ตอนที่ 545 วิ่ง
“…” ชายผู้มีระดับสี่และชายผู้มีหน้าที่เฉกเช่นเดียวกับมัน คอตกก้มหน้ามิได้ตอบกลับแก่หลินหยางด้วยความละอาย
อนึ่งคงจะโทษพวกมันทั้งสองมิได้ ไม่ว่ามนุษย์ผู้ใดก็ย่อมต้องรักชีวิตตนเองอยู่เป็นทุนเดิม แม้พวกมันจะกล้าหาญเพียงใด หากได้เผชิญระหว่างความเป็นและความตายก็คงมีสภาพไม่ต่างกันมากสักเท่าไหร่
“ไป!” หลินหยางกล่าวให้สัญญาณเริ่มการเคลื่อนทัพ
ชายหนุ่มออกตัวอย่างฉับพลันเร่งความเร็วสูงสุดด้วยระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้ตัวเขาแยกห่างออกจากชายทั้งสิบกว่าสองเมตร
“ตามมา” หลินหยางส่งเสียงให้พวกมันรับรู้ว่าตนเองยังอยู่ข้างหน้าของพวกมัน มิได้ห่างกายไปไกล
นี่เป็นความตั้งใจของตน หากยังคงวิ่งรวมกลุ่มไปกับพวกมันแน่นอนความเร็วของตัวเขาย่อมไม่ลดทอนลงแน่ แต่สำหรับผู้คนที่อยู่ด้านหลังเขานั้นก็มิได้แน่นอนเสมอไป
พวกมันทั้งหลายก็มีความเป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองไม่ต่างจากชายผู้มีหน้าที่ถือโล่มนุษย์ทั้งสองนั่นแล
ฉะนั้นหลินหยางจึงอาสาก้าวนำพวกมันห่างออกไปสองเมตร ด้วยเหตุนี้ทำให้จิตใจของพวกมันผ่อนคลายลงไปบ้างไม่มากก็น้อย
หากเส้นทางที่กำลังมุ่งเดินพบเจอเข้ากับศัตรูจริงละก็ ผู้ที่จะต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตอันเป็นภัยต่อชีวิตเป็นอันดับแรกก็คือหลินหยางมิใช่พวกมัน ฉะนั้นพวกมันจึงปลอดภัยมากขึ้นอีกเปราะหนึ่ง
สำหรับหลินหยางแล้วเขามิได้กังวลมากเท่าใด ในเรื่องคล่องแคล่วรวดเร็วและสมรรถภาพร่างกาย ชายหนุ่มยังมั่นใจในฝีมือของตนเองอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะพบเจอกับศัตรูคู่อาฆาตอย่างค้างคาวตัวจิ๋วเขาก็ยังมีหวัง
ถึงแม้ค้างคาวตัวจิ๋วตนนั้นจะมีความเร็วเป็นเลิศดั่งลูกศรถูกปลดปล่อยออกจากคันธนู แต่มันก็มิแน่เสมอไปว่าความเร็วของเขาจะด้อยไปกว่ามัน
ภายใต้การนำของชายหนุ่มซึ่งตัวเขาใช้ความเร็วเต็มที่ของมนุษย์ปกติรักษาระห่างระหว่างตนเองและผู้ติดตามเอาไว้ในระยะสองเมตร เป็นดั่งแรงกระตุ้นให้แก่พวกมันทั้งกลุ่มมิให้ลดความเร็วลงโดยใช่เหตุ
มิฉะนั้นพวกมันเองจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งห่างไกลและต้องเสี่ยงกับอันตรายด้วยตนเองหากหลินหยางมิได้อยู่ในระยะตรงหน้า
หน้าที่หลักของพวกมันจึงมีแค่วิ่งตรงไปข้างหน้าเพียงเท่านั้น ฉะนั้นตอนนี้จึงหมดปัญหาในเรื่องชวนปวดหัวไปจนสิ้น
ตุบ~
ตุบบ~
พวกเขาทั้งสิบผ่านจุดกึ่งกลางของถ้ำไปด้วยความรวดเร็ว หากยังคงความเร็วในการเคลื่อนที่เอาไว้ในระดับนี้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพวกเขาก็จะถึงทางออกอย่างแน่นอน
หลินหยางยังคงนำกำลังมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ลดการป้องกันคอยสอดส่องซ้ายขวาและด้านบนอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วของเขาตอนนี้ส่งผลให้ตนต้องใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อตรวจจับเป้าหมายที่ซุ่มซ่อนอยู่เขาจึงมิมีเวลาให้พักเลยแม้แต่เสี้ยววิ
หากตอนนี้มีใครเห็นภาพของเขาคงต้องหัวร่อฟันร่วงเป็นแน่เพราะศรีษะของชายหนุ่มมันมิได้หยุดนิ่งอยู่กับที่เลย คล้ายกับว่าตัวเขากำลังชักกระตุกส่ายศรีษะไปมาไม่หยุดหย่อน
โชคดีที่ตนและผู้ติดตามห่างกันร่วมสองเมตร ช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงถูกความมืดกลืนกินมิทำให้พวกมันมองเห็นสภาพของเขาตอนนี้
แคว๊ก~
“!?”
ตอนที่ 546 ชะงัก
ครืดด~
ชั่ววินาทีนั้นเองมีเสียงสิ่งมีชีวิตที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากเส้นทางเบื้องหน้าของเขา ส่งผลให้ตัวเขาตกใจแตกตื่นหยุดฝีเท้าอย่างกระทันฉับพลัน
“หยุดก่อน” หลินหยางกล่าวพลางยกแขนขึ้นขวางเป็นแนวนอนปรามคนข้างหลังมิให้เคลื่อนที่คืบหน้าไปต่อ
“มีอะไรหรอพี่หยาง?” หลี่จิ้งผู้ซึ่งอยู่ส่วนกลางของแถวกล่าวถามด้วยความฉงนสงสัย
‘ชู่วว’ หลินหยางมิได้ตอบคลายข้อสงสัยให้แก่มัน กลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแนบปากส่งสัญญาณให้พวกมันเก็บเงียบงำเสียงของตนเอาไว้
ตนค่อยๆก้าวเท้าย่องอย่างช้าๆไปในความมืดคืบหน้าไปทีละก้าวอย่างเนิบนาบ พยายามดึงโสทประสาทการรับรู้ขึ้นจุดสูงสุดสดับรับฟังเสียงที่พึ่งได้ยิน
แคว๊กก~
โครมมม~
มีเสียงแว่วมาตามสายลมอยู่เป็นระยะไม่ขาดสาย มีทั้งเสียงที่คุ้นเคยซึ่งสามารถระบุได้อย่างชัดเจนถึงต้นตอของเสียง ค้างคาวปีกเหล็กนั่นเอง
แต่เมื่อแยกแยะแตกออกไปอีกหนึ่งก็พบว่ามันมิใช่ค้างคาวตัวจิ๋วที่เขากำลังหาตัวอยู่ แต่มันเป็นเสียงจากค้างคาวระดับสี่ซึ่งเป็นสัตว์ระดับต่ำที่สุดในถ้ำแห่งนี้
“???” คิ้วทั้งสองข้างของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันเป็นปมทันที จากการสังเกตุสดับรับฟังแล้วมันมิใช่เพียงแค่เสียงจากศัตรูเพียงเท่านั้น มันมีหลายเสียงผสมปนเปจนมิทราบแน่ชัด
หลินหยางกวักมือเรียกพวกมันให้สัญญาณคืบหน้าต่อ แต่ครานี้พวกเขามิได้วิ่งเต็มกำลังอีกแล้ว
ทั้งสิบคนย่องเท้าหมอบต่ำพยายามเงี่ยงหูฟังประเมินสถานการณ์ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเสียงส่งมานั้นมิใช่เพียงหลินหยางได้ยินเพียงผู้เดียว ผู้คนที่อยู่ที่นี้เองก็มิได้หูหนวกตาบอด
พวกมันก็เองก็ได้ยินเสียงที่แว่วรำไรมาตามสายลมพัดพาบ้างแล้ว ความกดดันที่ลดหายฮวบหาบไปเมื่อครู่กลับคืนมาอย่างฉับพลันแถมยังมากว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
แคว๊ก~
ยิ่งมายิ่งชัดเจน หลินหยางค่อยๆคืบหน้าเข้าไปเรื่อยๆเพื่อจับสัญญาณต้นตอของเสียงดังกล่าวและนำมาแยกแยกเพื่อเตรียมแผนรับมือ
ยี่สิบเมตร ห้าสิบเมตร ร้อยเมตร
ชายหนุ่มนำกลุ่มคนคืบหน้าเข้าไปหาเสียงปริศนามากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เริ่มจับใจความของเสียงได้อย่างชัดเจนมากขึ้นตามต้องการบ้างแล้ว
สีหน้าของหลินหยางยิ่งมายิ่งมืดมน เสียงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะได้ยินเอาเสียเลย
“พวกนายรออยู่นี่ก่อน” หลินหยางหันกล่าวแก่ผู้ติดตามของตน
‘เฮ้อ’ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหัว
ถึงแม้จะไม่เห็นสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงบั้นปลายเส้นทางเดินนี้
แต่เสียงที่กระทบโสทประสาทของเขานั้นชัดเจนแจ่มแจ้งจนเห็นเป็นภาพร่าง ระยะระหว่างต้นเสียงจนถึงตนเองนั้นจากการประมาณคงอยู่ห่างกันไม่ถึงสองร้อยเมตร
มือทั้งสองข้างจับกระชับอาวุธแน่นเดินตรงดิ่งมุ่งหน้าอย่างองอาจ
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินมานั้นไม่ผิดเพี้ยนเป็นอื่นใดนอกจากอดีตผู้ร่วมชะตากรรมเฉกเช่นเดียวกันกับตน พวกมันคือกลุ่มหลบหนีที่หนึ่งที่นำโดยชายร่างท้วมนั่นเอง