ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 197

ตอนที่ 197

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 197 นายก็ไม่ชอบหิมะเหมือนกันเหรอ / ตอนที่ 198 จุดที่ไม่ชอบตรงกัน
ตอนที่ 197 นายก็ไม่ชอบหิมะเหมือนกันเหรอ

อวี๋กานกานใบหน้าบึ้งตึง เธอไม่ได้ลงไปในทันทีที่เห็นข้อความ ตอบกลับ [รุ่นพี่จังซ่ากับเฉินฝูหลีอุส่าเลี้ยงต้อนรับฉัน ถ้าฉันหนีออกมากลางคัน นี่มันเท่ากับอะไร]

[ฟังจือหัน : มีรุ่นพี่ผู้ชายด้วย? ลงมาเดี๋ยวนี้!]

[อวี๋กานกาน : ไม่]

[ฟังจือหัน : ผมจะไปหาคุณที่ห้องคาราโอเกะ]

[อวี๋กานกาน : งั้นนายก็ต้องหาห้องที่ฉันอยู่ให้เจอก่อนล่ะนะ]

[ฟังจือหัน : C517]

อวี๋กานกานช็อก เพราะนั้นเป็นเลขห้องคาราโอเกะที่เธออยู่จริงๆ [นายห้ามขึ้นมา]

[ฟังจือหัน : สิบนาที คุณไม่ลงมาผมจะขึ้นไปเอง]

[อวี๋กานกาน : สามสิบนาที] ชั่วโมงร้องเพลงของพวกเธอยังเหลืออีกสี่สิบนาที สิบนาทีสุดท้ายเป็นเวลาที่ค่อนข้างเหมาะสมในการบอกแยกย้าย

[ฟังจือหัน : ยี่สิบ]

ฟังจือหันตอบกลับแทบจะในทันที ข้อเสนอสุดท้ายสองพยางค์สั้นกระชับได้ใจความ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันตราย

หลังจากผ่านไปแล้วยี่สิบนาที อวี๋กานกาน เฉินฝูหลีและจังซ่าออกมาจากร้านคาราโอเกะพร้อมกัน เฉินฝูหลีอาสาจะไปส่งอวี๋กานกานและจังซ่า แต่ทั้งคู่ปฏิเสธเนื่องจากไม่ได้กลับทางเดียวกัน

อากาศตอนกลางคืนอุณหภูมิติดลบ ลมหนาวโบกพัดมาพร้อมกับหิมะกระทบเข้ากับร่างกาย ราวกับว่ามันสามารถทิ่มแทงทะลุเข้าไปถึงกระดูก ยืนได้ไม่นานทุกคนก็เริ่มจะทนหนาวไม่ไหวแล้ว ทั้งสามคนสนิทกันมาก อีกทั้งนี่ก็ยังไม่ดึกมากเพิ่งจะสามทุ่มกว่า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรกันอีก

จังซ่าและเฉินฝูหลีเรียกแท็กซี่กลับกันไปแล้ว อวี๋กานกานหดคอ รีบวิ่งไปที่ลานจอดรถ มีรถออฟโรดทหารคันหนึ่งจอดเทียบข้างๆ อวี๋กานกาน เธอเห็นว่าฟังจือหันนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับรถ จึงรีบเปิดประตูหอบเอาลมหนาวก้าวขึ้นนั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับทันที

ฮีตเตอร์ภายในรถยนต์ช่วยให้ร่างกายของเธอรู้สึกเบาสบายขึ้นทีละน้อย สองมือของเธอผสานเข้าด้วยกันอยู่บริเวณริมฝีปากพร้อมกับเป่าลมสองสามครั้ง

ฟังจือหันเอาเสื้อโค้ทของตนเองคลุมให้อวี๋กานกานอย่างแน่นหนา มีเพียงใบหน้าจิ้มลิ้มขนาดเท่าฝ่ามือที่โผล่ออกมา นิ้วมือของเขาลูบผ่านพวงแก้มของอวี๋กานกาน สัมผัสได้ถึงไอเย็นเฉียบ ฟังจือหันพูดอย่างจริงจัง “ดึกดื่นแถมยังอากาศหนาวขนาดนี้ ออกมาร้องพงร้องเพลงอะไรกัน”

มือของเขาประคองไปที่ใบหน้าอันเย็นเยียบ ไออุ่นส่งผ่านฝ่ามือมายังใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานกาน

เดิมทีอวี๋กานกานต้องการจะตีมือของฟังจือหัน แต่เธอหนาวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่อยากจะขยับมือ ทำเพียงแค่จ้องเขม็งไปที่ฟังจือหัน “นายก็ออกมาเที่ยวเล่นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

“คุณจะเหมือนกับผมได้ไง”

“ไม่เหมือนยังไง”

“ผมไม่กลัวความหนาว คุณก็ไม่กลัวเหมือนกันหรือไง”

อวี๋กานกานคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ตอนแรกเธอนึกว่าฟังจือหันจะบอกว่าเขาเป็นผู้ชาย ส่วนเธอเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็จะสามารถโต้เถียงกลับได้ว่านี่แหละความคิดของพวกชายแท้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบว่าไม่กลัวความหนาว ซึ่งทำให้เธอจู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี

ฝ่ามือร้อนๆ ของชายหนุ่มกำลังละลายความเย็นบนใบหน้าอันเย็นเยียบของเธอ อวี๋กานกานพูดติดอ่าง “ระ รีบไปเถอะ ดะ เดี๋ยวจะโดนใบสั่ง!”

ฟังจือหัน “…”

รถยนต์ขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคงอยู่บนถนน ร่างกายของอวี๋กานกานอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว เธอถอดเสื้อโค้ทของฟังจือหันออก สูดน้ำมูก “น่าเบื่อ หิมะจะตกอีกนานไหมเนี่ย”

ฟังจือหันไม่ได้ตอบเธอในทันที จนกระทั่งรถติดไฟแดง เขาหันศีรษะจ้องไปที่อวี๋กานกานโดยไม่ละสายตา นัยน์ตาลึกซึ้งและซับซ้อน จากนั้นเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณไม่ชอบหิมะ?”

อวี๋กานกานส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่ชอบ

“ทำไมล่ะ” ราวกับว่าสายตาของเขาซ่อนเมฆหมอกหนาที่ไม่มีวันสลายเอาไว้ จ้องเข้าไปยังดวงตาของเธอประหนึ่งต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”

ฟังจือหันไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ทำเพียงแค่มองออกไปยังนอกหน้าต่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย นัยน์ตาเก็บซ่อนความไม่พอใจบางอย่างเอาไว้

อวี๋กานกานมองฟังจือหัน จากนั้นมองไปยังหิมะนอกหน้าต่าง ถามด้วยความสงสัย “นายก็ไม่ชอบหิมะเหมือนกันเหรอ”

หิมะแสนสวย ให้ความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์และงดงาม คนทั่วไปจึงมักจะชื่นชอบมัน

ตอนที่ 198 จุดที่ไม่ชอบตรงกัน

ฟังจือหันได้สติคืนกลับมา พอดีกับรถด้านหน้าที่เริ่มเคลื่อนตัว เขาค่อยๆ เหยียบคันเร่ง พร้อมกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ชอบ”

ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ เรียกว่าเกลียดเลยก็ยังได้

อวี๋กานกานหัวเราะ “ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงเลยเนอะ ว่าพวกเราจะไม่ชอบหิมะเหมือนกัน”

เธอไม่ได้ถามว่าทำไมถึงไม่ชอบ เพราะอย่างไรเสียไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ชอบหิมะก็เหมือนกับการที่ไม่ชอบฝน ไม่ชอบตากลม ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมาย

เนื่องจากหิมะตกรถยนต์ทุกคันจึงขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่ค่อนข้างต่ำ ระยะเวลาการเดินทางจากครึ่งชั่วโมงก็กลายมาเป็นชั่วโมงครึ่ง เมื่อเห็นหอพักอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า อวี๋กานกานค่อนข้างสับสน เธอนึกว่าฟังจือหันเรียกเธอลงมาจะมีเรื่องอะไรเสียอีก คาดไม่ถึงว่าเขาแค่ต้องการจะมาส่ง

อวี๋กานกานบ่นพึมพำหนึ่งประโยค “ก็แค่จะมาส่งฉัน นายจะรีบร้อนอะไรนักหนากับสิบนาทียี่สิบนาที ฉันกับพวกรุ่นพี่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว”

ฟังจือหันถาม “คุณจะกลับไป๋หยางพรุ่งนี้?”

“เปล่า”

“แล้วจะรีบร้อนไปทำไม”

อวี๋กานกานทำหน้าบึ้ง กำลังจะเถียงกลับ ทันใดนั้นก็มีบัตรเครดิตอเมริกันเอ็กเพรสสีดำยื่นมาตรงหน้า

อวี๋กานกานอึ้งไปเล็กน้อย “นี่…”

ฟังจือหัน “สองเท่า”

อวี๋กานกานกระพริบตาแล้วกระพริบตาอีก หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าฟังจือหันไม่ได้แกล้งเธอ ตัดสินใจว่าจะยื่นมือออกไปรับ ช่วงนี้เธอเองก็ไม่มีเงินจนจานชามดังเคร้ง[1] แต่ว่า…

ฟังจือหันพูดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “สำหรับค่าใช้จ่ายในครอบครัว”

อวี๋กานกานที่ลังเลใจอยู่ เมื่อได้ยินเขาพูดอะไรประโยคนี้ออกมาก็ไม่อยากรับขึ้นมาทันที ถ้าเธอรับนั่นไม่เท่ากับว่ายอมรับว่าเขาเป็นคนในครอบครัวแล้วหรอกหรือ

ใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานกานบึ้งตึงทันที หันศรีษะไปอีกทาง “ไม่ล่ะ”

ฟังจือหันเองก็ไม่พูดโน้มน้าวอะไรต่อ เก็บบัตรเครดิตเข้ากระเป๋า

อวี๋กานกานจู่ๆ ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา “…”

ที่ไป๋หยางฟังจือหันทั้งอยู่บ้านเธอ กินข้าวบ้านเธอ ตามหลักการแล้วการที่เธอจะเก็บเงินนิดๆ หน่อยๆ มันก็เป็นเรื่องที่สมควรจะทำ เธอเองก็ไม่ใช้หญิงแกร่ง ทำไมถึงได้ดื้อดึงปล่อยโอกาสนี้หลุดไปโดยเสียเปล่า ควรจะเจรจาต่อรองดูสักหน่อย เธอมองฟังจือหันที่กำลังเก็บบัตรเครดิตเข้ากระเป๋าสตางค์ตาละห้อย สีหน้าเสียดายขีดสุด

ฟังจือหันเห็นสีหน้าท่าทางสองจิตสองใจของอวี๋กานกานแล้วรู้สึกขำขันขึ้นมา เขายื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ในมือของอวี๋กานกาน

อวี๋กานกานสะดุ้ง ถลึงตาด้วยความโกรธ “เอาโทรศัพท์ฉันไปทำไม คืนมานะ!”

โทรศัพท์ตั้งรหัสปลดล็อกหน้าจอเอาไว้ ฟังจือหันไม่รู้รหัส เขายื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าอวี๋กานกาน “ปลดล็อกหน้าจอ”

“นายจะทำอะไร โทรศัพท์เป็นของใช้ส่วนตัวจะมาแอบดูกันไม่ได้” อวี๋กานกานต้องการจะแย่งมือถือกลับมา เธอจับตรงส่วนปลายของโทรศัพท์ยื้อแย่งกับฟังจือหัน แต่ทว่าโทรศัพท์กลับนิ่งไม่ไหวติง ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

มุมปากของฟังจือหันยกขึ้นเล็กน้อย “ผมจะดูแบบเปิดเผย”

อวี๋กานกาน “…”

เธอจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของฟังจือหัน แต่ก็คาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ถึงอย่างไรในโทรศัพท์ของเธอก็ไม่ได้มีอะไรที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้อยู่แล้ว เขาอยากจะส่องก็ให้เขาส่องๆ ไปเถอะ

อวี๋กานกานปลดล็อกหน้าจอ จากนั้นเอียงตัวโน้มเข้าไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อดูว่าฟังจือหันต้องการจะทำอะไรกันแน่

ฟังจือหันเปิดกระเป๋าสตางค์ในวีแชทของเธอ กดไปตรงบัตรธนาคาร จากนั้นผูกบัตรของตัวเองเข้ากับบัญชีของอวี๋กานกาน

อวี๋กานกานตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “…”

หลังจากที่กรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ฟังจือหันคืนโทรศัพท์ให้เธอ เอ่ยเสียงเรียบ “ขึ้นไปได้แล้ว”

อวี๋กานกานไม่ขยับเขยื้อน จ้องมองฟังจือหันด้วยสายตาไม่เข้าใจ

ฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาแพรวพราวแฝงไว้ด้วยพลุไฟท่ามกลางความมืดมิด ราวกับว่าต้องการจะแผดเผาเธอ “ไม่ลงจากรถ จะกลับกับผม?”

ริมฝีปากของเขาเข้าใกล้ใบหูของเธออย่างช้าๆ วาจาคลุมเครือ น้ำเสียงแผ่วเบา หยอกเย้าหัวใจให้อ่อนระทวย

——

[1] อุปมาว่ายากจนมาก ในชามไม่มีข้าวจนเกิดเสียงช้อนและชามกระทบกันดังเคร้ง

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท