ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 393

ตอนที่ 393

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 393 ผมชอบกินเสี่ยวอวี๋ (3) / ตอนที่ 394 ผมชอบกินเสี่ยวอวี๋ (4)
ตอนที่ 393 ผมชอบกินเสี่ยวอวี๋ (3)

อวี๋กานกานเลือกหนังสือเล่มหนึ่งมาลองอ่านดู ขณะที่กำลังตั้งใจอ่านก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เมื่อเธอหันไปก็ชนเข้ากับอ้อมอกของชายหนุ่ม

เธอโอดโอยเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้า

ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำเลย ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรด้วย ก็แค่ชนกับอ้อมอกของเขา อวี๋กานกานก็เขินเสียจนหน้าแดงซ่านแล้ว

เธอหลุบตาลงด้วยความเขินอายพลางเอ่ยถามด้วยเสียงเบา “คุณประชุมเสร็จแล้วเหรอ”

ฟังจือหันตอบรับเสียงเบาและถือโอกาสดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “รอนานเลย”

“ไม่นานหรอก แค่อ่านหนังสือได้ครู่เดียวคุณก็มาแล้ว”

ตอนเมื่อกี้ที่ยังไม่เจอกัน ดูเหมือนว่าเธอจะมีหลายอย่างที่อยากจะพูดกับเขา แต่ในตอนนี้พอเจอเข้าแล้วเธอกลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ส่วนเขาเดิมทีก็ไม่ใช่คนช่างพูดอะไร ถ้าเธอจะไม่พูด ระหว่างพวกเขาสองคนก็เงียบไปเสีย

เพิ่งจะคบกันวันแรกไม่น่าจะตกอยู่ในทางตันสิ

“คุณกินข้าวแล้วสินะ” อวี๋กานกานถามเรื่อยเปื่อยด้วยความเก้อเขิน

“ยังเลย”

ยังเลยเหรอ! อวี๋กานกานมองเวลาครู่หนึ่ง นี่มันเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว เธอจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ทำไมสายขนาดนี้แล้วยังไม่กินข้าวอีก งั้นคุณรีบไปกินข้าวเถอะ”

ฟังจือหันเอื้อมมือมาลูบหัวเธอ “ให้คนเอาไปส่งที่ห้องทำงาน คุณกินกับผมไหม”

“ฉันกินเรียบร้อยแล้ว”

“กินกับผมซักหน่อย”

อวี๋กานกานพยักหน้ารับ “ค่ะ”

“งั้นคุณอยากกินอะไร”

“ฉันกินได้หมด คุณชอบกินอะไรก็สั่งอันนั้นเลย”

แววตาชายหนุ่มลึกซึ้งแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ อีกทั้งบีบแก้มเธอไป น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่กลับเจือเสน่ห์เอาไว้ “คุณชอบกินอะไร ผมก็ชอบกินอันนั้นแหละ”

เป็นแค่คำพูดธรรมดา แต่เธอฟังแล้วเหมือนกับหนังรักโรแมนติก

น้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับลมในฤดูใบไม้ผลิจู่ๆ ก็พัดเข้ามาในหู อบอุ่นจนเหลือความรู้สึกหลงใหลเอาไว้

อวี๋กานกานใจสั่นรัวจนเกือบจะลืมหายใจไปเสียแล้ว

เธอสบสายตากับเขาโดยไม่วางตา ความรักที่สะท้อนอยู่ในตานั้นแยกไม่ออกเลย เธอดีใจอยู่ชัดๆ แต่กลับพูดออกไปว่า “คุณพูดโกหกสินะ”

“อืม โกหก”

เขากลับยอมรับเสีย อวี๋กานกานถลึงตามองเขาแล้วหันหลังเหมือนไม่อยากจะสนใจเขา “…”

พูดไว้อย่างดีว่าหนังรักโรแมนติก ทำไมถึงเปลี่ยนสไตล์กะทันหันไปได้

ฟังจือหันกอดเธอจากทางด้านหลังพลางกระซิบอยู่ข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “ผมชอบคุณที่สุด”

อวี๋กานกานคิด เธอตกหลุมเสียแล้ว

ชายหนุ่มชอบพูดจาสองแง่สองง่ามชัดๆ แต่ทำไมเธอรู้สึกว่าโดนแซว หัวใจอ่อนยวบกัน

อยู่กับเขาแล้วมักจะรู้สึกว่าความคิดติดขัด

ฟังจือหันสั่งอาหารไว้ก่อนแล้ว ตอนที่ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาอย่างกระหนุงกระหนิง ผู้ช่วยนำอาหารมื้อกลางวันเข้ามา

โต๊ะใหญ่ในห้องทำงานมีอาหารวางไว้สี่อย่างกับน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง

ฟังจือหันคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งวางลงบนถ้วยของอวี๋กานกาน “ลองพวกเดียวกันกับคุณดู รสชาติดีหรือไม่”

อวี๋กานกานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณพูดแบบนี้ฉันจะกล้ากินได้ยังไงกัน คุณกินเถอะ…”

เธอเตรียมจะคีบปลาวางไปในถ้วยของฟังจือหัน แต่ฟังจือหันกลับอ้าปากให้อวี๋กานกานป้อนใส่ปากเขาโดยตรงและเคี้ยวเงียบๆ

เขาเอ่ย “ชอบกินปลาที่สุด”

พอหยุดไปพักหนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอีก “ชอบกินปลาที่สุด”

เสี่ยวอวี๋[1]กับเสี่ยวอวี๋ อวี๋กานกานรู้สึกเขินมาก หัวใจเหมือนกับถูกของนุ่มๆ ชนเข้าจนอ่อนยวบยาบ

ฟังจือหันยื่นมือไปลูกหัวเธอ “คืนนี้จะพาคุณไปกินของอร่อย”

แสงไฟสาดลงมาที่ดวงหน้าของอวี๋กานกาน สว่างเปล่งประกาย

——

[1] อวี๋ในภาษาจีนแปลว่าปลาซึ่งออกเสียงคล้ายกับชื่อของนางเอก

ตอนที่ 394 ผมชอบกินเสี่ยวอวี๋ (4)

แสงไฟสาดส่องดวงหน้าของอวี๋กานกานสว่างเปล่งประกาย เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ฉันคิดมาตลอดว่าอาหารที่ถนนหนานเจิ้นของเรานั้นอร่อยที่สุด อีกสองวันฉันก็จะกลับไป๋หยางแล้ว ให้ฉันพาคุณไปลองกินที่ถนนหนานเจิ้นไหม”

อยากล่อให้เขากลับบ้านและยังนึกว่าอีกฝ่ายจะครุ่นคิดก่อน ปรากฏว่าฟังจือหันไม่ได้ลังเลเลยสักนิด ตอบออกมาทันที “ดี”

อวี๋กานกานโคลงไปทั้งตัว จู่ๆ ก็ขยับเก้าอี้เคลื่อนเข้าไปประทับจูบลงบนแก้มของฟังจือหัน

ฟังจือหันเบี่ยงหน้ามองเธอ อวี๋กานกานก็รีบเลื่อนเก้าอี้ออกทันทีและก้มหน้าพึมพำด้วยเสียงเบา “กินข้าวๆ ยังไม่กินอีกก็จะเย็นหมดแล้ว”

“ยัยบ้า”

อวี๋กานกานเหลือบตาขึ้นมองเขา

“มานี่หน่อย”

หลังจากที่เธอขยับเก้าอี้ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ก็ค่อนข้างมาก

อวี๋กานกานจึงรีบขยับเก้าอี้เล็กน้อยและนั่งลงอีกครั้ง

ฟังจือหันยังไม่พอใจ “ขยับเข้ามาอีกหน่อย”

อวี๋กานกานจึงขยับเข้าไปอีกนิด จู่ๆ ฟังจือหันก็ออกแรงคว้ามือของเธอ อวี๋กานกานลุกขึ้น หมุนรอบฟังจือหันรอบหนึ่งจากนั้นก็นั่งลงไปบนหน้าขาของฟังจือหัน

เธอมองฟังจือหันอย่างตกตะลึง อยากจะลุกขึ้นโดยสัญชาตญาณ

แต่แค่ขยับตัวเล็กน้อยก็โดนฟังจือหันออกแรงกดเอาไว้ กลีบปากของเขากระซิบอยู่ข้างหูเธอ “มายั่วแล้วหนีแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”

แขนของฟังจือหันโอบรอบเอวเธอ ให้เธอนั่งพิงเข้ามาในอ้อมแขน

หญิงสาวจริงจัง หน้าแดงสุดขีดพลางหันไปมองเขาเล็กน้อย ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวมา ใช้ริมฝีปากของตนเองแนบบนริมฝีปากเธอ

อวี๋กานกานหน้าแดงจนไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว

ความอบอุ่นภายในห้องเพิ่มสูงขึ้นเกินไปแล้ว แม้แต่เลือดลมเหมือนกับจะเดือดทะลุ

รอจนกระทั่งอวี๋กานกานกลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิม หน้าแดงซ่านลามไปจนถึงใบหูแล้ว

เธอทั้งเขินทั้งทำตัวไม่ถูกจึงคีบอาหารให้ฟังจือหันอีกครั้ง “กินปลาๆ”

ฟังจือหันขยับเข้ามาใกล้หูเธอ “เมื่อไหร่ผมจะได้กินปลา (เสี่ยวอวี๋) ข้างกายผมล่ะ”

อวี๋กานกาน “…”

อาหารมื้อนี้ทำไมมีรสหวานแบบนี้

ใช้เวลารับประทานอาหารอยู่นาน หลินเซินผู้ช่วยของฟังจือหันหาข้ออ้างเข้ามาในห้องทำงานหลายครั้งแล้ว อวี๋กานกานคิดว่าสายตาเล็กน้อยของหลินเซินทุกครั้งล้วนอยากให้เธอรีบไป อย่ามารบกวนฟังจือหันทำงาน

กินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งพูดคุยกับฟังจือหันครู่หนึ่ง หลินเซินก็เข้ามาอีกครั้ง “ผู้อำนวยการหัน เราควรไปโรงงานผลิตยาได้แล้วครับ”

อวี๋กานกานลุกขึ้น “คุณทำงานเถอะ ฉันก็จะกลับไปก่อน”

เธอคิดว่าถ้าตนเองไม่กลับอีก ห้าต้น[1] คงถือมีดยาวสิบเมตรมาไล่เอาได้

ฟังจือหันจูงมือของอวี๋กานกาน “คุณไปกับผม”

อวี๋กานกานเอ่ยถาม “ให้ฉันไป?” เหมาะเหรอ

ฟังจือหันพยักหน้า “จะได้สอนบทเรียนพิเศษให้คุณได้พอดีเลย”

อวี๋กานกาน “…”

โรงงานผลิตยาของตระกูลเจียงกว้างใหญ่มาก มีโรงงานเก็บวัตถุดิบผลิตยาปฏิชีวนะ ยาสังเคราะห์จากสารเคมี ยาชีวเคมี ยาเคมีชีวภาพและอื่นๆ รวมถึงโรงงานผลิตยาจีน

วันนี้ที่พวกเขาไปก็คือโรงงานผลิตยาจีน

การผลิตยาจีนคือตั้งแต่ในตัวยาสมุนไพรจีน ทฤษฎีแพทย์แผนจีนกับวิทยาการดั้งเดิม วิธีการแปรรูปสมุนไพรสามารถผลิตยาจีนสำเร็จรูป หรือยาเม็ด ยาละลายน้ำ ยาผงและอีกมายมายได้ทันที

เนื่องจากวัตถุดิบของยาจีนถือว่าเป็นผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อย นอกจากการเก็บรักษา ผลิต งานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันแมลงหรือการบูดเน่าก็สำคัญ

วัตถุดิบเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า

ฟังจือหันพาอวี๋กานกานเดินไปรอบๆ แล้วก็มาถึงที่โกดังเก็บวัตถุดิบ

วัตถุดิบสมุนไพรงวดใหม่นี้กำลังขนส่งมา ฟังจือหันลองเปิดกล่องหนึ่งดูตามอำเภอใจ

อวี๋กานกานอยู่ข้างตัวฟังจือหัน เธอเป็นโรคที่ติดมาจากการทำงานเล็กน้อยเผลอตัวคว้าสมุนไพรขึ้นมานิดหน่อยด้วยสัญชาตญาณ…

——

[1] เป็นฉายาที่อวี๋กานกานเรียกหลินเซินผู้ช่วยของฟังจือหัน เพราะชื่อของเขา หลินเซิน (林森) มีตัวอักษร 木 ที่แปลว่าต้นไม้รวมกัน 5 ตัว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท