ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 239 พ่อผมชอบคุณยิ่งกว่าอะไร / ตอนที่ 240 ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องไว้
ตอนที่ 239 พ่อผมชอบคุณยิ่งกว่าอะไร
ร่างกายของหลินจยาอวี่พลันแข็งเกร็ง เพราะเห็นแก่หน้าอวี๋กานกาน เธอจึงไม่ได้ผลักลู่เสวี่ยเฉินออก
ดวงตาของเหวินซินเม่ยแดงก่ำอย่างฉับพลัน สายตาของเธอจดจ้องไปที่หลินจยาอวี่ สะกดกั้นอารมณ์ทำลายล้าง
ผู้หญิงประเภทหน้าตาสวยหยาดเยิ้มเย้ายวนแบบนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกปีศาจจิ้งจอก[1]ที่มาเพื่อยั่วยวนผู้ชายโดยเฉพาะ ตระกูลลู่ไม่มีทางยอมรับยัยนี่เข้าสกุล
เหวินซินเม่ยคลี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แฝงแววเหยียดหยาม พูดกับลู่เสวี่ยเฉิน “ผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้ คุณมั่นใจเหรอคะว่าเธอจะสามารถก้าวเข้าประตูบ้านคุณได้ เสวี่ยเฉิน ฉันไม่สนใจว่านอกบ้านคุณจะมีผู้หญิงกี่คน ฉันต้องการแค่ให้พวกเราแต่งงานกัน ทุกคืนคุณกลับถึงบ้านแค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว”
ตอนงานวันเกิดอายุสิบเก้าปีของเหวินซินเม่ย เธอได้พบกับลู่เสวี่ยเฉิน ถูกรูปโฉมอันงดงามและเสน่ห์ร้ายกาจไม่เหมือนใครของลู่เสวี่ยเฉินดึงดูด เธอเคยคิดว่าหากกาลเวลาผ่านไป ความรู้สึกใจวาบหวิวนี้คงจะค่อยๆ จางหายไป ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งนานวันความเสน่หาที่เธอมีต่อลู่เสวี่ยเฉินกลับยิ่งรุนแรงขึ้น ดุจดั่งไวน์ที่ยิ่งเก่ายิ่งหอมหวาน
จากอาการใจเต้นกลายเป็นมอบทั้งหัวใจให้เขา เธอปรารถนาอยากจะแต่งงานกับลู่เสวี่ยเฉินอย่างแรงกล้า!
ขอแค่ได้แต่งงานกัน เธอต้องทำให้ลู่เสวี่ยเฉินประทับใจและหันมาชอบเธอได้อย่างแน่นอน!
หลังแต่งงานจะออกไปทำอะไรตามใจนอกบ้านก็เชิญเลย? วลีนี้ทำให้อวี๋กานกานตกใจจนคางเกือบหล่นไปอยู่บนพื้น “…”
อวี๋กานกานตาโตอ้าปากค้าง แต่พอมองหลินจยาอวี่ ฟังจือหันและลู่เสวี่ยเฉิน พวกเขาสามคนกลับไม่มีอาการประหลาดใจแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าประโยคนี้เป็นเพียงประโยคบอกเล่าทั่วไปหรือไม่ก็พวกเขาได้ยินจนชินแล้ว
อวี๋กานกานรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละโลกกับคนเหล่านี้
ลู่เสวี่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้น “แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมรักแค่ที่รักของผมคนเดียวเท่านั้น นอกจากเธอผมก็ไม่ต้องใครอีก” พูดจบลู่เสวี่ยเฉินหันไปมองหลินจยาอวี่ด้วยสายตาลึกซึ้ง
เมื่อเห็นว่าสีหน้าหลินจยาอวี่ยังคงไร้คลื่นอารมณ์ หน้านิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่เสวี่ยเฉินพลันปรากฏความคิดแผลงๆ ขึ้น ริมฝีปากของเขาขยับไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจหอมรัญจวนใส่ใบหูหลินจยาอวี่
ลมหายใจร้อนผ่าว
หลินจยาอวี่ไม่ชอบยิ้ม ทว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวเย็นชา เธอเพียงแค่ผิดหวังจากความรัก ทำให้ติดนิสัยยิ้มไม่ออก ต่อให้จะรักษาอาการปากเบี้ยวได้แล้ว แต่เมื่อมีเรื่องสมหวังหรือผิดหวังเกิดขึ้น ในใจของเธอกลับยังคงสงบนิ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่สะทกสะท้าน
อย่างไรก็ตามหลินจยาอวี่ยังอายุน้อยอ่อนประสบการณ์ เมื่อถูกชายหนุ่มเย้าหยอก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ร่างกายของเธอแข็งแกร็ง เขยิบถอยออกไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ
เหวินซินเม่ยเห็นท่าทีของหลินจยาอวี่แฝงไว้ด้วยความเย็นชากีดกัน มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคู่รัก เธอไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะเป็นแฟนกันจริงๆ พวกเขาน่าจะกำลังแสดงละครตบตา ลู่เสวี่ยเฉินลากผู้หญิงคนนี้มาเข้ามาเกี่ยวเพื่อยั่วโมโหเธอ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจของเหวินซินเม่ยรู้สึกโปร่งโล่ง ระบายยิ้ม “เสวี่ยเฉิน ฉันเคยบอกแล้วนี่คะ เรื่องนอกบ้านฉันไม่ถือ ฉันเชื่อว่าในอนาคตคุณต้องเข้าใจฉันแน่ เหมือนกับคุณน้าไงคะ…คุณน้าชอบฉันจะตายไป”
คุณน้าในที่นี่คือแม่ของลู่เสวี่ยเฉิน แม่ของลู่เสวี่ยเฉินค่อนข้างร้อนใจอยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาสักที เมื่อเห็นว่าเหวินซินเม่ยชอบพอในตัวลูกชายตนมากถึงขนาดนี้ จึงหมายรวบหัวรวบหางพวกเขาสองคน
ลู่เสวี่ยเฉินแสยะยิ้มชั่วร้าย “พ่อผมชอบคุณกว่าแม่ผมอีก เขาตาเป็นประกายทุกครั้งที่เห็นคุณ…คุณกับแม่ผมมานับญาติเป็นพี่สาวน้องสาวกันก็ไม่เลว”
อวี๋กานกานตะลึงงันตาโตอ้าปากค้าง เหลือบไปมองฟังจือหันที่นั่งอยู่ข้างๆ “…”
ฟังจือหันคีบเนื้อชิ้นหนึ่งป้อนใส่ปากอวี๋กานกาน
ส่วนเหวินซินเม่ยทั้งโกรธทั้งอาย มองลู่เสวี่ยเฉินด้วยใบหน้าแดงแจ๋
ลู่เสวี่ยเฉินเมินเหวินซินเม่ย เลียนแบบฟังจือหัน หยิบแก้วน้ำของหลินจยาอวี่ จากนั้นจับหลอดยื่นไปตรงหน้าหลินจยาอวี่
หลินจยาอวี่จำใจต้องงับหลอด
ครานี้ต่อให้เหวินซินเม่ยจะหน้าหนาเพียงไหนก็ทนอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปทันที
——
[1] ปีศาจจิ้งจอก หมายถึง ผู้หญิงที่หน้าตาสวยหยาดเยิ้มเหมือนแม่มดปีศาจ ใช้หน้าตาและเสน่ห์ยั่วยวนผู้ชายให้ติดกับ
ตอนที่ 240 ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องไว้
หลังจากที่อวี๋กานกานกลืนอาหารที่อยู่ในปากแล้ว เธอมองหน้าลู่เสวี่ยเฉินจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง กล่าว “ลู่เสวี่ยเฉิน ฝีปากของนายบางทีก็ร้ายกาจจริงๆ !”
ถ้าพ่อแม่ของเขารู้ว่าเขาซนขนาดนี้ เกรงว่าคงโดนแส้ฟาดแน่
“เทียบกับผู้ชายของเธอแล้ว ฉันยังห่างไกลนัก” ลู่เสวี่ยเฉินพูดอย่างไม่เห็นด้วย พลางปล่อยมือที่อยู่บนไหล่ของหลิยจยาอวี่ จากนั้นหันไปยิ้มให้หลินจยาอวี่ “ขอบคุณนะ ติดหนี้น้ำใจคุณแล้ว วันหลังถ้าต้องการให้ช่วยผมจะตอบแทนคุณแน่”
ลู่เสวี่ยเฉินต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างกายเขาไม่มีความรู้สึกต่อต้านหลินจยาอวี่ แต่กลับผู้หญิงคนอื่น กลับยังไม่สามารถโดนเนื้อต้องตัวได้
ทำไมพอเป็นหลินจยาอวี่ถึงไม่เกิดอาการต่อต้าน หรือว่าเขาจะเปลี่ยนรสนิยมแล้ว จากชอบผู้หญิงเผ็ดร้อนยั่วยวนเปลี่ยนมาเป็นชอบผู้หญิงจืดชืดเย็นชาแทน?
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อวี๋กานกานให้ลู่เสวี่ยเฉินเป็นคนไปส่งหลินจยาอวี่
ส่งสาวงามกลับที่พักเป็นงานที่ลู่เสวี่ยเฉินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว แถมยังเป็นสาวงามที่เพิ่งช่วยเขาไว้เมื่อครู่ เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าหลินจยาอวี่จะเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่บางครั้งก็มีมุมน่ารักๆ อยู่เหมือนกัน
หลังจากที่ลงจากรถแล้ว หลินจยาอวี่พูดกับลู่เสวี่ยเฉินด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครั้งก่อนนายช่วยฉันไว้ ถึงฉันจะไม่ได้ขอก็เถอะ ตอนนี้ถือว่าพวกเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ฉันไม่ชอบเรื่องวุ่นวายมากที่สุด ฉะนั้นนี่เป็นครั้งสุดท้าย!”
หลินจยาอวี่พูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้อย่างเย็นชา จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งลู่เสวี่ยเฉินยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่เดิม โดนเหม็นขี้หน้าเข้าให้แล้ว ลู่เสวี่ยเฉินม้วนเก็บความคิดเมื่อครู่
น่ารักกับผีนะสิ!
ต่อให้เขาต้องเป็นโสดก็ไม่มีทางไปชอบผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์แบบนี้ สาเหตุที่ร่างกายของเขาไม่ต่อต้านหลินจยาอวี่ นั่นต้องเป็นเพราะว่าใจของเขายอมรับว่าหลินจยาอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างแน่นอน!
ลู่เสวี่ยเฉินกลับถึงบ้าน แม่ของเขาเดินเข้ามาต้อนรับทันที ถามด้วยความเป็นห่วง “ซินเม่ยโทรศัพท์มาหาฉัน ร้องห่มร้องไห้บอกว่าแกหาแฟนได้แล้ว แกไปเอาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟน ริอย่าไปเลียนแบบไอพวกลูกเศรษฐีที่คั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเชียวนะ”
ลู่เสวี่ยเฉินตอบกลับอย่างรำคาญใจเล็กน้อย “ถ้าผมคั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แม่ได้เป็นย่าคนไปนานแล้ว”
แม่ของลู่เสวี่ยเฉินถึงจะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ทว่ายังสวยและมีบุคลคลิกภาพงดงาม เธอคว่ำปากอย่างเศร้าเสียใจ พึมพำออกมาหนึ่งประโยค “ฉันล่ะอยากให้เป็นแบบนั้น”
เกิดเส้นขีดสีดำพาดไปทั่วบริเวณศีรษะของลู่เสวี่ยเฉิน ไม่อยากสนใจแม่แล้ว…
แม่ของเขาไม่ยอมรามือ “ตกลงแกไปเอาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟน”
ลู่เสวี่ยเฉินไม่อยากถูกตื้อถามอีก กล่าวออกไปให้จบเรื่อง “แม่วางใจได้ ชาติตระกูลแฟนผมไม่ด้อยไปกว่าเหวินซินเม่ยแน่นอน”
ลู่เสวี่ยเฉินพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนของตนเอง
เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกับโยนหินลงมหาสมุทร ไม่สามารถสร้างคลื่นยักษ์ได้[1]
วันต่อมา อวี๋กานกานไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนหลินจยาอวี่ ไม่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่ อย่างไรก็จำเป็นต้องตรวจร่างกาย
อายุครรภ์เจ็ดถึงแปดสัปดาห์ ตอนทำอัลตร้าซาวด์สามารถได้ยินเสียงหัวใจของทารกในครรภ์แล้ว ผ่านเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกของคุณหมอ หลินจยาอวี่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังละลาย
ก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องการเด็กในท้อง ทว่าตอนนี้กลับอยากให้กำเนิดเด็กคนนี้มากชนิดที่ว่ายากที่จะหาอะไรมาเปรียบ
อวี๋กานกานสนับสนุนหลินจยาอวี๋ สำหรับหลินจยาอวี่การทำแท้งมีสิ่งที่ต้องแลกมากเกินไป ทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธออย่างใหญ่หลวง
หลังจากที่ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องไว้ พวกเธอออกจากโรงพยาบาลตรงไปยังร้านขายสินค้าแม่และเด็ก ซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กมามากมาย
เนื่องจากถือของมากเกินไป ตอนลงจากรถไม่ทันได้ระวังประวัติการรักษาและใบรายงานผลตรวจจึงหลุดมือหล่นลงบนพื้น
หลินจยาอวี่กำลังก้มตัวลงไปเก็บ ทว่ากลับมีคนคนหนึ่งไวกว่าเธอ หยิบใบรายงานผลตรวจขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นผลตรวจครรภ์ อีกฝ่ายร้องลั่นด้วยความตกใจ “เธอท้อง? !”
——
[1] โยนหินลงมหาสมุทร ไม่สามารถสร้างคลื่นยักษ์ได้ อุปมาถึง สิ่งที่ทำลงไปจะไม่เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต