ตอนที่ 325 ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นเกียรติ
นับตั้งแต่วันนั้นที่เยี่ยซีก่อเรื่อง ซูจิ่วซานก็ไม่ได้มาปรากฏตัวที่สมาคมอีก เซียวเสี่ยวอิงก็ขอโทษเธอเป็นครั้งแรกเลย
หายไปหนึ่งคนกับเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไร
การสัมมนาใกล้ถึงช่วงสุดท้าย เหลือเวลาเรียนอีกเพียงไม่ถึงสามวัน การได้รู้จักกันเกือบจะหนึ่งเดือน ทุกคนต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ตอนแยกจากกันเป็นธรรมดาที่จะต้องอาลัยอาวรณ์กันบ้าง จึงเป็นธรรมดาที่จะนัดสังสรรค์กันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปตามโรงพยาบาลที่จากมา
หลายวันมานี้อวี๋กานกานยุ่งมาก
ออกไปตอนเช้ากลับมาตอนดึกทุกวัน เข้าร่วมงานพบปะหลายงานก่อนแยกกัน
การเรียนจบสิ้น อวี๋กานกานก็ต้องกลับไป๋หยาง
แต่งานแต่งงานของหลินจยาอวี่กับลู่เสวี่ยเฉินก็อีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องไปร่วมงานแต่งของพวกเขาก่อนแล้วค่อยกลับไป
นับตั้งแต่ที่ไปบ้านเจียงครั้งก่อน อวี๋กานกานก็ไม่ได้ติดตามอาการของปู่เจียงอีกเลย
เพราะมีหวงเหล่าอยู่เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงปู่เจียงแล้ว
วันนี้เธอได้รับโทรศัพท์จากเจียงฉี่บอกให้เธอไปที่บ้านเจียงเพื่อตรวจอาการชายแก่
บอกว่าตรวจอาการความจริงแล้วปู่เจียงอยากเจออวี๋กานกาน
หลายวันมานี้ชายแก่มักจะพูดถึงอวี๋กานกานขึ้นมาทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าทุกครั้งจะพูดจาแขวะอวี๋กานกาน ด่าเธอว่าเป็นเด็กโง่ แต่เจียงฉี่รู้ว่าคุณปู่อยากเจออวี๋กานกาน
ตอนที่อวี๋กานกานมาถึงบ้านเจียง ตาแก่เจียงมีเพื่อนอยู่ด้วยพอดี
ชายแก่ทั้งสองนั่งอยู่ที่ระเบียง ดื่มชา ชมนก เล่นหมากรุกและพูดคุยกัน
พอเห็นอวี๋กานกานมาถึงแล้ว ปู่เจียงชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ด้านข้างเป็นนัยให้เธอนั่งลงก่อน รอเขาเล่นตานี้จบค่อยคุยกัน
เจียงฉี่ยิ้มละมุนพลางจูงอวี๋กานกานไปนั่งและยังแนะนำอวี๋กานกานให้รู้จักกับชายแก่อีกคนหนึ่งด้วย “ท่านนี้คือปู่เจี่ยน”
ริมระเบียงจัดวางโต๊ะชาแบบเรียบง่ายอยู่สองโต๊ะ โต๊ะหนึ่งเล่นหมากรุก อีกโต๊ะหนึ่งใช้ชงชา
เจียงฉี่ต้มน้ำร้อน ลวกแก้ว แช่ใบชา ใบชาดูดน้ำเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนล่องลอย หลังจากที่เติมชาให้ชายแก่ทั้งสองแล้วก็รินชาให้อวี๋กานกานอีกหนึ่งแก้ว “คุณลองชิมดู นี่เป็นชาต้าหงเผาที่ภูเขาอู่ซาน”
เสียงเบามากเพราะกลัวว่าจะดังจนรบกวนชายแก่ทั้งสองเล่นหมากรุก
อวี๋กานกานรับชามาค่อยๆ ชิม ชาสดส่งกลิ่นหอมชื่นใจ
ตาแรกจบลงที่ชายแก่ทั้งสองเสมอกัน แต่ทั้งสองกลับไม่ยอม ตกลงกันว่ายังจะสู้กันอีกสามรอบ
เจียงฉี่รินชาให้พวกเขาพร้อมกับพูดจาอ่อนหวานอย่างน่ารัก “คุณปู่ ปู่เจี่ยนคะ ดื่มชาก่อน อีกสักพักค่อยเล่นต่อ”
ปู่เจี่ยนส่งยิ้มให้เจียงฉี่แล้วหยิบแก้วชาขึ้นมาเพื่อจะจิบชาร้อนกรุ่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้อนเกินไปหรือว่าเขาไม่ชอบ เขาขมวดคิ้วท่าทางไม่ชอบใจอยู่เล็กน้อย ไม่ได้ดื่มลงไปแล้ววางแก้วชาลงในทันที
เขามองมาที่อวี๋กานกานแล้วเอ่ยถามปู่เจียง “เด็กสาวคนนี้ที่นายพูดถึงว่าใช้สมุนไพรต้มน้ำรักษานายจนหายเหรอ”
ปู่เจียงยิ้มน้อยๆ “ถูกต้อง”
ขณะที่พูดก็แฝงความรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมเป็นเด็กสาวคนหนึ่งไปได้”
“อย่าดูถูกแม่สาวน้อย ใช้ชีวิตมาตั้งขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าไม่สามารถตัดสินคนได้จากหน้าตาน่ะ”
อวี๋กานกานอยากจะเอามือก่ายหน้าผาก “…”
ปู่เจียงน่ะก่อนที่จะแก่ก็ไม่ได้พูดแบบนี้หรอกเหรอ
ปู่เจี่ยนหัวเราะหึ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของปู่เจียง
“นายไม่เชื่อสินะ งั้นให้เด็กนี่ตรวจดู”
ยายเด็กคนนี้จับชีพจรจนรู้ถึงนิสัยใจคอเขาได้ ปู่เจียงก็ไม่เชื่อ ไม่สามารถทำให้ปู่เจี่ยนยอมรับทั้งใจได้
ปู่เจี่ยนเริ่มแรกไม่เห็นด้วย เขาสุขภาพดีอยู่แล้ว เพิ่งจะไปตรวจร่างกายมาหมาดๆ จับชีพจรอะไร…แต่ว่าครู่เดียวเขาก็ยอมรับแล้ว
ตอนที่ 326 ทหารเหมาะกับหมอ
ปู่เจี่ยนเสนอความคิด “เอาสิ งั้นก็จับชีพจรฉัน ถ้าทำให้ฉันยอมรับได้ทั้งใจจริงๆ ฉันจะยกรูปนกกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่นายชอบที่สุดให้”
ตาแก่เจียงนั้นชอบเก็บสะสมภาพวาดอักษร หลงใหลรูปนกกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิของตาแก่เจี่ยนอยู่นานแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาทั้งคู่เป็นประกายราวกับหมาป่าดุร้ายที่หิวโหยมานานเห็นเหยื่ออย่างนั้น “นายไม่เสียดายเหรอ”
ปู่เจี่ยนพูดอย่างใจกว้าง “มีอะไรให้เสียดายกัน ก็แค่ภาพหนึ่งภาพ และแน่นอนว่าถ้าไม่สามารถทำให้ฉันยอมรับได้ สำเนาลายมือของหวังซีจือในมือนายเล่มนั้นต้องตกเป็นของฉัน”
พอเปลี่ยนหัวข้อ ในที่สุดปู่เจี่ยนก็พูดเป้าหมายของตนเองออกมา
ปู่เจียงมีสีหน้านิ่งขรึม “นายนี่มันร้ายกาจมาก ที่แท้ก็อยากได้สำเนาลายมือหวังซีจือของฉันนี่เอง”
“ทำไม ไม่กล้า” ปู่เจี่ยนพูดแหย่
“ใครกลัวอะไร ฉันไม่มีทางแพ้ให้นายอย่างแน่นอน” ปู่เจียงว่าแล้วพลางพูดขู่อวี๋กานกาน “ถ้าเธอรักษาสำเนาลายมือของฉันไว้ไม่ได้ ฉันจะให้หลายชายของฉันรังแกเธอ”
เจียงฉี่กลั้นขำพลางกระซิบข้างหูอวี๋กานกาน “คุณปู่กับปู่เจี่ยนไม่มีอะไรทำก็ชอบเล่นแบบนี้ ฉันเห็นจนชินเสียแล้ว”
อวี๋กานกานไม่รู้ว่าจะหัวเราะไม่ออก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อายุชายแก่ทั้งสองบวกรวมกันแล้วได้หนึ่งร้อยกว่าปีเลย ชอบเล่นพนันกันเหมือนกับเด็กน้อยเสียจริง
ทำไมเธอเป็นคนจับชีพจร พวกเขาชนะแล้วได้ของ
เธอควรจะให้ใครชนะกันดีนะ
อวี๋กานกานลองคิดแล้วส่งยิ้มจางๆ ให้พวกเขา “ไม่ต้องจับชีพจรแล้วค่ะ สีหน้าของปู่เจี่ยนดูดี ร่างกายน่าจะแข็งแรงมาก”
ปู่เจี่ยนหัวเราะยกใหญ่ พูดกับปู่เจียงอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ดูเหมือนว่าสำเนาลายมือของนายจะตกเป็นของฉันแล้ว”
ปู่เจียงหน้าถมึงทึงพลางสั่งสอนอวี๋กานกาน “จับชีพจรก็ไม่จับ เธอจงใจทำให้ฉันแพ้ ยายเด็กน่าเกลียดเข้าข้างคนอื่น”
อวี๋กานกานตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉันไม่จับชีพจรเป็นเพราะว่าขอแค่มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วค่ะ หลายวันมานี้ปู่เจี่ยนน่าจะต้องทนกับอาการปวดฟัน”
รอยยิ้มกริ่มบนหน้าปู่เจี่ยนเพียงชั่วพริบตาแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งค้าง แข็งทื่อ กลายเป็นหิน กลายเป็นลมหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาจ้องหน้าปู่เจียง “นายเป็นคนบอกเธอ”
ปู่เจียงพูดซื่อๆ “ฉันไม่รู้สักหน่อยว่านายปวดฟัน”
“การแพทย์แผนจีนพิถีพิถันในการตรวจวินิจฉัยสี่อย่างได้แก่ดู ดมหรือฟัง สอบถามอาการ และการจับชีพจร สังเกตสีหน้ากำลังวังชาคนในทุกด้าน แม้จะไม่ได้จับชีพจรให้คุณ แต่ว่าจากสีหน้าของคุณเห็นได้ว่าไฟในร่างกายพุ่งพล่าน ดวงตาบวมแดง มุมปากเปื่อยและยังไม่ยอมดื่มชาร้อน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการกระทำเล็กน้อยจนติดเป็นนิสัยของคุณอย่างการใช้มือกุมใบหน้าด้านขวา นี่เป็นสิ่งที่คนปวดฟันทั่วไปทำกัน แต่ถ้าเป็นการกระทำเล็กน้อยที่ไม่ได้ตั้งใจ คุณน่าจะเป็นร้อนในทำให้เกิดอาการเจ็บเหงือก ขอแนะนำให้คุณดื่มน้ำให้มาก วันสองวันนี้กินอาหารรสจืดสักหน่อยและงดอาหารคาวและเผ็ดค่ะ”
ปู่เจียงหัวเราะครืนใหญ่
เขาภาคภูมิใจเกินบรรยาย มองปู่เจี่ยนแล้วเอ่ย “ขอบคุณสำหรับภาพนกกับแม่น้ำในฤดูใบไม้ผลของนายด้วย สมแล้วที่เป็นเพื่อนเก่ากัน”
ปู่เจี่ยนโกรธจัดหนวดกระตุกถลึงตา “ฉันไม่ยอมรับ ปวดฟันไม่ใช่โรค”
พอมองท่าทางปลาบปลื้มยินดีอีกทั้งถูกอกถูกใจของปู่เจียง ดูท่าทางแล้วชอบสาวน้อยคนนี้มากและยังพูดว่าหลานสะใภ้ในอนาคตสักอย่าง จะให้หลานชายของเขามาแย่งไปหลังจากนี้จะได้กลายเป็นหลานสะใภ้ตระกูลเจี่ยน
เห็นตาแก่เจียงกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างกับอะไรดี
ปู่เจี่ยนข่มความไม่พอใจเอาไว้เอ่ยถามอวี๋กานกานพร้อมรอยยิ้ม “แม่สาวน้อยมีแฟนแล้วหรือยัง หลานชายของฉันก็ดีนะ เป็นทหาร ฉันว่าเหมาะกับเธอมากเลย ทหารเหมาะกับหมอ คู่สวรรค์สรรสร้าง”