ตอนที่ 515 เห็นแก่ตัว
โครงสร้างของมนุษย์ช่างน่าพิศวงมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
จากแรกเริ่มคนทั้งห้าสิบยังไร้อาวุธมิสามารถต่อกรได้แม้กับมดปลวก แต่บัดนี้จากโครงกระดูกไร้ค่าทั้งสองร่างกลายมาเป็นอาวุธอันทรงพลังที่เหมาะมือให้แก่พวกมันเป็นที่เรียบร้อย
นับว่าโครงกระดูกมนุษย์นี้มีประโยชน์สำหรับพวกมันทั้งห้าสิบชีวิตได้ในหลายๆความหมาย…
‘พวกนายทั้งห้าไปหาโครงกระดูกมาเพิ่มให้ได้มากที่สุด’ หลินหยางกล่าวกับชายทั้งห้าที่พึ่งทำภารกิจเสี่ยงตายออกไปเสาะหาสิ่งของตามคำบัญชา
ในเมื่อพวกมันเคยทำงานนี้มาแล้วหนึ่งคราทั้งยังกลับมาได้โดยที่ไร้รอยขีดข่วน แล้วฉไนเขาจึงต้องให้คนที่ไร้ประสบการณ์ออกไปรับความเสี่ยงเพิ่มเล่า
‘…’ ชายทั้งห้าอยากเปิดปากโต้เถียงสักหน่อยถามถึงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงเจาะจงเป็นพวกมัน
ราวกับหลินหยางกำลังกลั่นแกล้งพวกมันต่อหน้าธารกำนัลก็มิปาน
แต่ถึงจะทำเช่นนั้นพวกมันก็ทำได้แต่ก้มหน้ารับกรรมทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะสายตากว่าห้าสิบชีวิตที่จ้องมองมันด้วยประกายแห่งความหวังบังคับให้พวกมันเดินคอตกหายวับไปกลับความมืด
มองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าที่้จ้องมองเขากลับเป็นตาเดียว
‘ใครที่มีระดับของตนมากกว่าระดับเริ่มต้นให้มารวมกันตรงนี้’ หลินหยางกล่าว
สิ้นเสียงของเขากลุ่มคนเริ่มแหวกแยกทางออกเป็นสองกลุ่ม
ผู้ที่มีระดับสองขึ้นไปขยับเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มเดียว แต่นั่นมิใช่จำนวนคนทั้งหมดที่ทำตามคำกล่าวของเขา
เมื่อหลินหยางใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจดูคนในกลุ่มผู้ที่มีระดับหนึ่งก็ยังมีบางคนที่อยู่ในระดับสองและสาม แต่ทว่าพวกมันมิได้ออกมารวมกลุ่มตามคำบัญชาของเขา
บางทีพวกมันคงกลัวว่าจะถูกมอบหมายงานหนักตามระดับที่ตนมีก็เป็นได้ แม้มันจะหลอกคนอื่นได้แต่มิใช่สำหรับหลินหยาง
ถึงตอนนี้เขาก็ยังมิได้บอกเกี่ยวกับทักษะตาเหยี่ยวที่ตนครอบครองให้แก่พวกมันฟัง ด้วยเหตุนี้จึงได้เห็นคนที่ลงทั้งแรงใจแรงกายเต็มร้อยและผู้คนที่โป้ปดเอารัดเอาเปรียบคนอื่น
ถึงจะทราบความเห็นแก่ตัวของบางคนบางกลุ่มแล้วก็ตาม หลินหยางก็มิได้ท้วงติงกล่าวอันใดออกไป มิฉะนั้นความลับเกี่ยวกับทักษะตรวจจับที่เขาได้ปกปิดไว้ก็จะถูกเปิดเผยนั่นเอง ทำได้แค่หัวเราะเยาะในความโง่เขลาของพวกมันและปล่อยเลยตามเลย
หากเขาดื้อรั้นบังคับพวกมันรังแต่จะแตกหักกันไปสักข้างก็เพียงเท่านั้น ถึงพวกมันจะยอมอ่อนเอนทำตาม เมื่อมันทำตามด้วยความไม่เต็มใจแม้จะมีสักร้อยคนก็มิสามารถเทียบเท่าเพียงหนึ่งที่สมัครใจ
ตรงหน้าเขาบัดนี้คือผู้ที่มีระดับติดตัวมากกว่าระดับสองขึ้นไปรวมกลุ่มกันอยู่ประมาณได้ราวยี่สิบคน
โดยมีชายผู้มีระดับสี่ ชายร่างท้วมและหลี่จิ้งผู้มีระดับสองรวมอยู่ด้วย
นี่คือจำนวนผู้มีได้รับการเพิ่มระดับให้มีค่าสถานะสูงขึ้นต่างจากคนธรรมดาทั่วไปยี่สิบคนจากจำนวนคนทั้งห้าสิบ
ดูแล้วก็มิได้น้อยเกินไปจนน่าเกลียด กลับกันเขายังอดนับถือพวกมันมิได้ที่สามารถเพิ่มระดับของตนเองโดยใช้เวลาอันสั้นหลังจากผ่านประตูสวรรค์มาเพียงแค่ไม่นาน
ตอนที่ 516 จำแนก
เหลือบมองไปยังกลุ่มคนผู้เห็นแก่ตัวที่โป้ปดต่อระดับของตน พวกมันล้วนหลบสายตาหลินหยางอย่างฉับพลันราวกับกลัวว่าตนจะถูกจับได้
‘ใครที่เพิ่มเน้นค่าสถานะส่วนใหญ่ไปยังพลังอยู่ฝั่งขวา ความเร็วตรงกลาง พลังป้องกันด้านซ้าย’ หลินหยางกล่าว
ไม่ช้าคนทั้งกลุ่มก็แยกแตกฮือออกจากกันทันที
จากจำนวนทั้งยี่สิบคนมีสิบห้าคนแยกออกไปปักหลักอยู่ทางด้านขวาซึ่งก็คือพวกมันลงค่าสถานะไปยังพละกำลังเป็นหลัก
อีกห้าคนที่เหลือมิได้แยกกระจายออกไปอีกทอดแต่อย่างใดพวกมันทั้งห้ายืนอยู่ด้านข้างนั่นแล
พวกมันล้วนแล้วแต่มีค่าสถานะเด่นไปในด้านความว่องไวรวดเร็ว นี่เท่ากับว่าทั้งยี่สิบชีวิตผู้ที่มีระดับเพิ่มสูงจากระดับเริ่มต้นนี้ล้วนแล้วไม่มีผู้ใดเลยสักคนเดียวที่เพิ่มค่าสถานะอันแสนวิเศษลงไปในพลังป้องกันเลยสักคนเดียว
กลับกันสถานะที่เพิ่มในด้านพลังโจมตีนั้นมีผู้เพิ่มมันมากที่สุดจนทิ้งห่างค่าสถานะอื่นๆไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว รองลงมาก็คือความเร็ว
ส่วนค่าพลังวิญญาณนั้นมิต้องถามหาแต่อย่างใดเนื่องจากหากผู้ใช้ไม่มีทักษะที่เหมาะสมกับพลังวิญญาณก็คงไม่มีใครบ้าไปเพิ่มสถานะดังกล่าวให้เปลืองค่าสถานะที่หาได้ยากยิ่งจากการเพิ่มระดับตนเอง
เห็นดังนี้หลินหยางมิได้แปลกใจเท่าไหร่
สำหรับมือใหม่อย่างเมืองผู้เริ่มต้นเมื่อมีระดับที่สูงขึ้นและมีค่าสถานะถึงสี่ชนิดเจาะจงให้คัดสรร
พวกมันก็คงสับสนมิทราบความหมายของจุดเด่นข้อด้อยของสถานะต่างๆที่แปลกตาตื่นใจเหล่านี้ คงจะมีพลัง และความเร็วสองสถานะที่มิต้องการคำอธิบายหรือความเข้าใจใดๆเกี่ยวกับมันสักเท่าใด
เพราะความหมายของพวกมันก็ตรงตัวของมันเองอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มค่าสถานะพลังไปแล้วผู้ใช้จะมีพละกำลังสูงขึ้นจากร่างกายปกติหนึ่งส่วนสิบและมีความอึดทนทานขึ้นเล็กน้อย
ส่วนความรวดเร็วก็มิต่างกันมากนัก มันเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวให้แก่ผู้ใช้เฉกเช่นเดียวกัน
ส่วนค่าพลังป้องกันและพลังวิญญาณนี้ คงมิมีใครสนใจจะเพิ่มมันโดยที่ไม่รู้ผลลัพธ์ที่แน่นอน
หากเป็นหลินหยางในยามที่พึ่งพ้นผ่านประตูสวรรค์เข้ามาเขาก็ไม่เลือกการป้องกันและพลังวิญญาณเป็นหลักเช่นกัน
ตัวเขาในตอนนั้นได้เพิ่มไปยังสถานะความเร็วก่อนเป็นอันดับแรก และผลลัพธ์ของมันก็แสดงให้เห็นในฉับพลันเลยทีเดียว
การเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกหลังจากรู้ว่าตนเองรวดเร็วกว่าคนอื่นนี้มันช่างน่าพิศวงราวกับติดอยู่ภวังค์
ไม่ว่าศัตรูของเขาจะมีพลังโจมตีมหาศาลพลังทำลายล้างรุนแรงมากเพียงใด หากแต่ไม่สามารถแตะต้องตัวเขาได้แล้ว มันย่อมสร้างความเสียหายให้ตัวเขามิได้
นับแต่การเพิ่มค่าสถานะความเร็วลงไปนั้นหลินหยางจึงเพิ่มค่าสถานะดังกล่าวย้ำไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง…ได้รับทักษะราชสีห์คำรามอันจำเป็นต้องใช้ค่าพลังวิญญาณเป็นตัวตัดสินเขาจึงเริ่มเบี่ยงจากความเร็วมาเพิ่มค่าพลังวิญญาณหลักเพื่อทำให้ทักษะการโจมตีทางวิญญาณนี้เป็นการโจมตีที่รุนแรงและไร้การป้องกันถึงขีดสุด