ตอนที่ 471 อุบัติเหตุหรือคนทำ
แต่อวี๋กานกานหมอบอยู่กับพื้น ทั้งสองมือกอดหัวกับหน้าตนเองเอาไว้แน่น ดังนั้นจึงถูกเศษกระจกบาดแขนเข้า
สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง
นี่มีความเป็นไปได้หนึ่งจากในหมื่นจริงๆ อีกเพียงนิดเดียว แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ ชีวิตน้อยๆ ของเธอก็จะจบลงที่ตรงนี้แล้ว
หลังจากที่ฟังจือหันดีใจแล้วก็เดือดดาลขึ้นมา
สายตาเย็นเฉียบของเขาเหมือนดาบคมซึ่งถูกหล่อหลอมด้วยน้ำแข็งดำพันปี ตะคอกด้วยความโกรธจัดเบาๆ “นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
ห้องแล็บเงียบสนิทในชั่วขณะ ทุกคนต่างไม่กล้าหายใจแรง
“แจ้งฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้อธิบายเหตุผลเหมาะสมกับฉันทันที ไม่งั้นทั้งฝ่ายจะถูกเปลี่ยนทั้งหมด!!” ฟังจือหันทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างเฉียบขาดแล้วจึงอุ้มอวี๋กานกานขึ้นมาในท่าเจ้าสาวรีบเดินออกไป!
ฟังจือหันอุ้มอวี๋กานกานไปที่ห้องทำงานของตนเอง หยิบกล่องยามาจัดการบาดแผลบนแขนเธอ เห็นเธอเหม่อลอยก็เกิดความกังวลขึ้นมาในใจ “เจ็บตรงไหน ผมจะรีบพาคุณไปโรงพยาบาล”
อวี๋กานกานส่ายหน้า “ฉัน…ฉันไม่เป็นไร”
เธอแค่ตกใจที่เฉียดผ่านกับความตายมาเมื่อสักครู่ ก่อนที่จะหมอบลงไป เธอนึกว่าตนเองจะจบเห่แล้วจริงๆ ความรู้สึกก่อนตายแบบนั้นทำให้นึกหวาดกลัว
บรรยากาศรอบตัวฟังจือหันเย็นเฉียบ ดวงตาอันตรายหรี่ลงเล็กน้อย มองดวงหน้าที่สับสนและนึกเสียใจของอวี๋กานกาน หัวใจเหมือนกับถูกมดนับไม่ถ้วนกัดเอา ทำไมเลือดสดๆ ไหลถึงได้เจ็บปวดอย่างยิ่ง
เขากางแขนกอดอวี๋กานกานเข้ามาในอ้อมแขนแน่น น้ำเสียงเย็นชาทุ้มต่ำ “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว”
ในตอนนี้จุดอ่อนของชายหนุ่มถูกเปิดโปง
อวี๋กานกานซบบนหน้าอกฟังจือหันเบาๆ เอื้อมมือโอบรอบเอวเขาแน่น หลับตาลงพลางกระซิบ “ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าฉันจะไม่เป็นไร”
ภายใต้อ้อมกอดของเขา ดวงใจลอยค้างเหมือนกับเพิ่งหาที่พักอันปลอดภัย
ฟังจือหันจูบลงบนเส้นผมเธอ จูบบนหน้าผากเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่จริง “ขอโทษนะ ผมไม่ดีเอง ชอบทำให้เกิดเรื่องกับคุณอยู่เรื่อย”
อวี๋กานกานหัวเราะออกมา “นี่เป็นอุบัติเหตุ เกี่ยวอะไรกับคุณกัน”
อุบัติเหตุเหรอ
ถ้าแค่อุบัติเหตุงั้นก็ช่างเถอะ ไม่อย่างนั้นเขาจะลากคนนั้นมาแน่
“ขอโทษ…” ฟังจือหันพูดเสียงเบา น้ำเสียงแผ่วเบาดุจฝุ่นล่องลอย เขาจูบลงบนริมฝีปากเธอและขบเม้มอย่างอ้อยอิ่งราวกับส่งผ่านความอ่อนโยนจากส่วนลึกที่สุดในร่างกายไปถึงหัวใจเธอ
ฟังจือหันยังไม่วางใจ พาอวี๋กานกานไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผลตรวจเธอไม่เป็นไรจริงๆ ถึงได้วางใจ
กลับมาถึงบ้านอวี๋กานกานก็พูดกับฟังจือหันพร้อมรอยยิ้ม “ฉันเป็นหมอนะ ฉันบอกว่าไม่เป็นไรคุณก็ยังไม่เชื่อ”
“หมอไม่รู้ตัวเอง คุณไม่สบายไม่รู้เหรอ” ฟังจือหันลูบดวงหน้าเย็นเฉียบของเธอ “แขนคุณไม่ค่อยสะดวก ผมไปเปิดน้ำให้ คุณจะได้แช่น้ำอาบ”
เขาจูงอวี๋กานกานเข้าห้องน้ำและเปิดน้ำให้เธอเรียบร้อย อีกทั้งหยิบผ้าเช็ดตัวสะอาดวางไว้ด้านข้าง กำชับซ้ำๆ กับเธอว่าอย่าเปียกถึงได้ออกไป
หลินเซินรออยู่ในห้องรับแขก เห็นฟังจือหันลงมาก็รีบเดินเข้าไปหา “คุณชายหัน ได้…”
ฟังจือหันทำมือเป็นสัญญาณให้หยุดชั่วขณะ ก้าวไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ตรงระเบียงจึงได้พูดคำหนึ่งขึ้นมาอย่างเย็นชา “ว่า”
“ทุกวันอาทิตย์ห้องแล็บจะถูกตรวจซ่อมและทำความสะอาดยกใหญ่หนึ่งครั้ง วันนี้เป็นวันอังคาร ว่าตามเหตุผลแล้วเพิ่งจะตรวจซ้ำไป ไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ดังนั้นผมจึงให้คนไปตรวจสอบรอบหนึ่ง พบว่า…”
หลินเซินหยุดไปแป๊บหนึ่ง ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดไป
ตอนที่ 472 มือมืดปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด
ฟังจือหันมองเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ ริมฝีปากเย็นเฉียบเม้มเป็นเส้น
“โครงเหล็กกระจกชิ้นนี้ก็ไม่ได้ติดตั้งกับโต๊ะ แต่นำมาติดภายหลังตรวจเช็กเครื่องมือ สลักเกลียวแน่นล้วนถูกคลายออกหมด ชัดเจนมากว่ามีคนฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนตั้งใจทำงานจงใจคลายสลักเกลียวให้หลวม”
ดวงตาอ่านยากของฟังจือหันฉายแววเย็นชาเหมือนแสงในฤดูหนาว “ห้องแล็บต่างก็มีกล้องวงจรปิด สืบได้ไหมว่าใครอยู่หลังอุปกรณ์โดยใช้เวลานานที่สุด”
“ตำแหน่งนี้ค่อนข้างห่างไกล เป็นมุมอับกล้องวงจรปิด”
“ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีอะไร ต้องหาเขาให้เจอ” หลังจากฟังจือหันพูดจบก็หยุดไปและเสริมอีกหนึ่งประโยค “ตรวจสอบพนักงานทุกคนในห้องแล็บ โดยเฉพาะคนที่ติดต่อกับลุงรอง กับสกุลเฉียว”
“สกุลเฉียว?” หลินเซินค่อนข้างแปลกใจ
คนที่คุณชายฟังสงสัยคือเจียงซื่อเซิ่ง นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ท้ายที่สุดคนที่สามารถลงมือที่บริษัทยาไป๋ฟังแบบนี้ได้ คิดว่าไม่สงสัยเจียงซื่อเซิ่งคงยาก
แต่เจียงซื่อเซิ่งรู้แก่ใจว่าจะถูกสงสัย พูดตามเหตุผลแล้วก็ไม่รู้ว่าลงมือที่บริษัทยาไป๋ฟัง
ฟังจือหันพูดอย่างเย็นชา “ตระกูลเฉียวสูญเสียไปมาก แทบจะล้มละลายแล้ว เฉียวพั่นเอ๋อร์คว้าทุกอย่าง เฉียวก่วงเฉิงจับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของตระกูลเฉียวเอาไว้ ยากที่จะรับประกันได้ว่าไม่มีใจคิดแก้แค้น พวกเขาแค่รู้สึกว่าเป็นเพราะเสี่ยวอวี๋ ตระกูลเฉียวถึงได้หมดตัว”
ถ้าเป็นลุงรองก็จะมาคิดบัญชีที่เขา
หลินเซินพยักหน้า คิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุด เขาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “แต่ว่าคนตระกูลเฉียวจะติดต่อสนิทสนมกับคนที่ห้องแล็บได้ยังไงครับ”
มุมปากของฟังจือหันหยักขึ้นไม่มีแววประชด “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าแค่เจียงไป๋อันกับบริษัทอันเหอจะมีกำลังคน ปัจจัย แหล่งเงินทุกมากมายขนาดนั้นมาวิจัยและพัฒนายาต้านมะเร็งออกมาได้น่ะ”
“เพราะอย่างนั้นยาคือ…”
“ไม่ว่าเขาเป็นใคร ล้วนต้องสืบมาให้เจอ” ฟังจือหันพูดอย่างสบายๆ แต่ในแรงอาฆาตในดวงตากลับเจือแววกระหายเลือด
“ครับ” หลินเซินพยักหน้า
โทรศัพท์มือถือที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋าดังขึ้น หลินเซินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร สีหน้าของเขาจึงได้เปลี่ยนไปมาก
จบบทสนทนาอย่างรวดเร็ว เขามองฟังจือหันพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ “คุณชายหันครับ เหอสือกุยก็ประสบอุบัติเหตุ”
ดวงตาของฟังจือหันหรี่ลงเล็กน้อย “…”
หลินเซินพูดต่อ “รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมีเจตนาชนเหอสือกุย โชคดีที่เหอสือกุยทักษะพอใช้ได้ หลบไปอีกด้านด้วยความว่องไว เลยรอดพ้นเคราะห์ครั้งนี้อย่างหวุดหวิด เมื่อวานเขาเพิ่งจะถึงเมืองไป๋หยาง วันนี้ทำไมถึงมีคนจะฆ่าเขาแล้ว หรือจะเป็นตระกูลเฉียวจริงๆ”
“ตอนนี้พวกเขาน่าสงสัยมากที่สุด แต่เฉียวก่วงเฉิงเป็นนักธุรกิจที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากคนหนึ่ง เขาทำแบบนี้ก็จะได้อะไรกันล่ะ”
ดวงตาของฟังจือหันหรี่ลงเล็กน้อยพลางจับจ้องไปยังที่ไกลๆ
หลินเซินก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวน ผ่านไปครู่หนึ่งฟังจือหันจึงเอ่ยปาก “ผมจะโทรหาเหอสือกุย”
“ได้ครับ ผมจะรีบโทรหาเขาให้”
หลินเซินหยิบโทรศัพท์มือถือของฟังจือหันออกมาต่อสายไปที่โทรศัพท์มือถือของเหอสือกุย หลังจากต่อสายแล้วก็ส่งให้กับฟังจือหัน
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานมาก คนปลายสายถึงได้รับและทักทายอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ ใครครับ”
“ฟังจือหัน”
สามคำราบเรียบทำให้คนที่ด้านหนึ่งเงียบไป น้ำเสียงของเหอสือกุยนิ่งเรียบ “คุณมีธุระอะไร”
ฟังจือหันบอกเขา “ตอนที่คุณเกิดอุบัติเหตุ เสี่ยวอวี๋ก็เกิดอุบัติเหตุอยู่ที่เมืองหลวง อีกนิดเดียวเธอก็เกือบไม่มีชีวิตรอดมาแล้ว”
น้ำเสียงของเหอสือกุยที่อยู่อีกด้านแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ละล้ำละเลิกด้วยความหวาดหวั่น “คุณว่าอะไรนะ”