ตอนที่ 682 ชะตากรรมของหน่วยสอดแนม(ตอนกลาง)
สหายผู้รับหน้าที่โจมตีสนับสนุนอีกหนึ่งรายที่ประจำตำแหน่งโจมตีสกัดกั้นทางซีกขวา จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านดวงตาของตน ตอนนี้มันเองก็ทิ้งตำแหน่งที่มั่นของตนเข้าไปรวมกลุ่มกับสหายแล้ว
กลายเป็นว่าบัดนี้ระหว่างพวกมันทั้งสองกลุ่มมีหมาป่าสามหัวคั่นระหว่างกลางในระยะที่เรียกว่าอันตรายอย่างมาก แถมสมาชิกหน่วยสอดแนมอีกห้ารายที่อยู่ในตำแหน่งด้านหลังของหมาป่าสามหัวยังมีศัตรูปริศนาที่ประกบติดพวกมันอีกทอดทิ้งเช่นกัน
ซึ่งศัตรูผู้ใช้กรงเล็บสามแฉกปริศนานี้เองที่ไขข้อข้องใจให้แก่พวกมันถึงการปฏิบัติที่ผิดแปลกไปของหัวหน้าหน่วยที่มีต่อเจ้าหมาป่า แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าทางฝั่งผู้นำหน่วยสอดแนมทั้งห้านายนั้นได้มองเห็นว่ามีเงาสิ่งมีชีวิตปริศนากำลังคืบคลานเข้าประชิดด้านหลังของสมาชิกโจมตีสนับสนุนทั้งสองราย ส่งผลให้พวกมันต้องล้มเลิกความตั้งใจจากหมาป่าสามหัวและโจมตีอาวุธลับสกัดกั้นเพื่อให้สหายของตนได้รู้สึกตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าของสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าเป็นผลดีที่ชายผู้ถูกหมายตายังสามารถรักษาชีวิตรอดมาได้
เจ้าของกรงเล็บปริศนาปรากฏย่างกร่ายออกจากร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้า แสงเดือนดาวสาดส่องอาบชโลมร่างของมันจนปรากฏต่อสายตาธารกำนัลทั้งสิบให้ได้บลโฉมร่างของตนได้กระจ่างชัด
ในสายตาของพวกมันทั้งสิบมองเห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่มีขนขึ้นปกคลุมทั่วร่าง สิ่งมีชีวิตปริศนานี้ยืนสองขาคล้ายคนขนาดร่างกายเทียบเท่าเด็กอายุสิบสามสิบสี่ปีเรียกได้ว่ามันตัวเล็กนักเมื่อเทียบกับเหล่านักสู้หน่วยสอดแนมทั้งหลาย จมูกและปากของมันยื่นยาวออกมาเล็กน้อยหากมองเปรียบกับสุนัขแล้วก็นับว่าคล้ายแต่มิเหมือนซะทีเดียวที่แตกต่างจนสามารถแยกแยะได้ชัดเจนก็คงจะเป็นฟันสองซี่ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากปากบนของมัน มองลอดผ่านไปด้านหลังของมันพบหางเรียวยาวไร้ขน ดูจากภาพรวมตอนนี้แล้วมันดูคล้ายกับสัตว์ชนิดหนึ่งนั่นคือหนู แต่เป็นหนูยักษ์ที่มีขนาดเกือบจะเทียบเท่าคน!
มองไปยังกรงเล็บขนาดใหญ่ที่คล้ายกับอาวุธของหน่วยสอดแนมแท้จริงแล้วคือนิ้วมือของมันที่เป็นจุดเด่นมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายส่วนอื่นเมื่อกอรปกับเล็บที่งอกยาวออกมาจากนิ้วแต่ละนิ้วซึ่งวัดความยาวจากสายตาสามารถประเมินคร่าวๆว่ามันยาวเกือบสองคืบ สรรค์สร้างให้กลายเป็นอาวุธประจำกาย
แกร็ก
เจ้าหนูยักษ์ก้มลงมองมีดสั้นอาวุธลับเล่มบางของหน่วยสอดแนมที่ติดอยู่ระหว่างสองเล็บยาวก่อนที่จะบีบเข้าหากัน มีดเล่มน้อยมิสามารถทนรับแรงบีบอัดได้ไหวจึงโค้งงอตามสภาพก่อนจะหักครึ่งล่วงตกลงสู่พื้นดิน
เหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมตกตะลึงกับภาพที่เห็น แม้มีดสั้นอาวุธลับของพวกมันจะมีขนาดบางเบากว่าอาวุธมีคมทั่วไป แต่มันก็ทำมาจากเหล็กกล้าที่มีคุณภาพสูง ทว่าการแสดงออกของเจ้าหนูยักษ์ตนนี้มันทำราวกับว่ามีดสั้นที่ติดอยู่ระหว่างเล็บของมันเป็นของอ่อนนุ่มที่เพียงแค่มันออกแรงบางเบาก็สามารถหักครึ่งได้อย่างง่ายดาย
ภาพของมีดสั้นที่ตกเรียอยู่บนพื้นในสายตาพวกมันตอนนี้ไม่ต่างจากเศษเหล็กไร้ประโยชน์
กลับกันมองไปยังกรงเล็บอาวุธประจำกายที่ติดอยู่บนหลังมือหน่วยสอดแนม อาวุธชิ้นนี้ก็ทำมาจากเหล็กชนิดเดียวกับมีดสั้น แต่เมื่อดูจากอานุภาพเล็บมือของหนูยักษ์แล้วเกรงว่ากรงเล็บเหล็กที่พวกมันภาคภูมิใจก็คงมีสภาพไม่ต่างกันนักหากปะทะตรงๆกับเล็บของเจ้าหนูตัวโต
ตึ่ง
หลังจากทำลายมีดสั้นไปเป็นที่เรียบร้อย หนูยักษ์ใช้ขาข้างหนึ่งกระบบดเศษมีดจนบี้แบนอย่างไม่สบอารมณ์ มันระบายความไม่พอใจลงในอาวุธที่ขัดขวางการโจมตีของตนจนมิสำฤทธิ์ผล
”ท-ท่านหัวหน้า นี่มันตัวอะไร” หนึ่งในสมาชิกกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผู้นำหน่วยสอดแนมหาได้ตอบคำถามแก่มันไม่ เจ้าหนูยักษ์ตัวนี้แน่นอนว่าต้องเป็นสัตว์อสูรทว่านี่เองก็เป็นครั้งแรกที่มันเห็นสัตว์อสูรชนิดนี้ แต่มันมิแปลกเกินไปหน่อยหรือที่มันผู้รับหน้าที่หัวหน้าหน่วยสอดแนมมานานหลายปีกลับไม่เคยเจอสัตว์อสูรคล้ายหนูตัวนี้? ความแปลกมิได้เกิดขึ้นกับตัวมัน แต่เป็นเจ้าหนูยักษ์นี่ต่างหากที่แปลก!
จากการปฏิบัติหน้าที่มานมนาน มันพอจะคุ้นเคยกับสัตว์อสูรบางจำพวกที่อาศัยอยู่ใกล้กับเขตแดนของเผ่าอสูร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหมาป่าขนเงินสามหัว แต่สำหรับหนูยักษ์ตัวนี้ไม่เคยมีความทรงจำของมันเลยแม้เศษเสี้ยวเพราะมันไม่เคยพบ นั่นแสดงว่าสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหนูเบื้องหน้าของมันนี้มิได้อยู่อาศัยในแถบบริเวณนี้หรือใกล้เคียงอย่างแน่นอน
ฉะนั้นแล้วมันเกิดความผิดปกติอะไรขึ้น เหตุการณ์ในวันนี้มีแต่เรื่องที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันแทบทั้งสิ้น ทั้งพลุสัญญาณไฟขอความช่วยเหลือหลายร้อยลูกที่ถูกจุดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนย้อมผืนผ้าเปลี่ยนสีจนสว่างตา ทั้งหนอนยักษ์ที่มาพุ่งชนพื้นจากท้องฟ้าอันห่างไกลลงในตำแหน่งที่พวกมันอยู่ แถมตอนนี้บนฟ้ายังเต็มไปด้วยหนอนยักษ์อีกหลายสิบหรือนับร้อยที่กำลังบินถลามาแต่ไกลส่งเสียงรบกวนดังกระหม
มองไปด้านรอบๆยังมีเงาตะคุ้มของสัตว์อสูรที่รายล้อมจนหนาตาไม่เปิดโอกาศให้คิดหาหนทางหนี
” หม?” ขณะนั้นเองผู้นำหน่วยสอดแนมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ มันมองสลับไปบนท้องฟ้าและมองกลับมายังเจ้าหมาป่าสามหัวและสหายต่างพันธุ์อย่างหนูยักษ์และสัตว์นานับชนิดที่ยังไม่เผยตัว เมื่อครู่นี้ในยามหนอนยักษ์พุ่งชนพื้นเจ้าหมาปาขนเงินนี่ยังกลัวหัวหดแอบหลบหนีไปก่อนที่พวกเขาทั้งสิบจะได้ทันรู้ตัวเสียอีก
แต่ทำไมตอนนี้มีเพียงไม่หลบแต่ดูเหมือนมันจะลงหลักปักฐานประจัญหน้าอย่างจริงจังไม่มีความลังเลเลยเสียด้วย มันไม่แม้แต่จะหันศรีษะหนึ่งในสามไปมองบนท้องฟ้า ไม่มีความหวั่นวิตกในดวงตาทั้งสามคู่ เมื่อมองไปยังปฏิกิริยาของเจ้าหนูยักษ์และผองเพื่อนในเงามืด พวกมันก็มีปฏิกิริยาเฉกเช่นเดียวกันกับเจ้าหมา พวกมันไม่กระจายตัวมีแต่จะล้อมกรอบเข้าประชิด และไม่มีตัวใดที่มีความหวาดระแวงหันมองฟากฟ้าเลยแม้แต่ตัวเดียว เช่นนี้มันราวกับว่าพวกมันมั่นใจว่าหนอนยักษ์กว่าร้อยตัวนี้จะไม่มีตัวใดพุ่งชนในตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันอย่างแน่นอน!!
ยิ่งเมื่อคิดย้อนกลับไปในตอนที่หนอนยักษ์พุ่งชนพื้นในคราแรก ยิ่งสอดคล้องกับการคาดเดาของผู้นำหน่วยสอดแนมยิ่งขึ้น เพราะเจ้าหมาสามหัวมันแอบหลบไปยังจุดปลอดภัย โดยที่ยังไม่สามารถคาดคะเนจุดตกกระทบของหนอนยักษ์ที่ลอยละลิ่วมาจากฟากฟ้าอันไกลโพ้นได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวว่าเจ้าหมาป่าสามหัวมันรู้อยู่แต่แรกว่าจุดที่หนอนตัวโตจะพุ่งชนนั้นคือจุดที่หน่วยสอดแนมทั้งสิบยืนอยู่
นั่นแสดงว่าหนอนยักษ์ที่บินมาบนฟ้ามิได้ตกลงมาแบบสุ่มๆ แต่มีจุดเป้าหมายที่ถูกล็อกเอาไว้แล้วตั้งแต่เริ่มซึ่งหนอนยักษ์ตัวแรกนั้นก็คือกลุ่มของมันทั้งสิบคน หากในยามนั้นพวกมันไม่หลบหลีกละก็บัดนี้มากกว่าครึ่งคงร่างกายแหลกเหลวเสียชีวิตในทันที่ส่วนที่เหลือหากไม่บาดเจ็บสาหัสก็ใกล้เคียง
แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่หนอนยักษ์ตัวอ้วนมีน้ำหนักหลายตันนี้ที่ดูแล้วคงมิสามารถบินบนอากาศได้ด้วยตัวมันเองแน่ๆจะสามารถเล็งเป้าจากระยะไกลนับสิบกิโลเมตร? ไม่สิมันรู้ได้อย่างไงว่าต้องพุ่งชนตอนไหน ตำแหน่งใด?
คิดย้อนกลับไปก่อนที่จะรู้สึกถึงการมาของหนอนยักษ์จากท้องฟ้า ตอนนั้นผู้นำหน่วยสอดแนมได้ยิงพลุสัญญาณไฟเพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากประสบปัญหาพบกับสัตว์อสูรสุนัขสามหัวในระยะประชิดจึงส่งสัญญาณไฟพุ่งสู่ท้องฟ้าเพื่อขอกำลังเสริมมาช่วยเหลือพวกมันให้กลับออกไปอย่างปลอดภัย
“สัญญาณขอความช่วยเหลือ…หรือว่า!?” ผู้นำหน่วยสอดแนมฉุกคิดขึ้นด้วยดวงตาเบิกโพลงเมื่อมันมองสลับทิศเหนือและใต้ ทางทิศเหนือบนผืนฟ้าเต็มไปด้วยลูกไฟสีเขียวที่สว่างค้างอยู่บนฟ้า หันกลับไปทิศตรงข้ามมีจุดด่างดำมืดทึบอับแสงทั่วผืนฟ้าซึ่งหากคิดไว้ไม่ผิดมันก็คือเจ้าหนอนยักษ์ตัวอ้วนที่มีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัม
ผู้นำหน่วยสอดแนมยิ่งมายิ่งหวั่นวิตกเมื่อมันตรวจสอบจำนวนคร่าวๆด้วยสายตาของทั้งสองสิ่งที่อยู่กันคนละฟากฟ้า จำนวนของทั้งสองชนิดนี้แทบจะใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากัน!!
แต่สิ่งที่มันหวาดกลัวหาใช่เพียงเพราะทั้งสองสิ่งมันมีจำนวนเท่ากัน แต่มันเกรงว่าสัญญาณไฟที่จุดขึ้นเพื่อขอกำลังเสริมเรียกร้องหาความช่วยเหลือนี้ จะกลับกลายเป็นสิ่งที่คร่าหน่วยย่อยที่กำลังตกอยู่ในห้วงเวลาวิกฤตในทางอ้อม ด้วยการกลายเป็นสัญญาณชี้เป้าที่ตนเป็นผู้จุดขึ้นเพื่อตำแหน่งจุดเล็งให้แก่หนอนยักษ์!!