เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 650

ตอนที่ 650

ตอนที่ 650 เสแสร้งแกล้งทํา

การแสดงละครของเขามาถึงตอนอวสารแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มมิปิดบังโป้ปดอีกต่อไปเพราะเป้าหมายของตนนั้นลุล่วงไปแล้วนั่นเอง กลุ่มผู้รอดชีวิตทั้งหมดเดินทางมาถึงจุดหมายและอีกไม่นานก็จะถึงปลายทาง ทั้งนี้ความสนใจจากผู้คนก็มิได้ตกอยู่กับชายหนุ่มอีกต่อไป

“อ-โอเค” หลี่จิ้งก็สับสนไม่ต่างจากเต่อหลง มันไม่เข้าใจการกระทําของหลินหยางที่แสร้งทําตัวไร้ประโยชน์เป็นภาระ แต่ตอนนี้กลับเป็นบุคลกเป็นคนละคน

หลินหยางถอยหลังแทรกตัวผ่านคนแล้วคนเล่าจนตอนนี้ตนอยู่ใกล้เกือบท้ายขบวนแถวแฝงตัวเนียบเนียน กลุ่มคนท้ายขบวนนี้ล้วนไม่มีใครจดจําใบหน้าของชายหนุ่ม

เหวอ~

มีเสียงแห่งความหวาดกลัวลุกลี้ลุกลนดังขึ้นมาเป็นระยะจากขบวนทัพด้านหน้า

“ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวมีข้าอยู่ทั้งคน” เสียงชายผู้มีระดับสี่คอยปลอบประโลมขวัญให้แก่ผู้รอดชีวิตคนแล้วคนเล่า มันและชายร่างท้วมสหายรักยืนกอดอกแน่นคุมซ้ายขวาประกบบดบังร่างของแวมไพร์ปีศาจไว้

เหล่าผู้รอดชีวิตล้วนแต่ปลาบปลื้มในความกล้าหาญไม่กลัวตายของคู่หนายทหารทั้งสอง

หารู้ไม่ในจิตใจของพวกมันล้วนสบถสาบแช่งให้เหล่าผู้รอดชีวิตเร่งรีบเดินเท้าออกไปจากถ้ำนี้ให้โดยไว เพื่อที่พวกมันทั้งคู่จะได้จัดการเก็บเกี่ยวราชาแวมไพร์แห่งถ้ำค้างคาวตนนี้เพื่อกอบโกยขุมทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ให้โดยไว

คู~

แวมไพร์ปีศาจที่หายใจรวยรินจู่ๆมันก็ส่งเสียงขึ้นส่งผลให้ชายผู้มีระดับสี่และสหายของมันสะดุ้งตกใจกระโดดถอยห่างออกมาด้วยใบหน้าแตกตื่น

ชายร่างท้วมหันหน้ามองสบตากับชายผู้มีระดับสี่ด้วยความสับสน ตั้งแต่พบร่างของเจ้าปีศาจมันมิเคยส่งเสียงใดๆเลย มีแต่ร่างกายที่ขยับไปมาเล็กน้อยให้ผู้พบเห็นทราบว่ามันยังมีชีวิตอยู่

สาเหตุที่ทําให้แวมไพร์อ้วนกลมตัวนี้มีปฏิกิริยาตอบสนองเพราะมันได้กลิ่นคนที่คุ้นเคย.หลินหยางนั่นเอง

ตอนนี้แถวท้ายสุดมาถึงแล้ว ในแถวสุดท้ายนี้มีคนอยู่ทั้งสิ้นสามคนหนึ่งคือหลินหยางส่วนอีกสองนั้นเป็นสตรีวัยกลางคนและคนใกล้ชิดของนาง

“อีก” สตรีวัยกลางคนกลืนน้ำลายอีกใหญ่เมื่อมันเห็นร่างของปีศาจในสายตาของตน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเห็นเจ้าปีศาจตนนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นในระยะกระชั้นชิดมีถึงหนึ่งเมตรในระยะเอื้อมมือ

“อะแฮ่ม” ชายผู้มีระดับสี่ส่งเสียงกระแอมพลางย่างเท้าเดินกลับเข้าไปประกบตัวเจ้าแวมไพร์ปีศาจอีกครั้ง

“เหลือพวกเธอแค่สองคน?” มันกล่าวถามย้ำเพื่อความมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดตกค้างหลงเหลืออยู่อีก เพื่อที่พวกมันจะได้เก็บเกี่ยวขุมทรัพย์ตรงนี้เสียที่หลักจากส่งผู้รอดชีวิตทั้งสองออกไป

“สองคน? ใช้ตาข้างไหนดูว่ามีสองคน พวกฉันมีสา-… ” สตรีวัยกลางคนกล่าวแย้งก่อนที่เสียงของนางจะหยุดลงกระทันหันเมื่อผู้รอดชีวิตอีกรายหายไปเสียแล้ว

” ก็มีแค่สองคนเองนี่” ชายร่างท้วมกล่าวด้วยความสับสนบนใบหน้า

“แต่เมื่อกี้?” นางเองก็สับสนไม่ต่างกัน

“เอ้ารีบไปกันได้แล้ว” ชายผู้มีระดับสีไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อย ตอนนี้มันตื่นเต้นแทบอดใจรอมิไหว

สตรีวัยกลางคนแม้จะติดใจสงสัยอยู่บ้าง แต่มันก็มิได้มีน้ำหนักมากพอจะฉุดรั้งให้นางอยู่ใกล้ชิดกับแวมไพร์ปีศาจนี้ต่อ นางและสหายรีบสาวเท้าวิ่งผ่านร่างปีศาจไปด้วยความรวดเร็วทั้งยังสับเท้าต่อวิ่งหายไปในความมืดมุ่งตรงไปยังเส้นทางออกของถ้ำ

เหลือไว้เพียงแค่คู่หนายทหารทั้งสองนายยืนปักหลักเผชิญหน้ากับปีศาจในคราบก้อนเนื้อยักษ์

ตําแหน่งที่อยู่ของแวมไพร์ปีศาจและรอบบริเวณเงียบกริบวังเวง

”เจ้าพวกโง่” ชายผู้มีระดับสี่เค้นเสียงด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

“ฮ่าๆๆ” สหายของมันระเบิดเสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจ

“เอาไง? จัดการมันเลยไหม” ชายร่างท้วมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่ทนต่อความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว

“ใจเย็นไว้เพื่อนยาก” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวพลางส่ายหัว

“รอเวลาอีกสักเดี๋ยวค่อยจัดการมันก็ยังไม่สาย” มันกล่าวต่อ

สาเหตุที่มันยังไม่ลงมือจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ทั้งที่รอคอยจนเนื้อเต้น ก็เป็นเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาดังที่กล่าว มันต้องเผื่อเวลาเอาไว้สักเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตทั้งหมดกลับออกไปเป็นที่เรียบร้อย มิฉะนั้นหากมันเริ่มลงมือปลิดชีวิตไปก่อนและถ้ำแห่งนี้เกิดการสั่นสะเทือนจวนเจียนถึงเวลาถล่มไปตามชะตาชีวิตของปีศาจ เมื่อถึงเวลานั้นหากกลุ่มคนร่วมร้อยสองร้อยชีวิตยังแออัดกันอยู่ภายในถ้ำคงไม่วายวิ่งกรูหนีตายอย่างวุ่นวายเป็นแน่

ซึ่งยังต้องมิลืมว่าพวกมันทั้งสองเองเป็นสองคนที่รั้งท้ายสุดของขบวนแถว หากขณะที่ถ้ำกําลังทรุดตัวถล่มลงมานั้นพวกมันที่วิ่งหนีต้องเผชิญกับฝูงชนที่ขวางกั้นเส้นทางก็คงไม่มีทางแทรกตัวออกไปจากถ้ำได้ก่อนอย่างแน่นอน

“อ-โอเค” ชายร่างท้วมกล่าว มุมปากของมันยิ้มกว้างฉีกจนเกือบถึงหูตอนนี้มือไม้มันสั่นเป็นเจ้าเข้า นี่เป็นเหยื่อชิ้นโตที่สุดกว่าทุกตัวที่มันเคยล่ามา ไม่ว่าจะขนาดตัวหรือกิตติศัพท์ราชาแห่งถ้ำ

“เอ..เจ้าว่าขนาดตัวของมันลดลงไปหน่อยไหม?” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวถามสหายรักขณะจ้องมองก้อนเนื้อแวมไพร์ที่นอนแอบอิงผนังถ้ำแน่นิ่ง

“ข้าว่ามันก็ตัวเท่าเดิมนั่นแหละ” ชายร่างท้วมกล่าว ตอนนี้ดวงตาของมันเยิ้มขณะมองร่างกายน่าขยะแขยงและส่งกลิ่นเหม็นเน่าของปีศาจแวมไพร์

“เจ้าว่างั้นรึ” ชายผู้มีระดับสี่ตอบรับก่อนจะละทิ้งความคิดไร้สาระทิ้งไปเสีย

ขนาดตัวของก้อนเนื้อตนนี้แน่นอนย่อมมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม แถมยังเล็กมากถึงหนึ่งในสามหากเทียบกับขนาดตัวตามปกติ

ตอนนี้ในสายตาของพวกมันทั้งสองไม่ว่าสิ่งใดล้วนไม่สลักสําคัญทั้งสิ้น

พวกมันไม่ได้สังเกตุเลยว่าตอนนี้เจ้าแวมไพร์ปีศาจมิได้หันหน้ามายังทิศทางที่พวกมันสองคนอยู่ ร่างกายส่วนใหญ่ของมันหันไปยังทิศทางตรงไปยังส่วนลึกของถ้ำ

ฟิ้ว~

มีบางสิ่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่คล้ายก้อนหินลอยละลิ่วมาจากความมืดกรีดฝ่าอากาศสร้างเสียงหวีดหวิว

พั๊วะ~

สิ่งนั้นกระทบกับร่างของแวมไพร์ปีศาจที่กําลังนิ่งงัน ส่งผลให้มันสะดุ้งตกใจตัวกระตุกร้องเสียงหลง

คู~

ชายชาติทหารคู่หูทั้งสองนายมีอาการตกใจมากกว่าเจ้าปีศาจที่จู่ๆขยับตัวอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง พวกมันทั้งสองหงายหลังล้มตึงตะเกียกตะกายตัวถอยห่างจนแผ่นหลังแนบกับผนังถ้ำอีกฝั่ง

“ค-ใครน่ะ” เมื่อชายผู้มีระดับสี่ตั้งสติได้ มันหันศรีษะไปยังเส้นทางส่วนลึกของถ้ำ กล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ตึก~

มีเสียงการเคลื่อนที่เกิดขึ้นพร้อมกับร่างของชายผู้หนึ่งเดินฝ่าความมืดปรากฏกายต่อหน้าพวกมันในไม่ช้า เป็นหลินหยางนั่นแล

ชายหนุ่มควงดาบสั้นที่เหลือเพียงครึ่งเล่มไปมาอย่างคล่องแคล่ว สภาพร่างกายและสีหน้าผ่อนคลายราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตน

” หลินหย- อะแฮ่ม พี่หยางทําไมพี่ยังอยู่ที่นี่” ชายผู้มีระดับสี่กล่าวผิดกล่าวถูกตะกุกตะกัก

“ทําไมหลินหยางมันยังอยู่ตรงนี้?” ชายผู้มีระดับสี่ตั้งคําถามแก่ตนเอง ในความเข้าใจของมันคิดว่าไม่หลงเหลือผู้รอดชีวิตรายอื่นอีกแล้วเมื่อหลินหยางเผยตัว มันจึงแปลกใจไม่น้อยทั้งคนที่อยู่ต่อหน้ามันไม่ใช่ใครที่ไหนกลับเป็นคนคุ้นเคยอย่างยิ่ง

“ที่นี่มันอันตรายพี่รีบออกไปเถอะ ไม่อย่างนั้น”

“ไม่อย่างงั้นทําไมหรอ” ชายร่างท้วมพยายามปั้นสีหน้าแสดงความหวังดีกล่าววาจา แต่ก่อนที่มันจะได้กล่าวจบประโยค หลินหยางกลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอ่อ..” ชายร่างท้วมชะงัก

คู๊~

ก้อนเนื้อแวมไพร์เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย มันตอบสนองทันที่ส่งเสียงร้องพลางกระเถิบตัวถอยหลังคล้ายกําลังหนี้ให้ห่างจากบางสิ่งที่ฝังใจ

“เหวอ” ชายร่างท้วมร้องเสียงหลง เมื่อเจ้าปีศาจขยับตัวเข้าใกล้ มันและสหายรีบพยุงตัวลุกวิ่งห่างออกไปราวหนึ่งเมตรจึงหยุดลง

ตอนนี้ระหว่างหลินหยางและคู่หูนายทหารมีแวมไพร์ปีศาจคั่นกลางระหว่างทั้งสอง

” พี่หยางดูมันสิ เจ้าปีศาจนี่มันน่ากลัวอย่างยิ่ง พี่รีบออกไปเสียตอนนี้ดีกว่าพวกผมทั้งสองจะคอยคุ้มกันให้” ชายผู้มีระดับสี่กล่าว

“เหอะ” หลินหยางเค่นเสียงในลําคอ นี่พวกมันคิดว่าตนไม่รู้จุดประสงค์ความต้องการของมันทั้งสองงั้นหรือ?

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท