ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 207

ตอนที่ 207

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 207 เจ้าแมวเหมียว ปะทะ พิราบต๊อง / ตอนที่ 208 ความเอาใจใส่ของฟังจือหัน อบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
ตอนที่ 207 เจ้าแมวเหมียว ปะทะ พิราบต๊อง

สิบนาทีต่อมา รถยนต์ของฟังจือหันขับมาจอดตรงด้านนอกโรงแรมที่เป็นสถานที่ถ่ายทำแผ่นผับโฆษณา ตลอดทางที่ขับมา ฮีตเตอร์ในรถให้ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ฟังจือหันจึงถอดเสื้อโค้ทและผ้าพันคอออก เขาหันไปมองอวี๋กานกานที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่กลัวร้อนบ้างเลยหรือไง อวี๋กานกานยังคงสวมเสื้อหนาวขนเป็ด พันผ้าพันคอพร้อมทั้งหดคอเล็กน้อย เผยให้เห็นเพียงใบหน้าจิ้มลิ้มเท่านั้น ตอนเล่นกับเจ้าเหมียว เธอมักจะทำปากจู๋ส่งเสียงจุๆ เหมือนกับนกพิราบต๊องไม่มีผิด

มุมปากของฟังจือหันยกขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเอิบอิ่มมีความสุข

อวี๋กานกานเปิดประตูลงจากรถยนต์ วางเจ้าเหมียวในอ้อมกอดไว้บนเบาะรถ จากนั้นมองไปยังฟังจือหันแล้วกล่าว “ฉันต้องไปถ่ายโฆษณาละ เจ้าเหมียวนี่ต้องให้นายดูแลก่อน ไว้ฉันกลับมาเอา”

ฟังจือหันสวมเสื้อโค้ท ลงรถมากับอวี๋กานกานด้วย

สายตาของอวี๋กานกานชำเลืองไปมองเจ้าเหมียวที่อยู่ในรถ เธอลังเลเล็กน้อย เอ่ยปากถาม “ทำไมนาย…ถึงลงมาด้วย”

“อือ”

“แล้วแมวล่ะ? ปล่อยไว้ในรถเหรอ” อวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ นิ้วมือชี้ไปหายาจุดกันยุงที่อยู่ในรถ

“อือ” ฟังจือหันยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“อืออะไรของนาย นายจะทิ้งยาจุดกันยุงไว้ในรถลำพังได้ยังไง ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาจะทำยังไง” อวี๋กานกานรู้สึกว่าแมวเหมียวก็เหมือนกับเด็กน้อย ทิ้งไว้ในรถลำพังเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง

ลมหนาวโบกสะพัด ผมของอวี๋กานกานปลิวไสวติดใบหน้ายุ่งเหยิงไปหมด ฟังจือหันเดินมาหยุดตรงหน้า ใช้มือเกลี่ยปอยผมที่ยุ่งเหยิงไปด้านหลัง “ด้านนอกหนาว…”

หลังจากจัดผมจนเข้าที่เอาทางแล้ว ฟังจือหันอาศัยจังหวะนี้ มือของเขาเคลื่อนมาวางบนไหล่ของอวี๋กานกาน โอบเธอเดินเข้าไปยังห้องโถงของโรงแรม ถูกฟังจือหันโอบไว้ในอ้อมกอดแบบนี้ ร่างกายและหัวใจของอวี๋กานกานมีความรู้สึกคันยุบยิบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

อุณหภูมิในห้องโถงของโรมแรมอบอุ่นมากทีเดียว เมื่อเดินเข้าไปอวี๋กานกานเบี่ยงไหล่หลุดจากการโอบของฟังจือหันอย่างแนบเนียน เธอพูดอย่างค่อนข้างเนียมอาย “ถ่ายโฆษณาน่าจะใช้เวลาแปปเดียว นายไปจัดการธุระของนายก่อนดีกว่า ไว้ถ่ายเสร็จแล้วฉันค่อยโทรหานาย”

อวี๋กานกานพูดยังไม่ทันจบดี ด้านหลังพลันเกิดเสียงทะเลาะกันอย่างดุเดือนขึ้น

อวี๋กานกานหันไปมองตามเสียง ด้านหลังของเธอมีแม่ลูกคู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งสองโต้เถียงกันอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าใบหน้าแกงก่ำ ลำคอขึ้นเป็นเส้นเอ็นปูดโปน

ฟังจือหันถาม “คุณถ่ายที่ไหน”

อวี๋กานกานหันกลับมามองฟังจือหัน “น่าจะในโรงแรมนี้นี่แหละ”

ทางด้านหลังลูกสาวของคุณป้าโมโหจนทนไม่ไหวแล้ว เธอสะบัดมือแล้วเดินหนีออกมา ทิ้งให้คุณป้ายืนหอบหายใจระรัวอยู่ที่เดิม ทันใดนั้นจู่ๆ คุณป้าก็ทรุดลง ขบฟัน ฝ่ามือกุมอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจ มืออีกข้างจับเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างก่อนจะค่อยๆ ทรุดลงไปนอนกับพื้น

สายตาของคุณป้ามองไปยังแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของลูกสาว เธอพยายามยกแขนขึ้น เหมือนว่าต้องการจะส่งเสียงเรียกลูกสาวของตนเอง ทว่าเสียงกลับไม่ยอมออก ฝ่ามือค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ ก่อนจะสลบเหมือดไปในทันที

ผู้คนโดยรอบที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ พากันกรูเข้ามามุงดู

“เฮ้ย มีคนเป็นลม!”

“คุณป้าท่านนี้เขาเป็นอะไร”

“จู่ๆ ก็เป็นลม ควรเข้าไปดูหน่อยไหม”

“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว”

……

อวี๋กานกานหันไปมองคนที่เป็นลม เป็นคุณป้าที่เพิ่งทะเลาะกับลูกสาวเมื่อกี้นี้นี่นา ผู้จัดการโรงแรมเห็นคนเป็นลมนอนสลบอยู่บนพื้น จึงรีบพุ่งเข้าไปหมายจะช่วยพยุงขึ้น อวี๋กานกานรีบส่งเสียงปราม “ห้ามขยับตัวผู้ป่วยนะคะ!”

อวี๋กานกานเดินเข้ามาอย่างว่องไว พูดกับผู้จัดการ “ฉันเป็นหมอค่ะ”

ผู้จัดการโรงแรมมองอวี๋กานกานด้วยสายตางุนงง “ทำไมถึงห้ามขยับ อากาศหนาวขนาดนี้ปล่อยให้นอนอยู่บนพื้น…”

คนที่มุงดูอยู่คนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “ฉันได้ยินมาว่าถ้าอาการป่วยกำเริบ การขยับตัวผู้ป่วยจะยิ่งส่งผลเสีย ยังไงก็รอรถพยาบาลดีกว่า”

ตอนที่ 208 ความเอาใจใส่ของฟังจือหัน อบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ

อวี๋กานกานนั่งยองลงตรงด้านข้างของคุณป้า ยื่นมือออกไปตรวจชีพจร ในขณะเดียวกันก็สังเกตสีหน้าของคุณป้าไปด้วย มีเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที อวี๋กานกานวินิจฉัยเบื้องตนว่าเกิดอาการหอบเฉียบพลันบวกกับโรคหัวใจกำเริบ

ลูกสาวของคุณป้าเดินออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่ายังเดินไปได้ไม่ไกลกลับได้ยินเสียงคนตะโกนว่ามีคนเป็นลม หัวใจของเธอกระตุกวูบ ความคิดแล่นขึ้นมาทันทีว่าแม่ของตนนั้นป่วยเป็นโรคหัวใจ เธอรีบวิ่งกลับมาอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นว่าคนที่นอนสลบอยู่บนพื้นเป็นแม่ของตนเอง สีหน้าของคนเป็นลูกสาวซีดเผือด ตะโกนร้องอย่างตื่นกลัว “แม่ แม่เป็นอะไรไปคะ แม่!”

อวี๋กานกานหันมาถาม “คุณป้ามีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจใช่ไหม”

ลูกสาวตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พกยามาด้วยหรือเปล่า” คนไข้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยปกติแล้วมักจะพกยาฉุกเฉินติดตัวมาด้วยเสมอ

ลูกสาวค่อยๆ รวบรวมสติคืนกลับมา รีบล้วงยาออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง ทว่ามือของเธอสั่นมาก ทำอย่างไรก็เปิดฝาขวดยาไม่ออก อวี๋กานกานหยิบขวดยาจากมือของลูกสาว เทยาจิ้วซินหวัน[1] ออกมา ป้อนใส่ปากคุณป้า “กรุณาอย่ามุงค่ะ ช่วยถอยออกไปหน่อยนะคะ อากาศจะได้ถ่ายเทได้สะดวก”

อวี๋กานกานหันมามองลูกสาวของคุณป้าอีกครั้ง กล่าว “คุณไม่ต้องกลัวนะคะ รีบโทรหาสายด่วนเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยค่ะ อีกอย่างถอดเสื้อโค้ทของคุณออกด้วยค่ะ คนป่วยจำเป็นต้องรักษาความอบอุ่นของร่างกาย มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างใหญ่หลวง”

ในขณะที่พูดอวี๋กานกานเองก็ถอดเสื้อหนาวขนเป็ดของตัวเองไปด้วย คุณป้าท่านนี้ชรามากแล้ว ปล่อยให้นอนสัมผัสกับพื้นโดยตรงในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ ความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะยิ่งทำให้อาการทรุดลงกว่าเดิม

ท่อนแขนเรียวยาวรั้งไม่ให้อวี๋กานกานถอดเสื้อหนาวออก อวี๋กานกานเงยหน้าขึ้นมองเห็นฟังจือหัน เขาถอดเสื้อโอเวอร์โค้ทขนสัตว์ของตัวเองออกเรียบร้อยแล้ว จากนั้นยื่นมาให้เธอ “ใช้ของผม”

อบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ อวี๋กานกานคลี่ยิ้มออกมา เธอค่อยๆ ยกลำตัวด้านข้างของคุณป้าขึ้นอย่างระมัดระวัง ให้ฟังจือหันใช้เสื้อโค้ทปูลงบนพื้น จากนั้นจึงวางคุณป้าลงกลับท่าเดิมอย่างเบามือ

ลูกสาวของคุณป้า ใช้เสื้อโค้ทของตัวเองห่มให้กับผู้เป็นแม่ จากนั้นมองไปยังอวี๋กานกานด้วยสายตาร้อนรน “คุณเป็นหมอใช่ไหมคะ”

อวี๋กานกานพยักหน้า

ลูกสาวของคุณป้าถามด้วยแววตาแดงก่ำ “แล้วตอนนี้อาการของแม่เป็นอย่างไรคะ”

อวี๋กานกานจับชีพจรเพื่อตรวจเช็คอาการให้คุณป้าอีกครั้ง อาการค่อนข้างหนัก ทานยาไปแล้วดูเหมือนจะไม่เป็นผล ตั้งแต่เด็กเธอมีนิสัยชอบพกกล่องฝังเข็มติดตัวไว้เสมอ อวี๋กานกานหยิบกล่องฝังเข็มออกมาจากกระเป๋าหน้าอก หยิบเข็มเงินออกมา รวบรวมสมาธิ เตรียมฝังเข็มเพื่อปฐมพยาบาลฉุกเฉิน จู่ๆ ก็มีมือของใครไม่รู้มาจับแขนด้านที่เธอถือเข็ม ก่อนจะกระชากเธอออกมา

เพื่อให้สภาพอากาศถ่ายเทได้สะดวก ทุกคนจึงอยู่ห่างออกจากอวี๋กานกานและคุณป้าท่านนั้นค่อนข้างไกล ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ ก็จะมีใครไม่รู้เข้ามาลงไม้ลงมือกับอวี๋กานกาน

ฟังจือหันเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน นัยน์ตาเย็นเยียบ เดินพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังช้าไปอยู่ดี อวี๋กานกานถูกกระชากออกมา เธอเซถอยหลังหลายก้าวจนเกือบจะล้ม โชคดีที่ฟังจือหันช่วยพยุงเอวของเธอไว้ได้ทัน จากนั้นโอบอวี๋กานกานไว้ในอ้อมกอด นัยน์ตาสีดำล้ำลึกแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงจ้องมองมาที่เธอโดยไม่ละสายตาแม้แต่น้อย “ไม่ได้ล้มใช่ไหม”

อวี๋กานกานส่ายหน้าโดยที่ยังตื่นตกใจอยู่ เธอหันไปมองซย่าเฉิงโจวซึ่งเป็นคนที่กระชากเธอออกมา ซย่าเฉิงโจวขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเย็นชา ตวาดลั่น “นี่ใช่เรื่องที่เธอจะมาทำมั่วๆ ได้เหรอ!”

ซย่าเฉิงโจวพูดจบก็นั่งยองๆ ลงบนพื้นจับชีพจรให้คุณป้าทันที ทว่ามือของเขายังไม่ทันได้สัมผัสข้อมือของคุณป้า ก็ถูกคนคนหนึ่งถีบกระเด็นเสียก่อน

ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ปรายตามองจากจุดที่อยู่สูงกว่า เอ่ยเสียงเย็น “ขอโทษมา”

——

[1] จิ้วซินหวัน ชื่อเต็ม su xiao jiu xin wan แปลตรงตัวได้ว่า ยาเม็ดรักษาหัวใจชนิดออกฤทธิ์ทันที เป็นยาจีนชนิดหนึ่ง มาในรูปแบบเม็ดเล็กๆ มีสรรพคุณ กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดและลมปราณ สลายลิ่มเลือดอุดตัน ลดอาการปวด ใช้รักษาอาการเจ็บหน้าอกและโรคหลอดเลือดหัวใจที่เกิดจากเลือดคั่งเพราะพลังปราณติดขัด

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท