ตอนที่ 618 มืดบอดชั่วขณะ
ค้างคาวตัวจ้อยมิได้ขยับออกจากจุดเดิมเลยตั้งแต่เริ่ม มันปล่อยให้เศษผ้าลอยตะครุบร่างของตนอย่างเฉยเมยไร้การตอบโต้ เศษผ้าสีแดงฉานครอบคลุมร่างกายของมันครึ่งนึงตั้งแต่ลําตัวจรดศรีษะ แต่มันก็หาได้สนใจไม่เพียงแค่มันกระพือปีกหนึ่งคราเศษผ้านั้นก็สู่ลงไปปกคลุมส่วนหัวของมันจากการกระทําของเจ้าตัว
พรึบ~
มันที่ปีกยักษ์อีกคราโน้มตัวพุ่งเข้าหาหลินหยางหมายปะทะการโจมตี ซึ่งแน่นอนมันย่อมใช้วิธีการหลบหลีกดาบสั้นในมือของมนุษย์หนุ่มและหาช่องโหว่โจมตีร่างกายของเขา
“หึ” หลินหยางเค้นเสียงในลําคอหนึ่งครา เขาอ้อมมือขวาแนบสีข้างทางด้านซ้ายจนสุดความยืดหยุ่นเพิ่มอานุภาพการเหวี่ยงแขนเพิ่มพลังการโจมตีจนถึงขีดสุด หากค้างคาวตัวน้อยที่ไม่มีสิ่งใดป้องกันร่างกายเช่นมันโดนเข้าแม้จะเพียงเฉียดเฉียวก็มากพอจะปลิดชีวิตของมันลงได้ไม่ยากเย็น
เมื่อท่วงท่าเข้าที่เข้าทางทั้งเป้าหมายอยู่ในระยะโจมตีที่เหมาะเจาะถูกจุดเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มไม่ปล่อยโอกาศทองเช่นนี้ได้หลุดรอดเงื้อมมือของตนเหวี่ยงแขนฟันดาบสั้นจนสุดกําลังใช้ความเร็วสูงสุดที่เคยทํามาสร้างการโจมตีรวดเร็วสุดแสนที่แม้แต่ตัวเขาเองก็แทบมองการโจมตีของตนมิทัน
ดาบสั้นที่แม้จะชํารุดเหลือเพียงแค่ครึ่งเล่ม แต่ส่วนคมของมันยังคงมีอยู่ครบมิได้หายไปไหนถูกฟันจากด้านซ้ายกรีดผ่านความว่างเปล่าแม้แต่อากาศยังถูกพันออกเป็นซีก มันพุ่งเป็นเส้นตรงเข้าหาเป้าหมายโดยไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่เบี่ยงซ้ายขวาหรือบนล่าง
ค้างคาวตัวจิ๋วที่พุ่งตัวเข้าหาหลินหยางราวกับว่ามันกําลังส่งร่างของตนเข้าหาความตายก็มิปาน วิถีการเคลื่อนที่ของค้างคาวตัวจิ๋วถูกคาดคะเนเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นด้วยสายตาของหลินหยางและประสบการณ์การเผชิญหน้าของมันเมื่อคํานวนความเร็วของศัตรูตั้งแต่ต่ำสุดจนถึงสูงสุดจนถึงจุดปะทะของดาบสั้น แม้เป้าหมายจะไม่หยุดเป็นเป้านิ่งอยู่กับที่ก็มิใช่ปัญหาเพราะมันทําได้เพียงแค่พุ่งมาข้างหน้าเท่านั้นไม่สามารถหลบหลีกซ้ายขวาด้วยอันเนื่องมาจากมีสิ่งที่กําลังปกปิดการมองเห็นของมันอยู่อย่างจงใจโดยหลินหยางเศษผ้า!
ร่างของค้างคาวตัวน้อยราวกับกําลังถูกดาบสั้นในมือหลินหยางดึงดูดเข้าใกล้เรื่อยๆ หัวใจหลินหยางเต้นโครมครามมุมปากฉีกยิ้มยิงฟันอย่างตื่นเต้น เมื่อคมดาบห่างจากส่วนศรีษะของค้างคาวเป้าหมายตัวจิ๋ว อีกเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีต่อจากนี้จะเป็นการปลิดบัญชีชีวิตทั้งล้างความอัปยศที่ได้รับ
ฟวับ
ทว่า…คมดาบกลับกวาดผ่านร่างของเป้าหมายตัวน้อยไปเฉียดฉิวใต้ร่างของมัน!
เมื่อคมดาบจวนเจียนปะทะ ค้างคาวตัวจิ๋วกระพือปักตอากาศบางเบาหนึ่งคราเพิ่มระดับความสูงเพียงเล็กน้อยจากจุดเดิมอย่างกระชั้นชิดซึ่งมันเพิ่มระดับความสูงของตนเพียงหนึ่งถึงสองเซนติเมตรเท่านั้น จึงเป็นไปได้ยากที่หลินหยางจะสามารถเปลี่ยนวิถีโจมตีตามเป้าหมาย หากกล่าวตามตรงหลินหยางแทบมิเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆเสียตัวยซ้ำเพราะเพียงเสี้ยววินาทีต่อมาร่างของมันก็กลับมาอยู่จุดเดิมเสียแล้ว ราวกับว่ามดาบของชายหนุ่มฟันทะลุร่างของมันไปเสียดื้อๆ
ครึก
มีเสียงส่งออกมาจากบริเวณหัวไหล่ของชายหนุ่ม ข้อต่อของเขาส่งเสียงแจ้งเตือนถึงการใช้งานเกินกําลังสุดความยืดหยุ่นที่มันจะรับไหว กล้ามเนื้อจุดดังกล่าวถึงจนฉีกขาดสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เป็นเจ้าของร่าง ใบหน้าหลินหยางกลับตาลปัตรฉับพลัน แต่มิใช่เพราะสภาพร่างกายของตนที่แสดงการต่อต้านไม่ แต่เป็นเพราะการโจมตีที่ผิดพลาดไม่เป็นอย่างที่คิด!
ก่อนเริ่มการโจมตีหลักนั้นหลินหยางได้ใช้กับดักลอบพันธนาการมองเห็นของศัตรูด้วยการใช้เศษผ้าที่ถูกเคลือบไปด้วยโลหิตของคนคลุมร่างของค้างคาวตัวนี้เอาไว้ หากมันเป็นผ้าธรรมดาแน่นอนมันคงสู่ลมตกลงไปบนพื้นหลังจากเจ้าค้างคาวกระพือปีกเพียงหนึ่งครา แต่ด้วยเลือดที่ชโลมมันอยู่จึงเพิ่มน้ำหนักให้แก่ตัวผ้าเพิ่มแรงเสียดทาน ทําให้มันเกาะติดอยู่บนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วและราวกับฟ้าเป็นใจ เมื่อค้างคาวตัวนี้ไม่สนใจเศษผ้าผืนบางที่คลุมหน้าของตนอยู่ หากมันสะบัดตัวหรือกระพือปักรุนแรงสักสองถึงสามคราเศษผ้าผืนน้อยก็คงหลุดออกไปแล้วเป็นแน่ นั่นยิ่งทําให้หลินหยางมีเวลาเข้าประชิดร่างของมันสามารถบรรจึงโจมตีอย่างพิถีพิถัน
แล้วการโจมตีที่ขายหนุ่มมั่นใจเต็มสิบส่วนนั้นเหตุไฉนจึงเกิดข้อผิดพลาดไม่แม้แต่จะแตะต้องถูกตัวของเป้าหมาย? ความผิดพลาดนี้แน่นอนย่อมไม่เกิดขึ้นมาจากตัวหลินหยาง แต่มันมาจากค้างคาวตัวจิ๋วตนนี้ที่สามารถหลบหลีกการโจมตีได้ทั้งที่ถูกพันธนาการมองเห็น
หากเป็นมนุษย์ถูกผ้าผื่นแดงที่ไม่มีช่องโหว่หรือรูใดให้มองทะลุปิดบังดวงตาทั้งสองข้าง แน่นอนมันผู้นั้นย่อมไม่ต่างจากคนตาบอดไม่สามารถมองเห็นภาพใดได้อีกนอกจากความมืดมิดแล้ว มันจะสามารถหลบการโจมตีที่กําลังจะถูกตัวอยู่รอมร่อได้หรือ? เป็นไปไม่ได้เลย
ทว่านี้ก็มิใช้ครั้งแรกเช่นกันที่มันสามารถหลบพ้นความตายที่หลินหยางเป็นผู้มอบให้ ไม่ว่าหลินหยางจะโจมตีจากมุมอับสายตาจากด้านบน ล่างหรือแม้กระทั่งการโจมตีฉับพลันอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็ไม่สามารถแตะต้องตัวแม้แต่ปลายก้อย
กึด
หลินหยางกัดฟันแน่นเกิดเสียงเสียดสีกันไปมา แขนขวาของเขาสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า มือขวาเดี๋ยวเกร็งเดี่ยวผ่อนไม่แน่นอน ดาบสั้นเมื่อเกือบหลุดตกลงพื้นอยู่หลายครั้ง เป็นพลพวงจากร่างกายที่แสดงความต่อต้านแสวงหาการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน ด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรยใช้งานมาอย่างหนักหน่วงเกินความจําเป็น แถมการโจมตีครั้งล่าสุดของเขามิได้ออมแรงเพื่อเอาไว้แม้แต่เสี้ยวเดียวหมายใช้การโจมตีที่รวดเร็วที่ตนสามารถทําได้ปลิดชีวิตคู่ต่อสู้โดยมิให้มันมีโอกาศรอดแม้สักทาง
สีหน้าชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นใช้ความคิด ยิ่งมายิ่งเกิดเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย เขามิได้สนใจสภาพร่างกายของตนเลยแม้แต่น้อยกัดฟันทนรับความเจ็บปวดโดยที่สายตายังจับจ้องศัตรูใช้ความนึกคิดเสาะหาวิธีปลิดชีวิตของเป้าหมาย
“หรือมันใช้อวัยวะอื่นในการตรวจจับ? หูฟังเสียง? ลิ้นแบบงูรับทิศทาง? หรือคลื่นความถี่สูงจําเพาะของค้างคาว?” สมองเขาคิดหาเหตุผลมารองรับการหลบของที่แปลกพิศดารของศัตรู หากมันมีวิธีการรับรู้สภาพแวดล้อมโดยมิต้องใช้ดวงตาในการมองนี่มันไม่มีเปรียบเกินไปหรอกหรือ เท่ากับว่ามันไม่มีจุดบอดใด อย่างงั้นไม่ว่าเขาจะโจมตีเท่าไหร่ก็ไม่มีวันโดนตัวของมันเลยมิใช่หรือไง?
และการเผชิญหน้ากันของผู้ใช้ความเร็วโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างละทิ้งการป้องกัน แน่นอนพวกมันทั้งสองจักต้องใช้กลยุทธ์การจู่โจมที่สมบูรณ์แบบและใช้การสังเกตุเพื่อเสาะหาช่องโหว่ของกันและกัน แล้วถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีช่องโหวใดๆเลยเล่า
เมื่อการโจมตีพลาดเป้าและไม่สามารถเบี่ยงเปลี่ยนวิธีสร้างการโจมตีต่อเนื่องได้ ชายหนุ่มจึงดึงมือกลับมาตั้งท่าอย่างระมัดระวังพร้อมติดหาวิธีใหม่รับมือกับศัตรู
พรึ่บ
ค้างคาวตัวจ้อยกระพือปีกที่ลมอย่างรุนแรงหนึ่งครา ส่งผลให้เศษผ้าสีแดงที่ปกคลุมใบหน้าที่ใกล้หลุดอยู่รอมร่อถูกแรงลมพัดร่วงลงสู่พื้นทันที
เสียงการเคลื่อนที่ของมันปลุกชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความนึกคิดเร่งร้อนถึงสมาธิกลับเตรียม หลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูพร้อมกับถอยกายทิ้งระยะห่าง
เจ้าค้างคาวไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ของตนทิ้งห่างไปไกล มันหุบปีกทั้งสองข้างปล่อยกายตามแรงดึงดูดดึงลงจนเกือบกระแทกกับพื้นถ้ำก่อนที่จะสยายกางปีกคู่กายโน้มตัวขึ้นมุ่งตรงเข้าหาคู่ต่อสู้ มันใช้การโจมตีจากมุมต่ำ
หากเทียบการโจมตีจากมุมสูงและต่ำแล้ว ประสิทธิภาพของการโจมตีจากมุมต่ำขึ้นสูงย่อมด้อยกว่า ความเร็วของมันมิอาจเทียบเท่าการโจมตีทิ้งทิ้งตัวดับเครื่องชนจากสูงลงต่ำได้ แต่สิ่งที่การโจมตีจากมุมต่ำขึ้นสูงครั้งนี้มีเปรียบเหนือการโจมตีเก่าก่อนก็คือมันจํากัดหนทางหนีของคู่ต่อสู้ให้เหลือเพียงน้อยนิด
ระดับความสูงของค้างคาวตัวจิ๋ว ณ ปัจจุบันอยู่บริเวณหัวเข่าของหลินหยาง โดยเหลือระยะห่างราวครึ่งเมตรที่มันจะปะทะกับร่างของหลินหยาง เมื่อคํานวนมาเสร็จสรรพแล้วจุดที่มันปะทะจะอยู่ราวช่วงเอวของชายหนุ่ม เมื่อเป็นเช่นนี้หลินหยางย่อมไม่สามารถหลบหลีกด้วยการก้มต่ำอย่างที่เคยทําได้เพราะพื้นที่ส่วนล่างของตนถูกคู่ต่อสู้รวบเอาไว้หมดแล้ว รวมถึงการเลี้ยวเบี่ยงตัวได้เพราะมันมีโอกาสสูงที่จะไม่ประสบผลสําเร็จ