ตอนที่ 405 วิกฤตการณ์(ตอนหก)
สถานการณ์กลับเข้าสู่ความโกลาหลอีกครา
เมื่อครู่นี้เขาเพ่งสมาธิมองไปยังค้างคาวทั้งห้าตัวอย่างจดจ่อเพราะตั้งแต่เริ่มถอยกันคราค้างคาวทั้งฝูงมิได้เข้าร่วมโจมตีพวกเขา
พวกมันทั้งห้าจึงเป็นกลุ่มแรกที่เพิ่มเปิดฉากโจมตีเข้าใส่จึงสร้างจุดสนใจไม่น้อย แต่ก่อนที่จะถึงระยะการโจมตีของพวกเขาทั้งหกที่ใช้ดาบสั้นนั่นคือหนึ่งเมตร ด้านหลังของค้างคาวระดับสี่ตัวหนึ่งกลับมีเงามืดที่แฝงตัวปะปนมากับค้างคาวระดับสี่กลุ่มนี้
มันคือค้างคาวตัวจ้อย มันอาศัยขนาดตัวของพักพวกที่ใหญ่กว่าตนเองบดบังสายตาจากผู้บุกรุก
เมื่อเข้าถึงระยะหนึ่งเมตรมันมิรีรอพุ่งเข้าโจมตีใส่โล่เหล็กแนวป้องกันชั้นล่างตรงกลางทันที ซึ่งผู้ที่ประจำอยู่จุดนั้นคือเจียวซิ่น!
มันรวดเร็วและพรางตัวแอบแฝงแนบเนียนมากับกลุ่มค้างคาวที่บดบังสายตาของพวกเขา ทำให้กว่าจะเห็นตัวของมันก็เข้าใกล้เกินกว่าจะทันได้ระแวดระวังเสียแล้ว
ยามที่มันโจมตีเข้ามาทั้งรวดเร็วและทรงพลังส่งผลให้เจียวซิ่นได้รับบาดเจ็บหนักกว่าจะรู้ตัวเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วก็หายไปเสียแล้ว เขายังมิทันได้ใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบมันเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้ไม่ว่าจะควานหาตัวมันภายในฝูงค้างคาวมากเท่าใด
ก็มิพบเจอแม้แต่เงา บางทีมันอาจจะแอบอยู่ภายในกลุ่มนี้และให้ค้างคาวทั้งฝูงบินวนไปมาเพื่อให้มันได้แฝงตัวอย่างกลมกลืนและคอยโจมตีพวกเขาในยามที่มันต้องการ
“นายเดินไหวไหม?” หลินหยางกล่าวถามเจียวซิ่น ใบหน้าของเขาตอนนี้จริงจังมืดครื้มดุดันน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ไ-ไหวครับ แค่กๆ” เจียวซิ่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงอิดโรยพร้อมกับพ่นเลือดปนน้ำลายออกมาไม่หยุด
ตอนนี้เขาหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเสียอีกมิทราบเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลหรือเพราะเสียเลือดมากเกินไป
มันแม้จะบาดเจ็บสาหัสปางตายเช่นนี้แต่ทว่ายังคงตั้งโล่ป้องกันอยู่จุดเดิม มันทำงานที่ได้รับมอบหมายมิขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้มาจากกำลังใจมุ่งมั่นของตัวมันเอง
หลินหยางขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพของมัน เขานึกความเจ็บปวดที่มันได้รับมิได้เลย เขาเองยังมิมั่นใจหากถูกโจมตีด้วยความรุนแรงแบบเดียวกันกับมัน ตนจะสามารถทนรับได้ไหวหรือไม่
“นายกลับออกไปซะ” เขากล่าว
“ห๊ะ! พี่หยางผมยังสู้ไหว แค่ค้างคาวพวกนี้ไม่คณามือผมหรอก แค่กๆ” เจียวซิ่นปฏิเสธทันควันพร้อมกับเข้าประจำตำแหน่งตนตั้งท่าเตรียมป้องกันเต็มที่
แต่ทว่าเมื่อสิ้นเสียงมันก็กระแอมเอาลิ่มเลือดออกมาอีกครา ตอนนี้ใบหน้าของมันซีดขาว เหงื่อเม็ดโตไหลอาบชุ่มโชก เนื่องจากมันเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเกินไปจึงหายใจเอาอากาศเข้าออกทางปาก
มุมปากของมันมีน้ำลายปนเลือดไหลย้อยออกมาตลอดเวลา มิทราบบาดแผลของมันร้ายแรงมากแค่ไหน ปอดข้างขวาของมันที่ถูกแรงปะทะนั้นคงจะฉีกขาดภายในอย่างรุนแรงเป็นแน่
หากเป็นผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแผลฉกรรจ์เช่นมันตอนนี้คงหมดสติสิ้นสภาพไปแล้วหรือบางทีอาจจะหนักหนาจนสิ้นลมก็เป็นได้
ตอนที่ 406 วิกฤตการณ์(ตอนเจ็ด)
“นี้เป็นคำสั่ง! กลับไปซะอยู่ต่อไปก็เป็นภาระคนอื่นเสียเปล่า ผมไม่ต้องการตัวถ่วงใช้การไม่ได้ หรือนายอยากจะเอาชีวิตของตนมาทิ้งให้แก่ค้างคาวพวกนี้?” หลินหยางตะคอกเสียงดัง
เจียวซิ่นมีใบหน้าเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ด้วยบาดแผลของมันขืนยังคงอยู่ต่อก็ไม่ต่างจากตัวถ่วง
แม้ตอนนี้มันจะสามารถปักหลักตั้งโล่ป้องกันเอาไว้ได้อยู่
แต่นี่ก็ไม่ต่างจากการนับถอยหลังรอคอยความตายของตัวมัน
ตอนนี้ร่างกายของมันนับเกินขีดจำกัดไปไกลโขแล้ว กระดูกซี่โครง รวมถึงอัวยวะภายในได้รับความเสียหายหนักหนาสาหัสเอาการ
ส่วนที่แสดงอาการชัดเจนที่สุดคือปอดของมัน เพียงแค่หายใจเข้าออกยังลำบากยากเข็นเพียงนี้ มีหรือจะสามารถออกแรงใช้กำลังสำหรับต่อสู้ได้ดังเดิม
หากมันฝืนตนเองมากไป อาการกำเริบหนักยิ่งขึ้นไปอีกครานี้คงไม่มีหนทางรอดสำหรับมันอีกต่อไป แม้จะมีหมอเทวดามาอยู่ตรงหน้าก็คงทำได้เพียงแค่ส่ายหัว
“นายควรพักเก็บแรงเอาไว้ เมื่อออกไปแล้วให้คนไปรับตัวทีมแพทย์มา สงครามยังมิจบหากนายอยากสร้างผลงาน หลังจากรักษาแล้วค่อยกลับมาเข้าร่วมอีกครั้ง!” หลินหยางกล่าว ตอนนี้เจียวซิ่นคงไม่สามารถเดินทางไกลได้ทั้งที่ร่างกายบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
เกรงว่ากว่าจะกลับไปถึงเมืองมันอาจจะตายไปเสียก่อน เขาจึงให้ทีมแพทย์หรงเถียนเหยาผู้ถือครองทักษะแห่งการรักษามาหามันเองเสียดีกว่า
การที่นำเธอออกมาจากเมืองเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ปลอดภัย
การเดินทางของเธออาจจะถูกดักโจมตีโดยผู้มิประสงค์ดีก็เป็นได้
แต่จะปล่อยให้เจียวซิ่นรอคอยความตายก็มิได้เช่นกัน
หากจะให้คอยหวาดกลัวเกี่ยวกับการโจมตีระหว่างทางทั้งๆที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นหรือไม่ สู้ให้เธอเดินทางออกมาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บสาหัสที่หากไม่ได้รักษาก็คงมีแต่ความตายที่รอเขาอยู่เสียดีกว่า
และเขาไม่สามารถขังเธอเอาไว้ในเมืองได้ตลอดไปถึงอย่างไรเธอก็คือคนเดียวที่มีทักษะในการรักษา ชีวิตของเธอคงไม่พ้นวนเวียนอยู่กับการสู้รบเป็นแน่
“ต-แต่”
“ไปซะ!!” ก่อนที่เจียวซิ่นจะทันกล่าว หลินหยางตะคอกเสียงดัง
เจียวซิ่นมนุษย์หมาป่าหนุ่มใบหูที่ตั้งตรงชี้ฟ้าของมันลู่ลงทันที มีใบหน้าบูดบึ้งมิอยากปลีกตัวไปจากจุดนี้
แต่ทุกคำกล่าวของหลินหยางทำให้มันมิมีทางเลือกนอกจากถอยหนีกลับออกไปคนเดียวทิ้งให้อีกห้าคนที่เหลือต้องรับภาระหนักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
มันเข้าใจดีว่าจากจำนวนทั้งหกคนนี้แต่เดิมก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้วมิเพียงพอที่จะรับมือกับค้างคาวทั้งฝูงได้
แต่เมื่อขาดมันไปอีกคน แนวโล่ทั้งสองชั้นจะมิสามารถคงการป้องกันเอาไว้ได้อีก พวกเขาจะต้องรับหน้าที่เพิ่มขึ้นการโจมตีจากค้างคาวปีกเหล็กจะมากขึ้นเนื่องจากเป้าหมายที่ลดลง
“พี่ไปเถอะ พวกผมรับมือไหว” มนุษย์หมาป่าตนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ใช่ๆออกไปซะ” มนุษย์หมาป่าอีกตนกล่าวเสริม
“ไปให้พ้นอย่ามาเกะกะ” หมาป่าทั้งสี่ตนส่งเสียงดัง เพื่อความปลอดภัยของเจียวซิ่นพวกเขาจึงใช้คำพูดที่เด็ดขาดโหดร้าย
มันลังเลใบหน้าหดหู่ชั่วครู่ท้ายสุดก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดีมันจ้องมองหลินหยางด้วยความรู้สึกผิด