ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 97

ตอนที่ 97

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 97 ปล่อยให้เจ้าเจ็บจนตายไปเลย
ตอนทีหวงฝู่อี้เซวียนนำทางทุกคนมาถึงก็เห็นสภาพเหตุการณ์นี้ เมิ่งเชียนโยวเตะเหวินซื่ออย่างแรงหลายทีติดต่อกันด้วยความโมโหโกรธา เหวินซื่อนอนอยู่บนพื้น หลบหนีไปมาด้วยความน่าเวทนา

หวงฝู่อี้เซวียนก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงเมิ่งเชียนโยวเอาไว้ “พอแล้ว โยวเอ๋อร์ เถ้าแก่เหวินยังบาดเจ็บอยู่นะ”

เมิ่งเชียนโยวหยุดลงด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ

ในที่สุดเหวินซื่อก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมา อ้อนวอนกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ดูแลสตรีของท่านให้ดี เอะอะก็ตบตี ทำตัวเป็นนางแม่มดไปได้”

เมิ่งเชียนโยวดิ้นหลุดจากมือของหวงฝู่อี้เซวียน เหยียบลงไปหน้าเท้าของเหวินซื่อเข้าอย่างแรงทีหนึ่ง

เหวินซื่อเจ็บจนยกเท้าขึ้นมากุมร้องเจ็บปวดกระโดดวนไปมาหลายครั้ง

ทุกคนที่ล้อมรอบล้วนขำขันด้วยท่าทางของเขา

หวงฝู่อี้เซวียนเห็นว่าเศษเสี้ยวความโมโหของเมิ่งเชียนโยวยังหายไปไม่หมด จึงตัดสินใจย่อตัวอุ้มนางขึ้นมา เดินขึ้นไปยังรถม้าที่ตามมา

ผู้คนที่ล้อมรอบพากันส่งเสียงโห่ร้องยินดี

เมิ่งเชียนโยวถลึงตามองเขาด้วยความโมโหทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอะไร

เหวินซื่อปล่อยเท้าลง เดินกะโผลกกะเผลกตามไปด้านหลัง

เสียงของเมิ่งเชียนโยวดังขึ้น “ม้าถูกเอาไว้ไปให้น้องชายแสนดีของเจ้าใช้แล้ว เจ้าเดินกลับไปเถิด”

เหวินซื่อร้องครวญคราง “เจ้าเด็กบ้า นี้เจ้าคิดจะเล่นงานข้าหรืออย่างไร”

เมิ่งเชียนโยวแค่นเสียงเย็นดังออกมาจากรถม้า

หวงฝู่อี้เซวียนหลุดหัวเราะ พูดว่า “เถ้าแก่เหวิน ล้อท่านเล่นแล้ว รถม้าอยู่ด้านหลัง”

พูดจบกัวเฟยก็บังคับรถม้ามาพอดี

ไม่ทันให้รถม้าได้จอดสนิท เหวินซื่อก็กระวีกระวาดขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

“กลับร้านยาเต๋อเหริน!” หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยสั่ง

คนบังคับรถม้ารับคำสั่ง บังคับรถม้ารีบกลับไปยังร้านยาเต๋อเหริน

เหวินซื่อประสบพบพานเรื่องราวหลากหลายทั้งหมดนี้ถึงได้รู้สึกความเจ็บปวดตรงข้างลำคอ รอจนรถม้าหยุดลงก็กระโดดลงจากรถม้าในทันที เดินเข้าไปภายในร้านยาเต๋อเหริน

พนักงานเห็นสภาพเขาก็ต้องตกใจอย่างหนัก รีบถามว่า “เถ้าแก่ ท่านเป็นอะไรหรือ”

เหวินซื่อแบมือ “ไม่เป็นอะไร ไปเอายาห้ามเลือดมา”

พนักงานรีบวิ่งไปเอายาห้ามเลือดมา

เหวินซื่อกลับไปยังห้องด้านบน

เมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนก็ลงมาจากรถม้าเช่นเดียวกัน เดินเข้าไปในร้านยาเต๋อเหริน

เมิ่งเชียนโยวเอ่ยสั่งพนักงานอีกคน “ไปเอาสุราแรงและผ้าพันมา”

พนักงานรับคำ วิ่งไปหยิบของ

ทั้งสองคนก็พากันเดินมาถึงชั้นสอง

เหวินซื่อกำลังส่องกระจกด้วยท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจากความเจ็บปวด

“ไม่ต้องส่องแล้ว แผลเท่านี้ไม่ถึงตายหรอก” เมิ่งเชียนโยวพูดเสียงเย็น

เหวินซื่อมองนางทีหนึ่ง เห็นนางยังมีท่าทีความโกรธยังไม่สลายไปหมด ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำ

พนักงานทยอยนำของที่ต้องการเข้ามา

เมิ่งเชียนโยวสั่งพนักงานผู้หนึ่งให้ไปยกอ่างน้ำสะอาดมาอ่างหนึ่ง สั่งเหวินซื่อว่า “จัดการล้างบาดแผลตนเองซะ”

เหวินซื่อชุบผ้าสะอาดในน้ำให้เปียกอย่างง่าย จัดการเช็ดบาดแผลให้สะอาด

เมิ่งเชียนโยวยื่นมือออกมาหาเขา “ผ้าเช็ดหน้า”

เหวินซื่อส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้นางอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

เมิ่งเชียนโยวราดสุราแรงลงไปบนผ้าเช็ดหน้า แสดงท่าให้เหวินซื่อเงยหน้าขึ้น

เหวินซื่อทำตาม

เมิ่งเชียนโยวจัดการโปะผ้าเช็ดหน้าลงไปบนบาดแผลของเหวินซื่อ

เหวินซื่อส่งเสียงแผดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “เจ็บๆๆๆ เจ็บจะตายแล้ว!”

พนักงานที่อยู่ข้างล่างทั้งหลายได้ยินเสียงนี้ก็ตกใจจนโยนของที่อยู่ในมือลงบนพื้น ยิ่งตัวหมอยิ่งไม่ต้องพูดถึง มือที่จับชีพจรอยู่กระตุกสั่นไหว

เมิ่งเชียนโยวไม่มีทีท่าจะปล่อยมือ พูดเสียงเย็น “เจ็บก็ต้องทน อย่างไรก็ดีกว่าตาย”

เหวินซื่อเจ็บจนเหงื่อผุดขึ้นมากลางหน้าผาก

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ไหว

เมิ่งเชียนโยวปล่อยมือออก หยิบยาห้ามเลือดเทลงไปบนปากแผล บ่นพึมพำ “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่สะใภ้ ข้าคงไม่ช่วยท่านจัดการบาดแผล”

ครั้งนี้เหวินซื่อฉลาด ไม่กล้าพูดอะไรอีก

สุดท้ายแล้วก็นำผ้าสะอาดขึ้นมาพันแผลให้เรียบร้อย เมิ่งเชียนโยวพูดว่า “เรื่องที่เหลือคงไม่ต้องให้ข้ากำชับท่านแล้วกระมัง คิดจะมีชีวิตนานกว่านี้อีกหน่อย ก่อนที่บาดแผลจะสมานเข้าหากันทางที่ดีที่สุดอย่าได้โดนน้ำ จะต้องเปลี่ยนผ้าสะอาดวันละครั้งทุกวัน ยาห้ามเลือดจะต้องติดตัวเอาไว้ตลอด หากเลือดออกโดยมิได้ตั้งใจก็รีบเทลงไป”

เหวินซื่อคิดจะพยักหน้า แต่กลับเจ็บจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เอ่ยกำชับเรื่องราวเหล่านี้เสร็จแล้ว เมิ่งเชียนโยวก็หมุนตัวเดินออกไป

หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามไปข้างหลัง

รอจนเสียงฝีเท้าของทั้งสองคนหายลับไปชั้นล่าง เหวินซื่อถึงได้กล้าบ่นพึมพำเสียงเบา “เจ้าเด็กบ้า ลงมือหนักนัก เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

เมิ่งเชียนโยวย่อมต้องไม่ได้ยินคำพูดนี้ของเขา เดินออกจากร้านยาเต๋อเหรินมาพลางพูดว่า “ข้าจะไปดูเปาอีฝานสักครา ท่านจะไปกับข้าหรือจะกลับจวน”

เหลือบมองท้องฟ้าทีหนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนพูดว่า “ข้ากลับไปรอเจ้าที่จวน”

คำว่าจวนในที่นี้หมายถึงที่ใดเมิ่งเชียนโยวย่อมรู้ดี เม้มปากพูดว่า “วันนี้จ้าคิดจะไปจวนตระกูลเฝิงสักครั้งหนึ่ง เวลาที่กลับไปก็น่าจะดึกมากแล้ว”

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว “เหมือนเมื่อวานนี้ไม่ได้หรือ ให้เหวินฮูหยินไปที่จวน”

“เมื่อวานนี้ข้าเพียงแต่ให้ชิงหลวนไปแจ้งเหวินฮูหยินให้ามารักษาอาการบาดเจ็บที่บ้านอย่างกะทันหัน เหวินเอ้อร์กับรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว น่าจะเพราะคนข้างกายนางปล่อยข่าวออกไป วันนี้ข้าจะไปเยี่ยมที่จวนรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง แล้วจะได้สืบค้นคนข้างกายนางไปด้วย”

“เรื่องเช่นนี้มอบให้พวกเขาจัดการเองก็พอแล้ว คนตระกูลเฝิงยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง” หวงฝู่อี้เซวียนพูด

เมิ่งเชียนโยวส่ายหน้า “รักษาอาการบาดเจ็บมาจนถึงช่วงเวลาสำคัญ หากเวลานี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีก การรักษาก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า วันนี้เหวินเอ้อร์ถูกพวกเราบีบให้ออกจากเมือง เชื่อว่าแม่เลี้ยงของเหวินซื่อจะต้องรู้เป็นแน่ ข้ากลัวว่านางจะลงมือเ**้ยมโหดกับเหวินฮูหยินอีกครั้ง ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะไม่ทันแล้ว”

สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนมีความคาดไม่ถึงให้เห็น “กว่าเสด็จลุงจะไม่สั่งงานให้ข้าไปทำในหลายวันนี้ เจ้ากลับโดนพวกนางเอาเวลาไปหมด”

“อาจเป็นแค่เรื่องเพียงสองชั่วยาม ท่านกลับบ้านไปก่อน รอจนถึงชั่วยามนั้นมารับข้าก็พอแล้ว”

ดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียนประกายแสงขึ้นมาในทันใด พูดเสียงเบาว่า “ความหมายของเจ้าคือ คืนนี้ข้ายังนอนค้างได้เช่นนั้นหรือ”

เมิ่งเชียนโยวไม่พูดอะไร แต่ติ่งกูกลับแดงระเรื่อ

หวงฝู่อี้เซวียนปรากฏรอยยิ้มออกมา พูดว่า “ข้าไม่กลับบ้านแล้ว ตามเจ้าไปเดินเล่นดีกว่า”

เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า

มาถึงโรงหัตถกรรม ทั้งสองคนลงจากรถม้า หวงฝู่อี้เซวียเดินเข้าไปในตัวโรงหัตถกรรม เมิ่งเชียนโยวกลับแยกตัวไปจวนตระกูลเปา ชิงหลวนและจูหลีเดินตามไปข้างหลังห่างไปไม่ถึงก้าว

คนเฝ้าประตูของจวนตระกูลเปาจำนางได้ หลังจากที่ทักทายต้อนรับอย่างกระตือรือร้นแล้วนั้น ก็ให้นางเดินเข้าไป

เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงเรือนของเปาอีฝาน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความดีใจของมั่วเอ๋อร์ดังออกมา

คาดการณ์ไปว่าเปาอีฝานจะต้องตื่นแล้วเป็นแน่มั่วเอ๋อร์ถึงได้ดีใจเช่นนี้ เร่งฝีเท้าเดินอีกสองสามก้าวก็เข้าไปถึงในห้อง

เป็นไปตามที่คาดไว้ ครอบครัวทั้งสี่คนล้วนรอบล้อมอยู่หน้าเตียงอย่างครบพร้อมหน้าพร้อมตา มองดูเปาอีฝานที่ลืมตาขึ้นด้วยความดีอกดีใจ

ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ผู้คนทั้งหมดพากันหันกลับมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นนาง มั่วเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ามา พูดอย่างดีอกดีใจว่า “กูกู ท่านพ่อตื่นแล้ว”

เมิ่งเชียนโยวลูบผมนาง จูงมือเล็กของนางมาถึงหน้าเตียง ยิ้มและพูดว่า “ยินดีกับคุณชายเปาด้วย ครั้งนี้ถือว่ารอดพ้นจากช่วงเวลาอันตรายมาแล้วจริงๆ หลังจากนี้ขอเพียงบำรุงให้ดีก็พอแล้ว”

สีหน้าของเปาอีฝานยังคงซีดขาว แต่ก็ฟื้นฟูแลมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ยิ้มอย่างอ่อนแรงทีหนึ่ง “ครั้งนี้ขอบคุณแม่หญิงเมิ่ง ข้าถึงได้มีชีวิตกลับมา”

เมิ่งเชียนโยวสะบัดมือ “เป็นเพราะท่านชะตาหนัก แย่งชิงชีวิตของตนเองกลับมาจากมือพญายม ข้าไม่กล้าแย่งชิงความสำเร็จนี้” พูดจบก็พูดอีกว่า “ร่างกายของท่านในตอนนี้ยังคงอ่อนแออย่างมาก พยายามพูดให้น้อยลง พักผ่อนให้มากขึ้น”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

Status: Ongoing

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ

ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท