนมากมายขนาดนี้ไม่ว่าจะเดินผ่านเมืองใด เมืองเหล่านั้นล้วนแต่เกิดความหวาดระแวงส่งคนออกมาสอดแนม ตอนนี้พวกเขาไม่ต่างจากดาราที่มีตากล้องคอยดูอยู่ห่างๆ
เส้นทางที่เดินกลับนั้นเป็นทางเดียวกับถ้ำค้างคาวปีกเหล็ก ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาบ่ายกว่าแล้ว ถ้ำค้างคาวแห่งนี้มันมิใช่สถานที่ส่วนตัวของเขา
ระหว่างที่พวกเขาเดินทางไปมานั้นก็มีหลากหลายเมืองแวะมาตรวจสอบเช่นกันเนื่องจากมิมีผู้จับจองเป็นเจ้าของ แต่ทว่าเมืองเหล่านี้ยังมิได้ทุ่มกำลังบุกยึดถ้ำนี้แต่อย่างใด เพราะพวกมันส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเมืองใหม่ที่ไร้กำลังรบ
ส่วนเมืองที่อยู่มานานกว่าพวกเขาพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็มิมีใครกล้าบุกเข้าไป
เพราะซากศพค้างคาว รวมทั้งซากร่างมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆที่เกลื่อนกลาดอยู่หน้าถ้ำไม่ต่างจากเครื่องหมายเตือนภัย มิให้พวกมันเข้าโจมตีได้อย่างวู่วาม การจะบุกเข้าไปในถ้ำปริศนานั้นต้องมีใช้กำลังพลมากพอสมควร รวมถึงระดับของพวกเขาต้องมิต่ำทราม
ตอนที่ 364 ครอบครัว
หลินหยางหวนนึกถึงคราแรกที่พบเจอเข้ากับถ้ำประหลาดโดยบังเอิญ
ถ้ำประหลาดนี้มีหลากหลายแบบ หากโชคดีก็คงเจอเข้ากับถ้ำที่มิมีมอนสเตอร์มากนัก อย่างถ้ำโครงกระดูก มันคือแหล่งเพิ่มพูนระดับที่แทบจะไร้ความเสี่ยงเลยทีเดียว
หลินหยางยังคงนึกหวังจะเจอถ้ำดังกล่าวอีกครา
แต่ทว่าจากสองในสามถ้ำที่พบเจอนั้นกับเป็นรังมอนสเตอร์ดุร้ายที่มีจำนวนมหาศาล
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ปฏิเสธมิได้ว่าถ้ำมดและถ้ำค้างคาวนั้นคือแหล่งขุมทรัพย์ที่มีระดับรอคอยพวกเขาอยู่สำหรับทั้งกองทัพเลยทีเดียว
หากพวกเขาเจอสองถ้ำพร้อมกันหลินหยางก็คงเลือกรังที่มีมอนสเตอร์มหาศาลเป็นอันดับแรก เพราะมันคือแหล่งเพิ่มพูนระดับสำหรับสร้างกองทัพอันแข็งแกร่ง มากกว่าเพิ่มระดับของใครคนใดคนนึง
เมื่อถึงหน้าปากถ้ำ
เหล่ามนุษย์กิ้งก่าและมนุษย์หมาป่าจากเมืองพันธมิตรมิวายจะเก็บซากค้างคาวปีกเหล็กติดไม้ติดมือไปด้วยคนละสองสามตัว บางคนก็จัดการกัดกินทันที พวกมันมิต่างจากอาหารอันโอชะ ที่มีรสชาติสดใหม่ผิดกับอาหารแห้งที่ไร้ความอร่อยโดยสิ้นเชิง
พวกเขามุ่งหน้าเดินต่อมิได้แวะพักหนแห่งใด
ใช้เวลามินานตอนนี้เห็นเมืองขนาดใหญ่โตมโหฬารกว่าเมืองอื่นๆถึงสี่เท่า พวกเขาถึงที่หมายแล้วนั่นคือเมืองหลินหยางนั่นเอง
เพื่อมิให้เกิดการเข้าใจผิดหลินหยางส่งเจียวซิ่นมนุษย์หมาป่าหนุ่มผู้มีความคล่องแคล่วรวดเร็วมากกว่าผู้ใดแม้แต่หลินหยางก็เทียบมิติด
เจียวซิ่นวิ่งนำขบวนมาบอกกล่าวเล่าเรื่องราวแก่ผู้คนในเมืองก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ครืนน~
ประตูเมืองขนาดใหญ่เปิดอ้าออกต้อนรับเหล่าพลทหารและสมาชิกใหม่ทันที มิรอช้าขบวนเดินทางมุ่งตรงเข้าสู่เมืองใหญ่ทันที
ณ ลานกว้างภายในเมือง
พลเมืองทั้งหมดหยุดงานที่กำลังทำอยู่ รวมตัวกันใจกลางเมืองเพื่อพบเจอกับสมาชิกใหม่จดจำใบหน้าและนามเรียกขาน
พวกเขาต้องสร้างความเป็นมิตรต่อกันเอาไว้จะด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม พวกมันต้องใช้ชีวิตอาศัยอยู่ด้วยกันไปอีกนานเลยทีเดียวจนกว่าความตายจะพรากจากกัน
“ยินดีต้อนรับพวกคุณทุกคน นับตั้งแต่นี้ต่อไปที่นี่จะเป็น เมือง บ้าน สถานที่พักผ่อน หรืออาจจะเป็นสถานที่ฝังร่างของพวกคุณ ก่อนอื่นเมืองแห่งนี้มิต้อนรับผู้ที่ไร้ความรับผิดชอบ มิช่วยเหลือผู้อื่น เห็นแก่ตัว พวกคุณทุกคนต้องทำงานตามกำลังของตนหากใครบ่ายเบี่ยงหรือมิต้องการ สามารถกลับออกไปได้เลยผมจะมิห้ามหรือรั้งผู้ใดไว้”
“ใครที่พอมีกำลังรบจะต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมการต่อสู้ นอกจากเด็กและคนชราที่ร่างกายมิพร้อมสำหรับงานหนักพวกคุณจะได้รับการมอบหมายงานเล็กๆน้อยๆที่มิเกินกำลังของตน จะไม่มีใครได้สิทธิพิเศษเหนือผู้ใด พวกเราจะอยู่กันแบบครอบครัวช่วยเหลือกันและกันร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรค ” หลินหยางกล่าวต่อทันที
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดมิใช่ระดับ สถานะ หรือทักษะที่โดดเด่น
แต่เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง เมืองที่อบอุ่นรักมั่นสามัคคี คอยปลอบโยนคราที่พลาดพลั้ง ร่วมดีใจยามที่สำเร็จ ยืนหยัดอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด
หากขาดสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแม้จะมีพลเมืองนับพันก็คงไม่มีชีวิตอยู่รอดได้ในโลกห