ตอนที่ 555 ทะลุจุดเดือด(ตอนต้น)
ตอนนี้ร่างกายครึ่งล่างของหลินหยางแทบจะชาไปทั้งแถบ
หากหลินหยางก้มมองช่วงล่างของตนบัดนี้จะพบว่ามันขาวซีดแทบไม่มีเลือดเนื้อไปหล่อเลี้ยง ส่วนช่วงบนของเขาตั้งแต่เอวขึ้นมาล้วนแดงก่ำเส้นเลือดตามจุดต่างๆปูนโปนอย่างน่าหวาดกลัว
ขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียกแทบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ หากยังคงตกเป็นศูนย์กลางของเรี่ยวแรงที่บีบอัดเป็นก้อนแป้งเช่นนี้อีกไม่นานกระดูกของคงต้องมีแตกร้าวบุบสลายไปสักที่เป็นแน่
ไม่ว่าจะตะโกนเรียกหรือด่าทอมันไปเท่าใด ชายผู้มีกำลังเหลือล้นผู้นี้กลับไม่หืออือตอบกลับหรือให้ความสนใจเลย แรงกดดันเริ่มลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้นจากสามแถว ตอนนี้มันลามไปกว่าครึ่งกลุ่มแล้ว แม้ผู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ทราบว่าเกิดเหตุอันใดแต่พวกมันก็ออกแรงช่วยดันคนข้างหน้าเป็นทอดๆ
กร๊อก~
“อั่ก” หลินหยางส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ตอนนี้แม้แต่ลำตัวของเขายังส่งเสียงแปลกๆออกมาแล้ว และมันก็ส่งผลกระทบทันทีโดยส่งผ่านความเจ็บปวดเข้าสู่โสทประสาทของเขาอย่างรุนแรง
“ฮึ่ม!!!” เขากัดฟันแน่นพยายามกักเก็บความเจ็บปวดเอาไว้เต็มที่ แต่ยังได้ยินเสียงลมเล็ดรอดผ่านไรฟัน
“ไอ้เวรนี่” หลินหยางเค้นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นเอง…
ปึ่ก~
มีเสียงทึมทึบดังขึ้นจากร่างของชายผู้เป็นต้นเหตุคนนี้ หากมองไปยังแผ่นหลังของมันจะพบว่ามีกำปั้นนึงกำลังทุบทาบอยู่บนหลังของมันอยู่ เจ้าของกำปั้นนี้ก็คือหลินหยางนั่นแล
ชายหนุ่มมิได้เก็บงำเรี่ยวแรงเอาไว้เลยแม้แต่น้อย เขาใช้พลังทั้งหมดที่ตนเองมีเสริมกับความเร็วสูงสุดของตนที่มากกว่าคนปกติเกินสองเท่าตัว รวมเอาไว้ภายในหมัดเดียวพร้อมกับโจมตีเข้าใส่แผ่นหลังของมันอย่างรุนแรง
ความแรงของกำปั้นนี้สามารถล้มคนร่างกายกำยำใหญ่โตได้เพียงหมัดเดียว
เขาเหลืออดกับชายผู้นี้แล้ว เดิมทีตัวเขาไม่ได้มีความคิดจะทำร้ายใครผู้ใด
ตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มหลบหนีกลุ่มนี้ขึ้นมาเขาจึงนับว่าพวกมันแม้ไม่ใช่มิตรแต่ก็มิใช่ศัตรูเช่นเดียวกัน ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องมองพวกมันเป็นอื่น
แม้ไม่ใช่มิตรแท้เป็นตายไม่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้ก็ตามที แต่ก็มิจำเป็นต้องระแวงระวังหลังตั้งแง่แต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันคงจะเหมาะสมกว่า
จนกว่าแผนการจะดำเนินการลุล่วงเป็นผลสำเร็จพวกมันทั้งหมดกว่าห้าสิบคนก็ยังเป็นมิตรอยู่วันยังค่ำ
พวกเขายังจำเป็นต้องร่วมมือกันจนถึงจุดจบของเป้าหมายที่วางไว้
แต่ตอนนี้กลับมีชายผู้หนึ่งที่ผิดแปลกมนุษย์มนา ทั้งนิสัยใจคอที่ไม่สนโลก มันไม่แม้แต่จะเงี่ยงหูฟังคนที่ตะโกนกร่นด่ามันอยู่ด้วยซ้ำ แถมยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนทั้งที่สร้างความเสียหายให้แก่คนกว่าหลายสิบ
สำหรับมันแล้วนี่มันเกินเลยคำว่าเกะกะขัดแข้งขัดขาไปไกลโข
เรียกได้ว่าหากมิกลั่นแกล้งก็ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อหน้าต่อตาไม่อ้อมค้อมเลยทีเดียว
ตอนที่ 556 ทะลุจุดเดือด(ตอนปลาย)
ช่วงแรกยามที่เขาเอ่ยวาจาเพื่อขอทางอย่างเป็นมิตรยังพอคิดได้ว่ามันอาจมิได้ยินเหม่อลอยหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้สติของมันมิครบถ้วนสมบูรณ์
ต่อมาเมื่อเขาสะกิดมันแต่ไร้ตอบสนอง ในยามนั้นเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกตัวหรือรับรู้เมื่อยามที่มีสิ่งแปลกปลอมมาแตะต้องร่างกาย จึงคิดว่าบางทีมันอาจจะลำคาญและไม่ยอมให้ความร่วมมือซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของคนที่อารมณ์ร้อนจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่
และมันเริ่มตอบสนองเมื่อหลินหยางและกลุ่มคนเริ่มใช้แรงเพื่อกดดันให้มันแหวกทางให้แต่โดยดี แต่มันกลับไม่เป็นดังหวังเมื่อชายผู้นี้ใช้ร่างกายของตนเบียดกลับคืนต่อต้านจากแรงคนนับสิบและเริ่มหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่สามารถหาคำอื่นมาอธิบายแก้ต่างให้แก่มันได้นอกจากคำว่าศัตรู!
มิผิดตอนนี้เขามองมันเป็นศัตรูคนนึง ถึงจะมิใช่สัตว์ประหลาดต่างสายพันธุ์หรือมีความแค้นอันใดต่อกันก็เถิด
เสียงการโจมตีของชายหนุ่มมิได้เบาเลย มันเป็นเสียงทุ้มอย่างน่าหวาดกลัว ผู้คนรอบกายที่กำลังออกแรงผลักดันกันอย่างบ้าคลั่งหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันที แม้แต่เสียงกร่นด่าจากคนหลายสิบที่ฟังไม่ได้ศัพท์เองก็หยุดลงอย่างฉับพลัน
สายตาทุกคู่ล้วนจ้องมองมายังเป้าหมายอันเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดอย่างหลินหยางและชายผู้ถูกกระทำอันเป็นผู้ก่อเหตุการณ์อันชุลมุนวุ่นวายทั้งหมด
เปร๊าะ~
เสียงจากแรงกระแทกของกำปั้นยังสิ้นไปไม่ทันหาย ก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากหมัดข้างซ้ายของหลินหยาง ฟังจากเสียงมันคล้ายกับกระดูกมือของเขาแตกร้าวหรือหักไม่แน่ชัด!
‘อึก!’ ตามมาด้วยเสียงร้องในลำคอของหลินหยางเมื่อความรู้สึกจากกำปั้นที่กระทบกับแผ่นหลังของชายผู้นี้ส่งมายังโสทประสาท
มองไปยังชายผู้ถูกกระทำพบว่าบริเวณที่ถูกหมัดของชายหนุ่มทาบทับอยู่ มีร่องรอยของการโจมตีอย่างรุนแรงเกิดขึ้น ผิวหนังของชายผู้นี้เป็นหลุมยุบลึกราวหนึ่งเซนติเมตร
เมื่อมองไปยังกำปั้นที่เป็นต้นเหตุนั้นจะพบว่ามันกำลังสั่นอยู่เช่นกัน
ชายหนุ่มถอนหมัดออกอย่างเชื่องช้า รั้งมือกลับด้วยใบหน้ามืดหม่นปรายตามองชั่วครู่ก็พบว่านิ้วกลางและนิ้วชี้ของตนบิดผิดรูปแปลกไปจากเดิม มันงอค้าง ปลายนิ้วทั้งสองทิ่มอยู่ตรงบริเวณอุ้งมือของเขาแผ่ราบจนเกือบถึงข้อมือและไม่สามารถบังคับมันให้กลับมาเหยียดตรงได้ดังเดิม
ถึงกระดูกของเขาจะไม่ได้แตกละเอียดเป็นปุ๋ยผงแต่ความเจ็บปวดที่กระดูกสักซี่แตกหักออกจากกันนี้ มันย่อมสร้างความเจ็บปวดทรมานให้อย่างแน่นอน
ไม่เว้นแม้แต่หลินหยาง
ถึงช่วงเวลาล่วงเลยผ่านมาเก้าเดือนตั้งแต่ข้ามมายังโลกที่ไม่รู้จักจะทำให้ตัวตนเขาเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเก่าก่อน ได้รับประสบการณ์เฉียดตายและประสบพบเจอเหตุการณ์อันตรายนับไม่ถ้วนจนหล่อหลอมจิตใจให้แข็งกร้าวปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่
แต่ถึงจะอยู่เพิ่มอีกสิบหรือร้อยปีแต่ตัวเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดาอยู่ มีต่อมรับความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ หากกระดูกสักท่อนหักเขาก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน