ตอนที่ 674 ความเป็นไป
พึ่บ
ปักน้อยๆพอดีตัวสยายกางออก เธอกระโจนตัวหนึ่งคราพร้อมกับกระพือปีกในเวลาเดียวกันส่งร่างของตนลอยเหนือพื้นดิน เมื่อระดับสายตาสูงกว่ากำแพงสามารถมองออกไปยังภายนอกเป็นจังหวะที่เด็กสาวควรใช้ปีกมีอากาศอีกครั้งทว่า…
ตุบ
ปีกคู่งามกลับไม่ทำหน้าที่ของตน มันเพียงแค่สยายกางออกค้างเอาไว้ ส่งผลให้ร่างเด็กสาวลดระดับต่ำลงอย่างช้าๆลงพื้นอย่างนุ่มนวล เมื่อลงพื้นเธอหุบปีกทั้งสองข้างกลับเข้าที่ หันควับมุ่งหน้าเดินตรงดิ่งไปยังประตูหอโอสถ
ตึ่ง
” เหล่าหู นายอยู่ข้างนอกใช่ไหม?” เธอใช้มือน้อยๆทุบประตู กล่าวเรียกใครบางคน
”อ-องค์หญิง” มีเสียงชายคนนึงตอบกลับ มันอึกอักเล็กน้อย
“ข้าน้อยอยู่นี่” มันรีบกล่าวต่อ
“เราหิวแล้ว” เด็กสาวกล่าว
“องค์หญิงโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบอาหารให้เดี๋ยวนี้” ชายผู้นั้นตอบ
ภายนอก
ฟู่ววว
เคร้ง
“เนื้อ-เนื้อได้รึยัง”
“ผักยังล้างไม่เสร็จอีกหรือไง”
”เร็วเข้าสิวะ”
มีเสียงคนโหวกเหวกอึกทึก ทั้งยังมีเสียงเหล็กกระทบกันเป็นระยะ
มองไปยังด้านหน้าประตูหอโอสถ นอกจากเหล่าบริวารข้ารับใช้ของหอโอสถแล้วยังมีชายหญิงแต่งตัวรัดกุมสะอาดสะอ้านไม่เหมือนนักรบ กำลังง่วนง่านอยู่กับพืชผักผลไม้และเนี้อสัตว์ ทั้งสับ นั่น
พวกมันเหล่านี้มีหน้าที่อันสำคัญยิ่ง…นั่นคือพ่อครัว!
เปลวไฟกองใหญ่โหมกระหน่ำ เหนือเปลวไฟมีแผ่นเหล็กทรงนูนต่ำอันโต มันคือเครื่องครัวที่เรียกว่ากระทะถูกเขย่าขึ้นลงด้วยมือของชายวัยสี่ห้าสิบปีผู้หนึ่งร่างกายแข็งแรง มันผู้นี้คือคนที่เด็กสาวเรียกว่าเหล่าหูและมันคือหัวหน้าพ่อครัวภายในเมืองแห่งนี้ กำลังปรุงอาหารด้วยใบหน้าจริงจังอย่างยิ่งยวดราวกับแบกรับความกดดันมหาศาล
เสียงโหวกเหวกดังอยู่กว่าสิบนาทีจนค่อยๆเงียบลงในที่สุด
ครึก
ประตูหอโอสถแง้มเปิดออกเผยให้เห็นอีกฟากฝั่งที่เคยขวางกั้น
ในสายตาของเหล่าหูหัวหน้าพ่อครัวและลูกมือนับสิบ เห็นเด็กสาวตัวน้อยน่ารักกำลังยืนหน้ามุ่ยกอดอกจ้องเขม็งมายังพวกมัน เพียงแค่มองปราดเดียวก็ทราบถึงสภาพอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
ครึก
นำโดยเหล่าหู มันยกอาหารก้าวเข้ามาในหอโอสถ เมนูที่มันเป็นผู้ยกมานั้นดูแล้วคล้ายเนื้ออบชิ้นโตส่ง เหล่าลูกมือของมันนับสิบก็มีเดินตามเหล่าหูมาพร้อมกับเมนูใหม่ในมือมีทั้งผัด ทอด แกง นึ่งและผักผลไม้สดรวมถึงผลไม้แห้งก็ถูกเตรียมมาเช่นกัน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นหอมฉุยตลบอบอวลชวนอยากอาหาร
เมื่อเหล่าพ่อครัวแม่ครัวนักปรุงทั้งหลายเข้ามาในหอโอสถเป็นที่เรียบร้อย พวกมันยืนแยกกันแหวกทางเดินขนาบสองข้างทาง มองไปตรงเส้นทางที่แหวกออกมีชายฉกรรจ์แต่งตัวเต็มยศสองรายกำลังแบกโต๊ะตัวใหญ่เดินผ่านเข้ามาจัดวางไว้ตรงหน้าเด็กสาว
พรึ่บ
ผ้ารองโต๊ะสี่อ่อนสบายตาถูกนำมาคลุมไว้พร้อมกันนั้นเมนูที่คัดสรรค์โดยพ่อครัวหัวกระทิถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม
ตึก
ชายฉกรรจ์รายหนึ่งนำเก้าอี้มาวางไว้กึ่งกลางโต๊ะอาหาร
“เชิญองค์หญิง” เหล่าหูกล่าว
เด็กสาวไม่พูดจานั่งลงทานอาหารที่ตระเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะโดยมีเหล่าหูหัวหน้าพ่อครัวคอยบริการเติมน้ำตักอาหาร เด็กสาวหยิบนูนตักนี้เข้าปากไปได้หลายคำจนอิ่มเอมตามต้องการก่อนจะหันกายลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในหอโอสถ
เหล่าหูและลูกมือที่ค่อมหัวส่งเด็กสาวจนหายลับจากสายตา
ฟื้วว
ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่าน
“เห็นไหมข้าบอกแล้ว ให้รีบทำอาหารส่งเข้ามาในตอนเย็น” เสียงสตรีนางนึงซึ่งเป็นหนึ่งในลูกมือของเหล่าหูกระซิบกระซาบ
“ดูสิองค์หญิงต้องหิวมากแน่ๆอารมณ์ของนางจึงบูดบึงเช่นนี้” เสียงชายอีกคนกระซิบกระซาบโต้ตอบกัน
ตลอดเวลาในการทานอาหาร เด็กสาวใบหน้าทิ้งตึงมิร่าเริงเหมือนดังเคย
เหล่าหูที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดระยะเวลาการปรนนิบัติ หลังจากเด็กสาวหายไปจากสายตาสีหน้าของมันก็หดหูลงอย่างเห็นได้ชัด
พวกมันเริ่มทำหน้าที่ของตนอีกครั้งจัดเก็บโต๊ะเก้าอี้อาหาร ทำความสะอาดพื้นที่กลับออกไปปิดประตูหอโอสถ
หลังจากเหล่าหูและสหายกลับออกไปเป็นที่เรียบร้อย เด็กสาวตัวน้อยปรากฏกายมองประตูบานโตด้วยสีหน้าแววตาเศร้าหมอง
เหตุใดเด็กสาวจึงมีแสดงอาการเช่นนี้งั้นหรือ? เป็นเพราะอาหารไม่ถูกปาก? มิใช่เพราะเมนูทั้งหลายล้วนเป็นของโปรดของเด็กสาวทั้งสิ้น แถมฝีมือการทำอาหารของเหล่าหผู้รับใช้ราชวงศ์ปีศาจมานานหลายสิบปีนั้นแน่นอนย่อมไม่มีใครเทียบเคียงได้
หรือเป็นเพราะนางหิวจนส่งผลถึงอารมณ์? นั่นก็มีส่วนแต่ก็เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น
หากจะหาสาเหตุคงต้องย้อนกลับไปตอนที่นางตระเตรียมตัวเพื่อจะโบยบินแอบหลบหนีข้ามกำแพง…ทว่าจู่ๆนางก็เปลี่ยนใจกระทันหันนั่นเพราะว่าเมื่อระดับสายตาของนางสูงจนกระทั่งสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกกำแพงได้ นางจึงได้รู้ว่าข้างนอกนั้นเต็มไปด้วยทหาร!!
ในสายตามองเห็นเหล่าทหารองครักษ์ครึ่งร้อยยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยความฝันที่หมายจะออกไปเที่ยวเล่นแก้เบื่อของนางจึงถูกพังทลายลงในพริบตา
ดูท่านางจะเข้าใจคำสั่งบิดาของตนผิดไป นี่คงมิใช่การกักบริเวณธรรมดาเสียแล้ว ความรัดกุมมากยิ่งกว่าการป้องกันบนกำแพงเมืองเสียอีก นี่มันไม่ต่างจากการคุมขัง!
และจุดที่ยืนยันว่าความคิดของนางถูกต้องก็คือเหล่าหูหัวหน้าพ่อครัวที่ควรอยู่ในราชวังเพื่อรับใช้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ซึ่งตอนนี้แม้แต่มันก็ยังมาประจำการหน้าหอโอสถ
เดิมที่นางคิดว่าภายในหอโอสถที่ใหญ่โตมโหฬารหลังนี้กลับมีเพียงตน ท่านปูและผู้บาดเจ็บอีกหนึ่งรายนั้นมันน่าสงสัยยิ่ง แม้นางจะมีค่อยย่างกรายเข้ามาในหอโอสถบ่อยนักแต่ก็พอทราบว่ายังมีบุคคลอื่นที่ทำงานอยู่ในหอโอสถนอกจากปูของนางเช่นกัน ทั้งเหล่าลูกศิษย์และข้าบริวารอีกจำนวนหลายสิบคนที่คอยรับใช้เทพโอสถ ช่วยเหลืองานเล็กน้อย
ข้อข้องใจของเธอถูกไขกระจ่างเมื่อเหล่าหูเข้ามาส่งอาหารตามคำเรียกร้อง ทำให้เธอสามารถมองเห็นด้านนอกหอโอสถที่เต็มไปด้วยเหล่าบริวารที่ศึกษาวิชาแพทย์คอยรับใช้ปูของนางนั่งตรวจคนเจ็บไข้ได้ปวยรักษาอาการบาดเจ็บ เรียกได้ว่าพวกมันย้ายจุดเปลี่ยนไปให้บริการอยู่ตรงหน้าหอโอสถ แถมด้านนอกมันมีทั้งเตียง เครื่องใช้ ราวกับพวกมันจะปักหลักอยู่ตรงนี้ไปอีกหลายวัน!
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเหตุและผลที่เกิดขึ้นทำให้นางเข้าใจแล้วว่าตนได้ตกหลุมพรางของผู้เป็นบิดาเข้าให้แล้ว
“จิตวิญญาณปัญญาแห่งเทพอสูร…เฮ้อ” เด็กสาวถอนหายใจ นี่คงจะเป็นต้นเหตุหลักของเรื่องราวทั้งหมด ดวงจิตแห่งเทพอสูรที่ผู้คนต่างหมายปอง มันช่างขัดขวางการใช้ชีวิตอันแสนสุข
กำแพงเมือง
“ยามพลบค่ำวันนี้หน่วยลาดตระเวณโหวงื่อได้ปะทะกับผีเสื้อนิทราที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ผลลัพธ์การต่อสู้ไม่มีเสียชีวิตและสามารถขับไล่มันกลับไปได้” เหนือประตูเมืองปราการหินมีกลุ่มชายชาติทหารนักสู้เผ่าปีศาจหลายสิบนายกำลังรายงานปัญหาให้แก่ชายชราผู้หนึ่ง ชายชราผู้นี้คือผู้ที่เด็กสาวเรียกมันว่าปูรองซึ่งตอนนี้มันรับหน้าที่เป็นผู้นำองครักษ์และควบคุมความสงบทั้งหมดภายในเมือง
ด้านซ้ายขวาของของท่านปูรองผู้นี้ มีชายชราสองรายยืนประกบอยู่ รายหนึ่งแม้จะแก่ชราแต่ร่างกายยังแข็งแรงบึกบึนกล้ามเนื้อเป็นสันภาพลักษณ์เปรียบผู้เจนศึกสงคราม ส่วนอีกรายรูปลักษณ์ไปตามอายุขัย เป็นชายสูงวัยที่น่าเคารพนับถือ ภาพลักษณ์เปรียบผู้เจนโลก
พวกมันทั้งสองเปรียบเสมือนมือซ้ายและขวาเป็นคนสนิทของปูรอง
” พักหลังมานี้พบเจอสัตว์อสูรเข้ามาป้วนเปี้ยนนอกชายปาอสูรถี่ยิ่ง หากเป็นแบบนี้ต่อไปข้าเกรงว่า…” ชายชราผู้น่าเคารพกล่าว
“รายงาน! เมื่อครู่เราขาดการติดต่อกับหน่วยสอดแนมกลุ่มหลางที่ประจำการอยู่ในปาอสูรตอนบน” ชายหนุ่มรายหนึ่งเร่งร้อนรายงานต่อชายชรา
เหล่าผู้ชุมนุมเงียบกริบสีหน้าเศร้าสลด ขาดการติดต่อสำหรับพวกมันแล้วคิดเป็นอื่นไปมิได้นอกจากความตาย
” พรุ่งนี้ข้าจะไปแจ้งครอบครัวของพวกมันเอง” ปูรองกล่าวกลบความเงียบสงัด นี่มิใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับมัน ตั้งแต่มันรับหน้าที่ในวัยหนุ่มจนบัดนี้ผมศรีษะขาวโพลน มันได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้มานับพันนับหมื่นคราแล้วกระมัง