ตอนที่ 391 ค้างคาวปีกเหล็ก(ตอนสี่)
หลังจากพลโล่ทั้งหมดถอยทัพยกเลิกแนวป้องกันไปจนสิ้น เผยให้เห็นภายนอกที่เคยบดบังมิสามารถมองเห็นได้ขึ้นมา บนพื้นถ้ำมีกองภูเขาซากค้างคาวปีกเหล็กที่นอนตายไร้ชีวิตไม่หลงเหลือจิตวิญญาณนอนเกลื่อนกลาด
เลือดของพวกมันชโลมอาบลงไปบนพื้นผสมปนเปไปกับเลือดกองเดิมที่เคลือบพื้นถ้ำเอาไว้
ฝูงค้างคาวกระพือปีกโบยบินโดยที่สายตาของพวกมันจ้องมาที่หลินหยางและพวกเป็นตาเดียว โดนสัตว์ประหลาดนับพันตัวจ้องมาเช่นนี้มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“ตั้งรับ” ทันใดนั้นเองหลินหยางตะโกนให้สัญญาณทันที มิเปิดโอกาศให้ค้างคาวปีกเหล็กที่บินอยู่ได้หลุดรอดตามพลโล่ทั้งหมดไป
หลินหยางและมนุษย์หมาป่ารวมตัวยืนดักขวางเส้นทางพวกมันเอาไว้พร้อมกับตั้งแนวป้องกันสองชั้นทดแทนของเดิม
แต่ไม่ว่าอย่างไรจำนวนคนก็มีส่วนในการรบ พวกเขาทั้งหกไม่สามารถตั้งโล่ป้องกันจนปิดเส้นทางได้มิดชิดเพราะจำนวนคนไม่เพียงพอ
จึงสร้างแนวป้องกันได้เพียงแค่สองชั้นเท่านั้น เปิดช่องว่างด้านบนเป็นช่องโหว่ให้ศัตรูตัวน้อยสามารถหลุดรอดเข้ามาได้
แต่นั้นมิใช่ปัญหาสำหรับทั้งหกคน
ห้าคนในจำนวนนั้นล้วนเป็นมนุษย์หมาป่า พวกเขามิใช่ทีมที่มีพละกำลังมหาศาลเหมือนเหล่ามนุษย์ดังเช่นพลโล่ที่คอยใช้กำลังคอยดันโล่บดขยี้ร่างค้างคาวปีกเหล็ก
แต่พวกเขาสามารถลบข้อด้อยทดแทนเข้าด้วยความคล่องแคล่วรวดเร็วจนมิมีใครสามารถเทียบเคียงได้นั่นเอง
ฝูงค้างคาวร่วมพันตัวที่ยังสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เดิมทีพวกมันไม่สามารถมองเห็นด้านหลังแนวป้องกันได้อย่างถนัดถัดถี่เพราะมีโล่สามชั้นคอยบดบังเอาไว้อยู่ หากมีตัวใดที่เข้าใกล้พอจะมองรอดช่องว่างของโล่เข้ามาได้นั้นก็ล้วนตกตายลงจากการถูกบดขยี้ด้วยโล่เหล็กที่ควบคู่ไปกับทักษะหลอมไฟจนสิ้น
จนกระทั่งฝั่งผู้บุกรุกส่งคนออกไปจนเกือบหมดเหลือไว้ภายในเพียงสิบห้านาย
และแล้วป้อมปราการเหล็กก็สลายตัวแตกแยกพร้อมกับหนีหัวซุกหัวซุนหายเข้าไปในความมืดมุ่งสู่ปากถ้ำเอาเป็นเอาตาย เหลือไว้เพียงมนุษย์หมาป่าห้าตนและมนุษย์หนึ่งคนเท่านั้น
ทำให้บัดนี้พวกมันสามารถมองเห็นด้านหลังโล่มนุษย์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มันก็ต้องตกใจกับจำนวนศัตรูที่เหลือเพียงหยิบมือเท่านั้น
ตลอดช่วงเวลาที่เกิดขึ้นมาบนโลกแห่งนี้ได้ยังมิถึงหนึ่งอาทิตย์ของพวกมันนั้น เพียงวันสองวันก็ถูกจู่โจมตีจากผู้บุกรุกที่หมายจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก และในวันนั้นเองพวกมันสูญเสียพวกพ้องเผ่าพันธุ์เดียวกันไปร่วมหนึ่งพันชีวิต
โชคดีที่ฝ่ายผู้บุกรุกจู่ๆก็ถอนทัพนับร้อยชีวิตหนีเตลิดออกจากรังของพวกมันโดยไม่ทราบสาเหตุ มิฉะนั้นพวกมันอาจจะไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ คงจะถูกล้างบางไปในวันนั้นแล้วจนสิ้นเป็นแน่
ด้วยสติปัญญาต่ำต้อยอาศัยเพียงสัญชาติญาณจึงนำพวกมันไล่ล่าตามผู้บุกรุกกลุ่มนั้นออกไปพบเจอเข้ากับมนุษย์กลุ่มใหม่และเผ่าพันธุ์อื่นๆอย่างกองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ที่นำโดยมนุษย์กิ้งก่าเข้า จึงมิรีรอโจมตีเข้าใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดโดยมิต้องถามความเห็นจากผู้ใด…
ตอนที่ 392 ค้างคาวปีกเหล็ก(ตอนห้า)
หลังจากวันแรกที่รอดพ้นจากการกวาดล้างมาได้
พวกมันก็อยู่รอดปลอดภัยพร้อมทั้งออกโจมตีเมืองต่างๆเสาะหาอาหารเลี้ยงชีวิตของตน จึงพอจะรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย อย่างเช่นเมืองปกติมักจะมีผู้อาศัยอยู่ทั้งสิ้นไม่เกินห้าสิบชีวิต
บางเมืองอาจจะมากถึงร้อยหรือสองร้อยจากการรวบรวมหลายเมืองเข้าเป็นหนึ่ง และแล้วในวันนี้ศัตรูที่่เคยบุกโจมตีพวกมันคราแรกนั้นกลับมาคิดบัญชีกับพวกมันแล้วอีกครา
แต่ทว่า… จากจำนวนผู้บุกรุกในคราแรกที่มีกว่าเจ็ดแปดสิบชีวิต บัดนี้ตรงหน้าของพวกมันเหลือศัตรูเพียงแค่หกตนเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้มันจึงเกิดความสับสนขึ้นเล็กน้อยกับจำนวนศัตรูที่หายไปกับพวกที่หนีเตลิดทิ้งทหารเอาไว้เพียงหกนายเช่นนี้ แต่ด้วยสติปัญญาของพวกมันมิสามารถคิดไตร่ตรองได้มากมายนัก
ยิ่งศัตรูเหลือน้อยลงเช่นนี้พวกมันไม่โจมตีด้วยความหวาดระแวงอีกต่อไป ถาโถมบุกเข้าใส่ทหารทั้งหกนายด้วยความรวดเร็วเต็มที่ ราวกับว่าพวกมันแข่งขันกับพักพวกตนเองเพื่อให้ได้เข้าไปฝากรอยแผลให้ผู้บุกรุกทั้งหก
หลินหยางและพวกกำชับโล่เหล็กในมือทันทีเตรียมรับการปะทะ
เมื่อเห็นค้างคาวทั้งฝูงกรูกันเข้ามาดั่งเกลียวคลื่นพวกเขาล้วนใจเต้นแรงมิสามารถห้ามปรามความตื่นกลัวในจิตใจได้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหวาดกลัวต่อสิ่งมีชีวิตนับพันตัวเช่นนี้ หากมิกลัวจึงจะแปลกกว่า
พวกเขามีคนเพียงหกคนเท่านั้นที่ยืดหยัดกำลังจะเผชิญหน้ากับฝูงมอนสเตอร์นับพันในความมืดมิด
หากเกิดข้อผิดพลาดถูกโจมตีเข้าสักคราคงไม่มีชีวิตรอดกลับออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะฤทธิ์จากบาดแผลจากการโจมตีของค้างคาวนั้นช่างร้ายกาจยิ่งนัก
“ฆ่ามัน!” หลินหยางให้สัญญาณตะโกนปลุกพวกเขาทันทีมิรอให้ค้างคาวทั้งฝูงเข้ามาประชิดแนวโล่ได้
เขาตวัดดาบสั้นในมือฟันเข้าใส่ค้างคาวปีกเหล็กตัวหนึ่งที่หมายจะฝ่าเข้ามายังช่องโหว่ด้านบนที่เปิดโล่งเอาไว้
เหล่ามนุษย์หมาป่าทั้งห้ามิรอช้าตวัดกวัดแกว่งดาบของตนโจมตีเข้าใส่ฝูงค้างคาวอย่างต่อเนื่อง
หวังเพียงจะปลิดชีวิตพวกมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ มิให้มันเข้าใกล้จนประชิดตัวพวกเขามากเกินไปมิเช่นนั้นพวกเขาอาจเสียเปรียบและพลาดท่าถูกโจมตีเข้าใส่ทีเผลอ
ด้วยเหตุนี้จึงต้องกำจัดปลิดชีวิตพวกมันเสียก่อนและนั่นมิใช่ปัญหาเลยสำหรับพวกเขาทั้งห้าตนที่มีความคล่องแคล่วเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูง
ก่อนที่ค้างคาวปีกเหล็กจะเข้ามาประชิดตัวพวกมันก็ได้ถูกปลิดชีวิตลงไปอย่างรวดเร็วเสียก่อนแล้ว ส่วนหลินหยางนั้นความเร็วของเขาเป็นรองเพียงแค่เจียวซิ่นเท่านั้น
ความเร็วของพวกเขาทุกคนล้วนมากขึ้นกว่าเดิมหากเทียบกับคนปกติ เมื่อยามที่เพิ่มสถานะความเร็วถึง 2.0 ความคล่องตัวของพวกเขาสูงมากกว่าเดิมถึงสองเท่า
ยามที่ขยับแขนขากวัดแกว่งอาวุธก็ไม่ต่างจากการบิดเบือนช่องว่างของมิติเวลา แขนของพวกเขากลายเป็นภาพเลือนรางมองมิชัดเจน
เมื่อใช้ความเร็วสูงสุดโจมตีเข้าใส่ศัตรู หากคู่ต่อสู้ของพวกเขามิได้ลงค่าสถานะความเร็วแล้วละก็คงจะมองตามการโจมมิทันเป็นแน่