ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 133-134

ตอนที่ 133-134

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 133 รายงานโสวจั่งเป็นคุณชายหันครับ / ตอนที่ 134 หนุ่มหล่อสาวสวย กิ่งทองใบหยก
ตอนที่ 133 รายงานโสวจั่ง[1]เป็นคุณชายหันครับ

อวี๋กานกานพูดถูก ผู้เฒ่าเป็นอย่างที่เธอกล่าวมาจริงๆ แต่พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งยังไม่คิดว่าอาการนอนไม่หลับ ฉุนเฉียวโกรธง่ายเป็นโรคชนิดหนึ่ง คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าแค่จับชีพจรเธอจะสามารถตรวจอาการออกมาได้มากถึงขนาดนี้ เด็กสาวคนนี้อายุยังน้อย จากภายนอกดูไม่ออกเลยว่าวิชาแพทย์จะยอดเยี่ยมถึงขั้นนี้แล้ว

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “คนแก่หลับยาก ส่วนคนหนุ่มสาวตื่นยาก อายุมากแล้วนอนไม่ค่อยหลับก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

อวี๋กานกานกล่าว “ผู้เฒ่าคะ ความเครียดสะสมเป็นระยะเวลานาน วิตกกังวลมากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูงฯลฯ คุณอย่าคิดว่าตอนนี้ร่างกายแข็งแรงดีแล้วจะไม่เป็นอะไร คุณลองใช้มือกดลงบริเวณด้านหน้าของหัวใจ หรือก็คือบริเวณด้านซ้ายเยื้องเข้ามาด้านในของกระดูกอ่อนซี่โครงซี่ที่สอง ลองกดดูค่ะว่ามีความรู้สึกเจ็บหรือเปล่า”

ผู้เฒ่ามองอวี๋กานกานด้วยสายตาไม่เชื่อถือ จากนั้นยกมือขึ้นออกแรงกดลงไปเพียงเบาๆ พลันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันที “โอ๊ย”

เฉินเจิ้งเหอตกใจ เผลอตะโกนเรียกตามสัญชาตญาณ “โสวจั่ง”

ผู้เฒ่ายกมือขึ้นมาปราม แสดงออกว่าไม่เป็นอะไร เขามองอวี๋กานกานแล้วถาม “นี่มันคืออะไร”

อวี๋กานกานเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อครู่นี้ถ้าเธอได้ยินไม่ผิดเฉินเจิ้งเหอเรียกผู้เฒ่าคนนี้ว่า ‘โสวจั่ง’ โสวจั่งเป็นคำใช้เรียกหัวหน้าด้วยความเคารพที่คนกองทัพใช่กันไม่ใช่เหรอ ผู้เฒ่าคนนี้หรือว่าจะเป็นทหารเก่าปลดเกษียณ?

ในอดีตคุณปู่เองก็เป็นทหารเหมือนกัน จู่ๆ อวี๋กานกานก็รู้สึกดีกับผู้เฒ่าคนนี้ขึ้นมา แววตาที่ใช้มองก็มีความรู้สึกเคารพและเลื่อมใสเพิ่มขึ้นมา เธอยิ้มแล้วกล่าว “ในตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่เลือดและพลังชี่ติดขัด แต่ถ้าหากสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคนี้ยังไม่ได้รับการรักษา อาการก็จะแย่ลงค่ะ”

เฉินเจิ้งเหอถาม “สาเหตุของโรคคือนอนไม่หลับ”

อวี๋กานกานพยักหน้า เขียนใบสั่งยาไปด้วยพูดไปด้วย “นอนไม่หลับแบ่งออกเป็นหลายประเภท หัวใจและไตทำงานไม่สอดประสานกัน[2] เลือดและพลังชี่ติดขัด…แต่สาเหตุที่ผู้เฒ่านอนไม่หลับเกิดจากชี่ตับติดขัดก่อให้เกิดไฟ[3] มักจะมีสาเหตุมาจากความโกรธและความเครียด แม้ว่าจะจ่ายยาให้ได้ แต่ทว่ายาก็ไม่ได้ช่วยรักษาได้ทั้งหมด ผู้เฒ่าต้องเปิดใจและปล่อยวางเสียบ้าง…”

เมื่อผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที จากนั้นยืนขึ้นแล้วเดินจากไป

อวี๋กานกานชูใบสั่งยาที่เพิ่งเขียนเสร็จค้างอยู่กลางอากาศ เธอถูกผู้เฒ่าหัวเราะใส่จนจับต้นชนปลายไม่ถูก พิลึกคนจริงๆ

เฉินเจิ้งเหอที่กำลังเดินตามผู้เฒ่าออกไป จู่ๆ เขาก็วกกลับมาหยิบใบสั่งยาจากอวี๋กานกาน จากนั้นวางเงินไว้สองร้อยหยวน “ขอบคุณครับ คุณหมออวี๋”

“เดี๋ยวก่อนค่ะ” อวี๋กานกานหยิบธนบัตรร้อยหยวนหนึ่งในนั้นขึ้นมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไป “ร้อยหยวนก็พอแล้วค่ะ ใบนี้ฉันคืนให้คุณ มีเบอร์โทรศัพท์ของฉันเขียนไว้อยู่ ถ้าผู้เฒ่าไม่สบายตรงไหนก็โทรมาปรึกษาฉันได้ค่ะ”

พวกเขาไม่ได้จ่ายยาให้ ความจริงไม่ต้องจ่ายแพงขนาดนั้น เฉินเจิ้งเหอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รับเงินมาแล้วกล่าว “ขอบคุณครับ คุณหมออวี๋” จากนั้นทำท่าวันทยหัตถ์ขอบคุณอวี๋กานกานก่อนจะถือเงินเดินจากไป

ด้านนอกคลินิกมีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ เฉินเจิ้งเหอขึ้นรถยื่นธนบัตรให้ผู้เฒ่า “นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมออวี๋ครับ”

ผู้เฒ่าประเมิน “เป็นเด็กดีที่มีความละเอียดรอบคอบและมีความรับผิดชอบสูงคนหนึ่ง”

“แต่ทะนงตนใช้ได้เลยนะครับ…” เฉินเจิ้งเหอหัวเราะอย่างใสซื่อ เขาเหลือบสายตาขึ้นมองไปด้านหน้า ร่างกายแข็งทื่อไปเล็กน้อย “รายงานโสวจั่ง คุณชายหันครับ”

เมื่อผู้เฒ่าได้ยินจึงมองไปยังทิศทางดังกล่าวเห็นชายหนุ่มรูปงามท่าทางเย็นชา เขาแค่นเสียงขึ้นจมูกดังหึ “ออกรถ”

รถเก๋งเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ฟังจือหันที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าคลินิกหันมองไปตามสัญชาตญาณ นัยน์ตาลึกล้ำฉายแววความสงสัย

——

[1] โสวจั่ง ชื่อเรียกผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งทางกองทัพที่อยู่ในระดับสูง แต่ไม่ระบุแน่ชัดว่าเป็นตำแหน่งอะไร

[2] หัวใจและไตทำงานไม่สอดประสานกัน เป็นอาการที่พลังหยินจากไตพร่องไม่สามารถขึ้นไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้เพียงพอ ทำให้พลังหยางที่หัวใจมีมากเกินไป ก่อให้เกิดอาการจิตใจไม่สงบ อารมณ์ร้อน

[3] ชี่ตับติดขัดก่อให้เกิดไฟ จะมีอาการซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ตึงแน่นและรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ลิ้นแดงและเป็นฝ้าเหลือง

ตอนที่ 134 หนุ่มหล่อสาวสวย กิ่งทองใบหยก

อวี๋กานกานจ้องมองไปยังรูปร่างสูงใหญ่กำยำที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่คลินิก เธอส่งเสียงแปลกใจ “เอ๋ นายมาได้ไง”

“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าจะให้คุณตรวจก็ให้มาหาที่คลินิก?” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของฟังจือหันทำให้อวี๋กานกานนึกถึงคำพูดแสนคลุมเครือ ‘ดับไฟ’ เมื่อวันนั้นขึ้นมา

เธอตอบอย่างอึดอัดใจ “เอ่อคือ…ฉันเลิกงานแล้ว”

ฟังจือหันเห็นสีหน้าที่เคอะเขินของอวี๋กานกานเขารู้ได้อย่างทันทีว่าเธอคิดลามก มุมปากยกขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขาใช้ท้องนิ้วมือลูบที่ปลายจมูกของเธอเบาๆ เรียกฉายาเดิมของเธอด้วยน้ำเสียงแฝงความนัยระคนเย้าหยอก “โรคจิตน้อย”

อวี๋กานกาน “…”

อีกละ เอาแต่เรียกเธอแบบนี้อยู่ได้ เกินไปแล้วนะ

เกิดเส้นขีดสีดำพาดขึ้นทั่วบริเวณศีรษะของอวี๋กานกาน เธอฟาดฝ่ามือลงไปที่แขนของฟังจือหัน เตือนอย่างเดือดดาล “ทำไมนายเรียกฉันแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วไงว่าห้ามเรียก ฉันไม่ได้ไม่มีชื่อสักหน่อย”

เธอถลึงตาใส่ฟังจือหัน จากนั้นสะพายกระเป๋า สาวเท้าเดินไปด้านหน้าทันที

ฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอในหัวข้อนี้ต่อ แต่กลับถามออกมาหนึ่งประโยค “ก่อนที่ผมจะมา คุณเพิ่งส่งคนไข้คนหนึ่งใช่ไหม”

อวี๋กานกานพยักหน้า “ใช่ เป็นผู้สูงอายุคนหนึ่ง ตอนที่เข้ามานายเจอเขาเหรอ”

ฟังจือหันถาม “ป่วยเป็นอะไร อาการหนักหรือเปล่า”

อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเรียบ “โรคทั่วไปน่ะแต่อาการค่อนข้างรุนแรง สำหรับใครหลายๆ คนอาจจะไม่นับว่าโรคนี้เป็นโรคด้วยซ้ำ ผู้สูงอายุคนนั้นนอนหลับไม่สนิทมาเป็นระยะเวลานาน ฉันคิดว่านิสัยอันแปลกประหลาดน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เขานอนไม่หลับ”

“นิสัยแปลกประหลาด?” ฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้น แค่นหัวเราะ

“ก็ใช่นะสิ เขามาให้ฉันตรวจแต่กลับบอกว่าตัวเองไม่ป่วย พอฉันตรวจพบอาการป่วยผู้ชายตัวโตข้างเขายังทำหน้าโกรธใส่ฉันอีก ตอนหลังจู่ๆ ชายชราคนนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแล้วก็เดินออกไปเฉยเลย ส่วนผู้ชายตัวโตคนนั้นหยิบเอาใบสั่งยาฉันไปแต่ไม่ได้ให้ฉันจ่ายยาให้ สงสัยพวกเขาไม่เชื่อถือในวิชาแพทย์ของฉัน เลยจะเอาใบสั่งยาไปให้หมอคนอื่นตรวจสอบอีกทีถึงค่อยกล้าซื้อยา”

ทั้งสองคนคุยไปพลางลงกลอนประตูคลินิกไปพลาง ทั้งคู่เดินกลับคอนโดมิเนียมไปพร้อมกัน ครั้งก่อนฟังจือหันขับรถยนต์มาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่คลินิก แต่ครั้งนี้เขานั่งรถแท็กซี่มากะจะเดินกลับพร้อมกับอวี๋กานกาน

อวี๋กานกานเติบโตในถนนหนานเจิ้น มีเถ้าแก่ร้านค้าบริเวณรอบๆ หลายคนที่สนิทสนมกับอวี๋กานกาน โดยปกติเมื่อพบหน้ากันแค่ยิ้มนิดหน่อย พยักหน้าน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นการทักทายกันแล้ว แต่วันนี้ต่างออกไป เนื่องจากอวี๋กานกานไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายมีฟังจือหันอีกคน เมื่อทุกคนเห็นอวี๋กานกานเดินกลับบ้านพร้อมกับชายหนุ่มรูปงาม สายตาต่างจ้องมองไปที่พวกเขาเป็นตาเดียว

เพื่อนบ้านทุกคนล้วนส่งเสียงทักทายอวี๋กานกาน แต่สายตาของพวกเขากลับจดจ้องไปยังฟังจือหัน นัยน์ตาปกปิดความสงสัยใคร่รู้ไว้ไม่มิด มีแม้กระทั่งคนที่ถามออกมาตรงๆ ด้วยความอยากรู้

“กานกาน เลิกงานกลับบ้านแล้วเหรอ”

“กานกาน นี่แฟนของหนูเหรอจ๊ะ”

“หนุ่มหล่อสาวสวย กิ่งทองใบหยก”

“ใช่ๆ พ่อหนุ่มวัยรุ่นรูปหล่อ งานแต่งงานอย่าลืมเชิญลุงไปดื่มเหล้ามงคลล่ะ”

ถนนหนานเจิ้นกว้างขวางมาก นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋กานกานรู้สึกว่าถนนเส้นนี้แคบเกินไปแล้ว เธอต้องรับมือกับเหล่าบรรดาเพื่อนบ้านจนหน้าแดงแปร๊ด เขินอายเป็นอย่างมาก

เธอตำหนิฟังจือหันเสียงเบา “ทำไมวันนี้นายไม่ขับรถมา”

ฟังจือหันตอบ “รถยังซ่อมไม่เสร็จ”

อวี๋กานกานนึกถึงเรื่องที่เขาขับรถพุ่งเข้าชนรถของเหอหว่านซินขึ้นมาได้ ถามทันที “พังเพราะตอนที่ชนรถของเหอหว่านซินตอนนั้นใช่ไหม ฉันบอกนายไปตั้งนานแล้วว่าการสังหารศัตรูหนึ่งพันนาย สูญเสียกำลังพลแปดร้อยนาย วิธีนี้มันเป็นดาบสองคม ปกตินายก็ออกจะฉลาดนะ ทำไมครั้งนั้นถึงสะเพร่าซะได้”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท