ตอนที่ 559 ปีศาจแวมไพร์(ตอนสาม)
หากเป็นปกติแล้วเขาคงอยากจะกล่าวขอโทษขอโพยมันอยู่หรอกเพราะตัวเขาเองก็จำเป็นต้องให้ชายผู้นี้เบี่ยงหลบไปเบียดอัดกับอีกฝั่งเพื่อสร้างที่ว่างให้ตนเองสามารถแทรกไปได้
แต่ชายผมยาวรายนี้เองก็สร้างความลำบากให้แก่เขาอย่างหนักหนาสาหัสเอาการเลยทีเดียว จนอดมิได้จำต้องลงมือทุบตีทำร้ายมัน
แต่โชคร้ายกลับเป็นเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บ และนั่นมิใช่ความผิดของชายผมยาวผู้นี้ที่ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดแต่ก็เป็นผลพวงมาจากการที่มันไม่ยอมขยับตัวตั้งแต่แรก
“เห้ย! เมื่อกี้เอ็งเบียดพวกข้าทำไมว่ะ” ชายทางด้านขวาหลินหยางตะโกนแสกหน้ามันเสียงดังฟังชัด
“ไอ้นี่มันบ้าหรือเปล่าวะ” ชายอีกคนที่อยู่ถัดไปจากมันกล่าวเสริม
“มืงนี่แข็งแรงใช้ได้เลยนี่หว่า” ชายแถวหลังกล่าว
“แม่งโรคจิตชัดๆ” มีเสียงพูดคุยกันดังระงม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสียงด่ามากกว่า และหัวข้อของการสนทนาทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องของชายผมยาวรายนี้นี่เอง
ไม่มีทีท่าว่าชายผมยาวรายนี้จะตอบกลับเสียงเหล่านั้น มันจ้องมองหลินหยางด้วยความนิ่งงัน
ร่างกายของมันแทบจะไม่ขยับเขยื้อนแม้กระเบียดนิ้ว มิผิด หากเป็นคนปกติละก็แม้พวกมันจะพยายามนิ่งเฉยเพียงใดร่างกายของพวกมันก็ย่อมต้องมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะการหายใจเอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเพื่อขับเคลื่อนร่างกาย แต่ชายผู้นี้กลับแข็งทื่อเสมือนรูปปั้นหิน ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือในจำนวนคนที่เบียดเสียดกันอยู่จนแออัดทุกผู้คนล้วนมีเม็ดเหงื่อเปียกอาบร่างกาย แต่ตัวร่างของมันนั้นกลับไม่มีแม้แต่ท่าทีของความอึดอัดเลย
หลินหยางจ้องมองตอบมันไม่ลดเบี่ยงสายตาหนี
‘ฮึ่ม’ หลินหยางเค่นเสียงในลำคอไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดจากกระดูกนิ้วทั้งสองของเขาที่หักออก ซึ่งอาการบาดเจ็บที่หมัดของเขานี้ไม่มีผู้ใดรับรู้นอกจากเจ้าตัวและคนอีกผู้หนึ่งนั่นก็คือชายผมยาวรายนี้
เขาพยายามไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอของตนให้แก่ผู้คนแปลกหน้าได้รับทราบ แม้มันจะเจ็บมากเพียงใดตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันกล้ำกลืนความเจ็บปวดนั้นลงท้องไป
โลกใบใหม่ที่ไร้กฏเกณฑ์ สำหรับคนแปลกหน้ามันไม่มีทั้งมิตรและศัตรู มีเพียงแต่ผลประโยชน์ แม้จะแข็งแกร่งมากเพียงใดแต่ทว่าราชสีห์ที่บาดเจ็บก็สามารถเพลี่ยงพล้ำให้แก่สุนัขจรจัดได้เช่นกัน
ผู้คนรอบกายเบียดเสียดกันเพื่อเข้าประชิดตัวชายผมยาวส่งเสียงพูดคุยกันอย่างอลหม่าน ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงต่อว่ามันในเรื่องของความแข็งกร้าวไม่ยอมโอนอ่อนไม่ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นเสียมากกว่า
สิ่งที่หลินหยางแปลกใจหาใช่ความดื้อดึงของชายผมยาวไม่ แต่เป็นพลังป้องกันอันน่าเหลือเชื่อของมันต่างหาก
เขามองชายผู้นี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายของมันสมส่วนไม่อ้วนผอม แต่ดูอย่างไรมันก็มิเหมือนผู้มีระดับสูงที่มีค่าพละกำลังมหาศาลหรือค่าป้องกันเหลือล้นจนสามารถสะท้อนการโจมตีของเขาและทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บเสียเอง
ตอนที่ 560 ปีศาจแวมไพร์(ตอนสี่)
การที่จะเป็นเช่นนั้นได้มันต้องมีระดับส่วนตนสูงริบลิ่วเพื่อนำค่าสถานะที่ได้มาจากการเลื่อนระดับเพื่อเพิ่มค่าสถานะต่างๆตามใจนึก
แต่ครุ่นคิดอย่างใดก็ยิ่งสับสน เพราะมันขัดแข้งอยู่ในตัว เนื่องหากมันมีระดับสูงและมีค่าพลังหรือการป้องกันสูงลิ่วเช่นนี้เหตุใดจึงถูกค้างคาวปีกเหล็กจับตัวมา?
มันน่าสงสัยยิ่งนัก
ด้วยข้อมูลที่เขารวบรวมมาจึงพอทราบสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่โดยรอบอยู่บ้าง บริเวณที่ตั้งของถ้ำค้างคาวนี้อยู่ในแถบเมืองผู้เริ่มต้นซึ่งห่างไกลกับสถานที่ที่เจริญแล้วยิ่งนัก
ซึ่งเมืองผู้เริ่มต้นเหล่านี้ก็ตรงตามความหมายของมัน ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นมือใหม่ที่พึ่งผ่านประตูสวรรค์มากันทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถก้าวข้ามผ่านระดับสักขั้นนึง
หนึ่งในเมืองผู้เริ่มต้นก็นับรวมเมืองหลินหยางไปด้วยเช่นกัน ทั่วบริเวณที่เขาออกสำรวจอยู่เรื่อยมา
ทุกผู้คนที่พบเจอทั้งจงใจหรือบังเอิญ ก็ไม่มีสักคนเดียวที่มีระดับสูงเกินไปกว่าตัวเขาที่มีระดับยี่สิบเอ็ดเลย อย่าว่าแต่ใกล้เคียงแม้แต่ผู้ที่มีระดับสูงกว่าระดับสิบเขายังมิเคยพบเช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีระดับสิบขึ้นไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่จากโลกใบเก่ามาเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไปแล้วทั้งสิ้นและจุดที่ตั้งบ้านเมืองของพวกมันก็ห่างไกลกับแถบนี้ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็มิต่ำกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร
และชายผมยาวตรงหน้าเขาบัดนี้ หากคิดคำนึงถึงร่างกายที่แข็งดุจเหล็กกล้าของมัน ตัวผู้ครอบครองร่างกายเช่นนี้ย่อมต้องมีระดับสูงจนหาใครเปรียบเป็นแน่
หลินหยางมิสามารถคิดภาพวาดฝันถึงวันใดวันหนึ่งที่ตัวเขามีระดับใกล้เคียงกับมันได้เลย ค่าสถานะของมันนั้นมีมากมายเพียงใด ห้า? สิบ? หรือบางทีอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อย! มิทราบต้องใช้ค่าสถานะมากเท่าใดจึงจะตีตนขึ้นไปเทียบเคียงกับชายผู้นี้ได้
แคว๊ก~
ว๊าก~
เสียงของการพัวพันสู้รบยังคงดังขึ้นมาเป็นระยะส่งมาจากส่วนหน้าของกลุ่ม มีทั้งเสียงของค้างคาวปีกเหล็กและเสียงของมนุษย์ เพียงแค่การฟังเสียงมิสามารถชี้ชัดบ่งบอกได้ว่าฝ่ายใดมีเปรียบหรือเสียเปรียบ
เสียงนั้นปลุกหลินหยางขึ้นจากภวังค์ความคิด ตอนนี้เขามีหน้าที่ต้องรีบไปจัดการ
กลุ่มคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันนี้ยังคงติดอยู่ภายในเส้นทางเดินของถ้ำไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและก็มิสามารถถอยกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำได้เช่นกัน สองเส้นทางและตัวเลือกที่ต่างกันราวสวรรค์กับนรกอันจำเป็นต้องเลือก
แน่นอนคงไม่มีใครเลือกกลับไปอยู่รอความตายส่งร่างตนเองเป็นอาหารให้สัตว์เดรัจฉานเป็นแน่ พวกเขาต้องเลือกมุ่งไปข้างหน้าและออกไปจากถ้ำนี้
ฉะนั้นหลินหยางต้องรีบไปสมทบกับแนวหน้าเพื่อเป็นกำลังรบจัดการกับสิ่งกีดขวางเพื่อเคลียร์เส้นทางหลบหนีกรุยทางให้ปลอดโปร่งเพื่อให้คนทั้งกลุ่มกลับออกไปตามผลลัพธ์ที่ควรจะเป็น