จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 74-3 เมื่อศัตรูหัวใจได้พบกัน มักมีอารมณ์โกรธแค้นรุนแรงเป็นพิเศษ
กว่านางจะนำแผนที่มาให้อวี้เฟยเยียน ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
“ที่นี่คือคุกวารีสวรรค์! ท่านอาจารย์ปู่กับศิษย์พี่เฉิงถูกขังไว้ที่นี่!”
“เจ้าสำนักหลินรักษาตัวอยู่ในศาลาแห่งนี้ ทั้งสองที่ล้วนมีผู้คุ้มกันมีฝีมือเฝ้าไว้อยู่ จะมีฝีมือถึงระดับใด ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน! สรุปแล้วก็คือ เจ้าต้องระวังตัว!”
“ละเอียดรอบคอบมาก ขอบคุณ…”
อวี้เฟยเยียนวิเคราะห์แผนที่ในมืออย่างละเอียด ทว่าเพียงครู่เดียว นางก็จดจำแผนที่ทั้งหมดลงไปในหัว
“ช่าช่า พวกเรามาร่วมมือกันจัดการเรื่องนี้กันเถอะ!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้สึกคันไม้คันมือตั้งมานานแล้ว กระตือรือร้นอยากจะไปจัดการเรื่องนี้
เดิมนางเป็นผู้มีนิสัยชอบการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องผู้มีพระคุณอย่างท่านหมอเทวดาฮั่ว หากไม่สร้างความโกลาหลอลหม่านให้กับหอราชาโอสถ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คงไม่เลิกรา
“เจ้าสามารถไปได้ ทว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เจ้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว!”
“ไม่มีปัญหา ข้าเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเชื่อคำพูดของเจ้ามาตลอดอยู่แล้วหรือ ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าตลอดชีวิต!”
เมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมระหว่างเชียนเยี่ยเสวี่ยกับอวี้เฟยเยียน เซวียจื่ออี๋ได้ไว้อาลัยในกับความรักครั้งแรกของเซวียเฉียงอยู่ในใจ คนหนึ่งคือคือหลินเจียงอ๋อง อีกคนหนึ่งคือเยี่ยนอ๋อง ไหนจะเหลียนจิ่น เจ้าจะเอาอะไรไปสู้กับพวกเขากัน!
พวกเจ้าต้องระมัดระวังตัวมากๆ !”
หลังจากที่อวี้เฟยเยียนกับเชียนเยี่ยเสวี่ยสวมชุดอำพรางกายและหายไปทางหน้าตา เซวี่ยจื่ออี๋ก็ยืนมองอยู่ข้างหน้าต่างเป็นเวลานานมาก
จะต้องแคล้วคลาดปลอดภัย!
ทั้งสองไปตามที่แผนที่แสดงไว้ จนอวี้เฟยเยียนกับเชียนเยี่ยเสวี่ยมาถึงคุกวารีสวรรค์
ความหมายของคุกวารีสวรรค์นั้น หมายถึงคุกที่มีน้ำไหลรินลงมาจากบนท้องฟ้า จุดที่ตั้งนั้นอยู่ใต้น้ำตก
เมื่อมองเห็นกรงขังเหล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางหน้าผาที่สูงชัน แกว่งไปตามแรงดันของน้ำตกและไปกระทบกับหินจนเกิดเสียงตึงตัง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็เริ่มโมโห นางอยากจะปรากฏตัวออกไป ทว่าอวี้เฟยเยียนกลับใช้มือฉุดยื้อนางไว้เสียก่อน
“ช้าก่อน มีคนอยู่!”
เป็นไปอย่างที่อวี้เฟยเยียนพูดไว้จริงๆ เชียนเยี่ยเสวี่ยพบว่ามีชายชุดดำคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ตรงโขดหินข้างน้ำตก ส่วนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามชายชุดดำคนแรก
“พี่ใหญ่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือ!”
“ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวอย่างชัดเจน ไยท่านถึงได้ลงโทษพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม!”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังแล้วดูคุ้นหูมาก รอจนอวี้เฟยเยียนตั้งใจมองอย่างละเอียดจึงพบว่า นั่นเป็นเสียงของท่านผู้เฒ่าเจ็ดที่พบที่หอราชาโอสถสาขาย่อย
ขณะนี้ท่านผู้เฒ่าเจ็ดมองไปที่ท่านผู้เฒ่าใหญ่ด้วยความโกรธ เขาโมโหจนทั้งร่างสั่นระริกไม่หยุด
“บริเวณหน้าอกของเจ้าสำนักมีรอยฝ่ามือสีดำคล้ำอย่างชัดเจน และนี่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาห้าพิษของสำนักหมื่นพิษ ผู้ที่ทำร้ายเจ้าสำนักเป็นคนของสำนักหมื่นพิษ หาใช่เหล่าฮั่วไม่!”
“เหล่าชี เจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าใหญ่เต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ
“ไม่แน่เขาอาจจะขอความช่วยเหลือจากสำนักหมื่นพิษก็ได้ หลายปีมานี้สำนักหมื่นพิษไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง มีงานประลองปรุงโอสถครั้งไหนบ้างที่พวกเขาไม่ก่อความวุ่นวาย คนทรยศนี้อาจจะสมคบคิดกับสำนักหมื่นพิษ เพื่อทำลายศิษย์ในหอราชาโอสถ ก็เป็นเรื่องง่ายๆ เช่นนี้”
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
ท่านผู้เฒ่าเจ็ดอย่างไรก็ไม่เชื่อคำพูดของท่านผู้เฒ่าใหญ่
“ข้ากับเหล่าฮั่วโตมาด้วยกัน เขานิสัยอย่างไร มีหรือที่ข้าจะไม่รู้! ข้าไม่มีทางทำเรื่องหักหลังศิษย์ในสำนักอย่างแน่นอน!”
เมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าเจ็ดเริ่มเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ ท่านผู้เฒ่าใหญ่จึงเริ่มรำคาญ
“เหล่าชี ตำแหน่งเจ้าสำนักนี้แต่เดิมควรเป็นของเหล่าฮั่ว หากไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักเล่นแผนตุกติก ร่วมมือกับผู้อื่นทำร้ายเขา ผู้ที่เป็นเจ้าสำนักในเวลานี้ก็คงเป็นเหล่าฮั่ว แม้เรื่องนี้จะผ่านไปนานแล้ว ทว่าเจ้ารับประกันได้หรือว่าเขาจะไม่มีความโกรธแค้นในใจ”
“นี่…”
ท่านผู้เฒ่าเจ็ดหยุดชะงักไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังยืนกรานส่ายหน้าไปมา “ไม่มีทาง เหล่าฮั่วไม่มีทางเป็นคนเช่นนั้น!”
“อย่างไรข้าก็ทนเห็นท่านทรมานเขาไม่ได้!”
ในชั่วขณะนี้เองภายในกรงขังเหล็กก็มีเสียงอ่อนแรงลอยออกมา
“ผู้เฒ่าเจ็ด เร็วเข้า รีบหนีไป! เขาไม่ใช่ผู้เฒ่าใหญ่!”
เสียงนั้นแม้จะเบามาก ทว่าทุกคำในประโยคกลับชัดเจน เมื่อท่านผู้เฒ่าเจ็ดได้ยินสีหน้าจึงเปลี่ยนไป
“เหล่าฮั่ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหล่าฮั่ว!”
“รีบหนีไป…”
ท่านหมอเทวดาฮั่วพยายามใช้แรงทั้งหมดเปล่งเสียงดังออกมา!
ไฉนจะรู้ว่าในเวลานี้ท่านผู้เฒ่าใหญ่ได้มายืนอยู่ข้างหลังท่านผู้เฒ่าเจ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาแสยะยิ้ม เขาใช้ฝ่ามือกระแทกที่ด้านหลังของท่านผู้เฒ่าเจ็ด “อยากจะหนีหรือ ไม่ทันเสียแล้ว!”
พรวด…
ท่านผู้เฒ่าเจ็ดกระอักเลือดออกมา เขามองไปที่ท่านผู้เฒ่าใหญ่อย่างคาดไม่ถึง สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ “เจ้าคือ คนของสำนักหมื่นพิษ…”
“ไปตายซะ!”
ท่านผู้เฒ่าใหญ่ออกแรงผลักเพียงเล็กน้อย ท่านผู้เฒ่าเจ็ดก็ตกลงจากหน้าผาที่สูงชัน และร่วงหล่นตกลงไปในบึงน้ำอย่างแรง
“ผู้เฒ่าเจ็ด…”
มือทั้งสองของท่านหมอเทวดาฮั่วเกาะกรงเหล็กด้วยความสั่นคลอน พยายามเสาะหาว่าท่านผู้เฒ่าเจ็ดบาดเจ็บอย่างไรบ้าง ทว่าเนื่องจากว่าสีฟ้ายามค่ำคืน ด้านล่างจึงมืดสนิท จะมองเห็นเงาคนได้เสียที่ไหน
“สำนักหมื่นพิษ!”
คำพูดของท่านผู้เฒ่าเจ็ดที่กล่าวไว้ก่อนตาย ยังดังก้องอยู่ในหูของท่านหมอเทวดาฮั่ว
แม้ท่านหมอเทวดาจะรู้ว่าท่านผู้เฒ่าใหญ่คนนี้หาใช่ท่านผู้เฒ่าใหญ่ไม่ ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถเดาได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่
บัดนี้ทุกอย่างกลับเปิดเผยออกมา
ท่านหมอเทวดาฮั่วเงยหน้ามองท่านผู้เฒ่าใหญ่ที่อยู่ยืนอยู่บนหน้าผา ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธ
“เจ้าเป็นคนของสำนักหมื่นพิษ! ข้ารู้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นที่เฟิ่งหมิ่งก็เป็นฝีมือของเจ้า! เจ้านำตัวผู้เฒ่าใหญ่ไปไว้ที่ใด เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?!”
“ทำอะไรหรือ”
ท่านผู้เฒ่าลูบหน้ากากหนังมนุษย์บนหน้า เผยให้เห็นใบหน้าขรุขระ
คนผู้นี้ท่านหมอเทวดาฮั่วรู้จักดี ผู้คุ้มกันมือซ้ายของสำนักหมื่นพิษ!
“พวกเจ้าหอราชาโอสถไม่ใช่โอ้อวดว่าตนเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรือ”
“จุดประสงค์ของข้า แน่นอนก็เพื่อทำลายชื่อเสียงของหอราชาโอสถ ข้าต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่าภายในหอราชาโอสถเน่าเฟะขนาดไหน หลังจากงานประลองปรุงโอสถครั้งนี้ ผู้คนในแผ่นดินใหญ่ทุกคนจะต้องสลัดหอราชาโอสถทิ้ง หลังจากนั้นนี่ก็จะเป็นสวรรค์บนดินของสำนักหมื่นพิษแล้ว! ฮ่าๆ ๆ ๆ !”
ท่านผู้เฒ่าใหญ่เดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะ คำพูดของเขายังดังก้องอยู่ในหูของท่านหมอเทวดาฮั่ว และกระแทกเข้าสู่ใจของเขาอย่างแรง
ไม่ได้!
หอราชาโอสถเป็นเสมือนจิตวิญญาณของท่านอาจารย์หลายรุ่นในอดีต อย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยให้หอราชาโอสถถูกทำลายลงในรุ่นของพวกเขา อย่างไรก็ไม่ได้!
“มีใครอยู่ที่ไหนหรือไม่ มีใครไหม ใครก็ได้เข้ามาที!”
ท่านหมอเทวดาฮั่วยังพยายามตะโกนเสียงดัง ไฉนจะรู้ว่าตำแหน่งที่ตั้งนี้ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ได้ยินแค่เสียงน้ำตกเท่านั้น ไม่มีใครผ่านมาอยู่แล้ว
จบสิ้นหมดแล้ว!
ท่านหมอเทวดาฮั่วนั่งลงในกรงเหล็ก เปียกชื้นไปทั่วร่าง
พรุ่งนี้จะมีงานประลองปรุงโอสถแล้ว!
ผู้ที่มาร่วมงานล้วนเป็นราชนิกุลบุคคลที่มีชื่อเสียง หากสำนักหมื่นพิษทำเรื่องชั่วร้ายในงานประลองปรุงโอสถ หอราชาโอสถต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนทำเรื่องชั่วร้ายเหล่านั้น
เมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะเป็นเหมือนกันที่มือซ้ายของสำนักหมื่นพิษพูดไว้ หอราชาโอสถจะกลายเป็นคนเลวที่ใครๆ ก็ต่างพากันเกลียดชัง!