เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 643

ตอนที่ 643

ตอนที่ 643 ย้อนนึก(ตอนปลาย)

ครืน

เพียงไม่นานหลังค้างคาวตัวจิ๋วถูกโจมตี มีเสียงเกิดขึ้นในทิศทางของแวมไพร์ปีศาจมันเป็นเสียงของการเคลื่อนที่อย่างไม่ต้องสงสัย

หลินหยางครุ่นคิด ตอนนี้แม้จะโจมตีค้างคาวตัวจิ๋วไปแล้วลบพิษสงที่แวมไพร์ปีศาจมีไปจนสิ้น ไม่เหลือทักษะวิชาใดเกี่ยวกับการโจมตีอีก แต่ทว่าอย่างใดก็ตามราชาแห่งค้างคาวตนนี้ก็ยังมีปีกที่เป็นดังป้อมปราการเหล็กคงกระพันฟันแทงไม่เข้าอยู่

แทนที่เขาจะถืออาวุธเดินปุ่มบ่ามเข้าไปหมายโจมตีมันซึ่งหน้าก็คงไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะสามารถสร้างบาดแผลให้แก่ดวงตาที่ถูกป้องกันด้วยปีกยักษ์ และด้วยผลพวงของทักษะของแวมไพร์ปีศาจอีกไม่นานบาดแผลบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วก็คงจะสื่อไปถึงมันในไม่ช้า หลินหยางจึงเสาะหาที่แอบกําบังกายหลบซ่อนตัวเพื่อฉวยโอกาศในจังหวะดังกล่าว

แล้วทางเดินโล่งโจ่งไม่มีสิ่งกีดขวางเยี่ยงนี้เขาจะไปหลบที่ไหน? หลินหยางมีที่ทางที่หมายปองเอาไว้อยู่แล้วนั่นก็คือ…ด้านบน

บนเพดานถ้ําหาได้เรียบเนียนเสมอกันไปทั้งหมดไม่ มันมีบางส่วนเป็นหินย้อยยื่นนูนออกมา บางส่วนมีหลุมลึก ด้วยสภาพเช่นนี้มันจึงเพียงพอให้แก่เหล่าค้างคาวระดับสี่และหกสามารถเกาะกุมย้อยห้อยหัวนอนหลับในยามกลางวัน ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ให้แก่ตนในเวลานี้เช่นกัน

เขานําดาบสั้นคาบไว้ด้วยปากของตนเองพร้อมกับยื่นสองมือขึ้นสูงเขย่งเท้า เพียงเท่านั้นเขาก็สามารถสัมผัสกับเพดานถ้ําได้อย่างง่ายดายเพราะความสูงระหว่างเพดานและพื้นถ้ําอยู่ที่เพียงสองเมตรเศษเท่านั้น เขาควานหาหลุมที่เหมาะมือและใช้นิ้วสอดเพื่อยึดเหนี่ยวชายหนุ่มอดทนต่อความเจ็บปวดจากมือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อหวังผลประโยชน์ที่มีมากกว่า

เมื่อเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยเขาเกร็งกําลังดึงร่างลอยขึ้นสูงอยู่ในแนวราบ ตอนนี้เสมือนว่าเขากําลังนอนตัวตรงอยู่บนอากาศ แขนของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะมันต้องรับน้ําหนักตัวทั้งหมดของตนไว้ด้วยแขนเพียงสองข้าง ด้วยร่างกายที่ผ่านการทํางานมาอย่างหนักหน่วงทุกวี่วันตั้งแต่โลกเดิม กอปรกับการฝึกฝนตั้งแต่เก้าเดือนที่ผ่านมาทําให้กล้ามเนื้อของเขามีมากขึ้นพละกําลังและเรี่ยวแรงก็สูงขึ้นปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

ชายหนุ่มค่อยผ่อนลมหายใจบางเบาลบตัวตนกลมกลืนไปกับความมืด

รอไม่นานนักเป้าหมายก็เคลื่อนที่มาในตําแหน่งที่หมายปอง แวมไพร์ปีศาจมาถึงแล้ว

หลินหยางเกาะอยู่บนเพดานถ้ําเหนือศรีษะเยื้องไปข้างหน้าของแวมไพร์ปีศาจเล็กน้อย

เมื่อก้อนเนื้อแวมไพร์มาถึง มันหาสังเกตุเห็นหลินหยางไม่ เพราะมันถูกดึงดูดความสนใจด้วยร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่กําลังดิ้นรนอย่างน่าสงสาร มันจ้องมองร่างลูกสมุนของตนด้วยความโกรธแค้นเดือดดาลที่แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้มันคงอยากฉีกกระชากร่างหลินหยางเป็นสิบส่วนเพื่อระบายอารมณ์

ในสายตาของหลินหยางเห็นเพียงแค่ความมืดมิด เขามิได้หันศรีษะมองมายังแวมไพร์ปีศาจเลยเพื่อความปลอดภัยมิให้ศัตรูตรวจพบร่าง พอเวลาผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มกดฟันแน่นเส้นเลือดบนลําคอปูดโปนเห็นเด่นชัดอย่างน่ากลัว

ปีศาจแวมไพร์กู่ร้องดังสะเทือนเลื่อนลั่นเสียงแสบแก้วหูดังสะท้อนก้องกังวาล

หลินหยางหลับตาปีใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด แม้เขาจะเตรียมรับมือกับผลกระทบเอาไว้แล้วแต่ทว่ามันก็ยังไม่พออยู่ดี แถมครานี้ยังอยู่ในระยะกระชั้นชิดห่างเพียงเอื้อมมือ เสียงแหลมของคู่ต่อสู้เจาะทะลุทะลวงเข้าไปในศรีษะจนปวดตึบชายหนุ่มกัดฟันอดทนจนมีเลือดออกตามไรฟัน

ความเจ็บปวดค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนเกินกว่าจะทนได้ มือเท้าเขาเกร็งฝังเล็บเข้าไปในผนังถ้ํา ก่อนที่จู่ๆจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง สีหน้าชายหนุ่มค่อยๆผ่อนคลายลงพร้อมกับถอดถอนหายใจอย่างโล่ง นี่แสดงว่าแวมไพร์ปีศาจมันหยุดแล้ว? ชายหนุ่มเบนสายตาหันมองยังร่างของแวมไพร์ปีศาจเพื่อดําเนินแผนการต่อไปทันที

ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นภาพก้อนเนื้อแวมไพร์ที่กําลังเกลือกกลิ้งไปมากับพื้นแสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส

แต่ชายหนุ่มกลับต้องแปลกใจมากยิ่งกว่าเพราะเขามิได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของมันเลย!

ภาพของแวมไพร์ปีศาจที่กําลังดิ้นทุรนทุรายนั้นในสายตาของเขามันมิได้เบาเลย มันรุนแรงจนพื้นที่รอบข้างสั่นครืน แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของมันเสียนี่

มีเสียงเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกและรับอากาศบริสุทธิ์เข้าทดทแทน

นี่เขาหายใจรุนแรงจนสามารถได้ยินชัดเจนเพียงนี้เลยหรือ? ชายหนุ่มครุ่นคิดพยายามผ่อนลมหายใจให้เบาบางที่สุด เพราะการโจมตีต่อไปที่ตนจะกระทํากับเจ้าแวมไพร์ตนนี้สมควรโจมตีตอนที่มันไม่เหลือความระมัดระวังตัวหรือเล่นที่เผลอนั่นเอง

แม้จะพยายามผ่อนลมหายใจจนเบาบางที่สุดจนเริ่มรู้สึกว่าอากาศไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตนเอง ทว่าเขาก็ยังได้ยินเสียงสูดอากาศและพ่นลมหายใจของตนดังเช่นเดิม

และแล้วชายหนุ่มก็รู้เหตุผลของปัญหาเมื่อมีของเหลวไหลออกมาจากหูตนเองเขาจึงทราบในบัดดลว่าหูทั้งสองข้างของตนได้รับผลกระทบจากเสียงร้องของศัตรูจนได้กระทบกระเทือนถึงประสาทการได้ยิน

ด้วยสภาพที่เป็นอยู่นี้เป็นผู้อื่นคงมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่าหลินหยางกลับมีรอยยิ้มประดับอยู่บนมุมปาก สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจถึงที่สุด นั่นเพราะเขามจําเป็นต้องทรมานกับเสียงแสบแก้วหูของแวมไพร์ปีศาจอีกแล้ว

สิ่งที่อันตรายจากก้อนเนื้อโง่งมตนนี้หนึ่งคือค้างคาวตัวจิ๋วและอีกประการก็คือเสียงร้องของมัน

สําหรับค้างคาวตัวจิ๋วแล้วยังพอสามารถต่อกรได้ เมื่อรู้วิธีการที่แวมไพร์ปีศาจใช้ควบคุมลูกสมุนของมันเรื่องทั้งหมดก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ สามารถขจัดปัญหาเกี่ยวกับตัวค้างคาวตัวจ้อยได้เป็นปลิดทิ้ง

แต่สําหรับเสียงร้องระบายความเจ็บปวดของแวมไพร์ปีศาจที่ทําร้ายคนรอบข้างอย่างไม่ตั้งใจนี้แล้ว มันไม่มีวิธีรับมือเลย สิ่งที่ทําให้ก็มีเพียงแต่หนีถอยออกห่างจากต้นกําเนิดเสียงเท่านั้น

และเมื่อหลินหยางรู้ความลับทักษะเกี่ยวกับการเชื่อมโยงร่างกายของค้างคาวตัวจิ๋วและแวมไพร์ปีศาจแล้ว จุดช่วงเวลาที่บาดแผลบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วไปปรากฏบนร่างของแวมไพร์ปีศาจ จะเป็นช่วงเวลาที่มันอ่อนแอที่สุดและง่ายต่อการกําจัด นับว่าเป็นนาทีทองสมควรแก่การฉกฉวยอย่างยิ่ง แต่ทว่าช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าแวมไพร์กลับปล่อยเสียงที่ทําร้ายคนรอบข้างออกมาอย่างรุนแรงกลายเป็นขับไล่คู่ต่อสู้ของตนโดยอัตโนมัติ

เดิมทีเขากะจะรอให้แวมไพร์ปีศาจมันหยุดเงียบลงเสียก่อนเพื่อตนจะได้มุ่งโจมตีมันอย่างเต็มที่ เพราะเขาคงไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดจากเสียงแสบแก้วหูไปพร้อมกับโจมตีศัตรูได้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาไม่ได้รับผลกระทบอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มคลายมือปล่อยตัวหล่นจากเพดานถ้ํา นําดาบสั้นที่คาบอยู่มาไว้ในมือเตรียมการโจมตีทันที แต่ยังมิทันที่เท้าของตนจะถึงพื้น ช่างเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะนักเมื่อแวมไพร์ปีศาจที่สบัดตัวมั่วซั่วหันหน้ามาทางหลินหยางพอดิบพอดี และเป้าหมายที่ต้องการของหลินหยางอย่างดวงตาของมันก็มาอยู่ต่อหน้าของเขาแล้วโดยที่ไม่มีปีกยักษ์ของมันป้องกันเอาไว้เสียด้วย!

ขณะที่ร่างกําลังลอยตัวอยู่กลางอากาศนี้แน่นอนการทรงตัวย่อมเป็นไปได้ยาก ทว่าหลินหยางกลับใช้มันเป็นประโยชน์แก่ตนเอง เขาชูดาบสั้นขึ้นสูงเหนือหัวหมายจะใช้การแทงลงจากด้านบน เมื่อรวมเข้ากับแรงโน้มถ่วงที่กําลังดึงดูดตนลงสู่พื้นส่งผลให้การโจมตีนี้รุนแรงเพิ่มขึ้นนับเท่าตัว

ดวงตาซ้ายแสนอาภัพถูกดาบสั้นแทงเข้าใส่จนสุดด้าม

ตามมาด้วยดวงตาขวาที่ถูกฟันแยกเป็นสองซีก การมองเห็นของแวมไพร์ปีศาจจึงถูกปิดสนิทตลอดกาล

นั่นคือวิธีการทั้งหมดที่หลินหยางได้กระทําต่อแวมไพร์ปีศาจในก่อนหน้านี้

แม้จะมีบางจุดผิดคลาดไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานับว่าเกินความคาดหมายอย่างยิ่ง ความสําเร็จมันมากว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก

ปัจจุบัน

แวมไพร์ปีศาจส่งเสียงแหบพร่าร่างกายอิดโรยใช้ร่างกายทรงกลมของตนพิงกับผนังถ้ําด้านขวาหมดสภาพน่าอนาถอย่างแท้จริง ดวงตาของมันมีเลือดสีดําไหลรินลงเป็นเส้นสายคล้ายกับมันกําลังร้องไห้ก็มิปาน

พึป

ผนังฝั่งตรงข้ามกับมันมีร่างค้างคาวตัวจิ๋วที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์กําลังตะเกียกตะกายยื้อชีวิตของตนอยู่ด้วยปีกที่เหลือเพียงหนึ่งข้าง

มีเสียงเกิดขึ้นไม่ไกลห่างจากจุดที่พวกมันทั้งสองอยู่เท่าใดนัก ในความมืดปรากฏร่างมนุษย์ผู้หนึ่งที่มีร้อยยิ้มประดับบนใบหน้าเมื่อเห็นสภาพอันน่าอดสูของนายบ่าวคู่นี้

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท