ตอนที่ 77-5 ข้ามาหาเรื่อง ไม่ยินยอมหรือ
วาจาอวี้เฟยเยียนทำเลี่ยเชวียและผู้เฒ่าใหญ่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
หรือว่านางเด็กเมื่อวานซืนนี่รู้อะไรเข้าแล้ว
คิดไปคิดมา ทั้งสองก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความสัมพันธ์พวกเขา อวี้เฟยเยียนมิมีทางรู้ได้อย่างแน่นอน
“ในเมื่อท่านไม่เต็มใจ เช่นนั้นท่านว่าควรจะเป็นอย่างไร”
เลี่ยเชวียโกรธฮึดฮัด เขาสะบัดมือสีดำคล้ำของเขาเป็นการระบาย
“มีอะไรก็รีบว่ามา เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว!”
“วิธีการข้าง่ายนิดเดียว ให้เวลาหนึ่งวัน เด็กห้าคน ตัดสินแพ้ชนะ”
อวี้เฟยเยียนกล่าวต่อว่า
“เด็กสิบสองคนสิ้นเปลืองเวลาเกินไป ขอเพียงแค่ห้าคน”
“สำนักหมื่นพิษวางยาพิษ หากว่าหอราชาโอสถถอนพิษไม่ได้ภายในสองชั่วยาม ก็ให้เป็นหน้าที่ข้า หากภายในวันนี้ข้าสามารถช่วยชีวิตเด็กทั้งห้าคนได้ ก็ถือว่าข้าชนะ!”
“ห้าคน อวี้หลัวช่า นี่เจ้าเอ่ยปากมาก็ลดลงสามส่วนสี่เชียวหรือ!”
“ยิ่งกว่านั้นหอราชาโอสถมีเวลาเพียงสองชั่วยาม ที่เหลือเป็นเวลาของเจ้า นี่เจ้ายังกล้าเอ่ยปากออกมาอีกงั้นหรือ!”
เลี่ยเชวียไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนางเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่นางคาดการณ์เอาไว้แล้ว
“เหอะ ทูตขวา ท่านและข้าล้วนแล้วมิใช่นักปรุงยาธรรมดา จึงมิจำเป็นจะต้องลีลามากความกระมัง”
“สองชั่วยามคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตคน หากภายในสองชั่วยามหอราชาโอสถยังช่วยคนไม่ได้ เมื่อมาถึงข้า ท่านคิดว่ายังมีความหวังอีกเท่าไหร่กัน ในการที่จะดึงพวกเขาจากเงื้อมมือมัจจุราชกลับมากัน”
“ท่านทั้งสองล้วนแต่เป็นทูตซ้ายขวาของแห่งสำนักหมื่นพิษ แล้วยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยทำไมอีก”
“อีกอย่างหนึ่ง ความร้ายแรงของพิษมิได้ขึ้นอยู่กับปริมาณหากแต่ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นต่างหาก หรือว่าพวกท่านสำนักหมื่นพิษ มิมีวิชาเฉพาะตัวบ้างเลยหรือไร”
“ยี่สิบคน ให้ข้าถอนพิษคนเดียว หรือท่านคิดว่าข้าเป็นเทพเซียนงั้นหรือ หรือว่า งานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้เป็นกับดักที่ท่านและหอราชาโอสถร่วมมือกัน เจตนาวางไว้ แล้วให้ข้าเดินไปติดกับกันเล่า”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!”
ผู้เฒ่าใหญ่รีบร้อนออกปากปฏิเสธคำกล่าวหาอวี้เฟยเยียนทันที
“ท่านคิดมากไปแล้ว!”
คารมคมคายของอวี้เฟยเยียน ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนอดลูบคางของตนเองอย่างครุ่นคิดไม่ได้
มิเสียแรงที่เป็นแมวน้อยของพี่!
ศัตรูอยู่ตรงหน้า กลับมิร้อนรนเลยแม้แต่น้อย หัวจิตหัวใจเช่นนี้ มีความเป็นพี่อยู่มากทีเดียว
ครุ่นคิดอยู่นาน ผู้เฒ่าใหญ่ถึงเอ่ยปาก
“แต่ หากภายในสองชั่วยามเด็กพวกนี้ตายล่ะ จะทำอย่างไรเล่า”
ผู้เฒ่าใหญ่ต้องคิดให้รอบด้าน เพราะรู้สึกว่าในวาจาอวี้เฟยเยียนมักจะมีกับดักเสมอ เขาจำต้องรับมือด้วยความระมัดระวัง
“ผู้เฒ่าใหญ่ เช่นนั้นก็แสดงว่าหอราชาโอสถไร้น้ำยาน่ะสิ!”
อวี้เฟยเยียนบีบนวดนิ้วมือตนเอง สีหน้าเตรียมพร้อมรับมือ
“ไม่เช่นนั้น ท่านยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยดีกว่า! แล้วให้ข้ากับสำนักหมื่นพิษแข่งขันกันให้เต็มที่สักรอบหนึ่ง รอจนข้าทรมานเจ้าพวกคนเลวนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วท่านกับสำนักหมื่นพิษค่อยเอาหัวมามอบให้กับข้าทีเดียวก็เรียบร้อยแล้ว!”
ข้อเสนออวี้เฟยเยียนวิธีที่ดี ผู้เฒ่าใหญ่ต้องตกลงทำเช่นนี้แน่นอน
หลังจากผู้เฒ่าใหญ่กัดฟัน ตอบรับข้อเสนอนั้นแล้ว เขาและเลี่ยเชวียก็สบสายตากันเพื่อสื่อสาร ครั้งนี้จะต้องใช้พิษร้ายแรงเ**้ยมโหดที่สุด!
เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในงานชุมนุม ผู้เฒ่าใหญ่ได้จัดคนเฝ้าหมอเทวดาฮั่วและผู้เฒ่าเจ็ดเอาไว้ นอกจากนั้นยังตระเตรียมนักรบระดับสูงอีกสามสี่คน สามในสี่คนเป็นขั้นหลอมรวม อีกสองคนอยู่ในขั้นราชัน
ในเมื่ออวี้เฟยเยียนยื่นข้อเสนอเช่นนี้ ถึงตอนนั้นก็ให้คนถ่ายทอดพลังเสวียนให้แก่เด็กทดลองยาเพื่อรักษาลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาเอาไว้ มิให้ตายในทันที เรื่องง่ายๆเช่นนี้ แค่ขั้นราชันทำได้อย่างแน่นอน
รอจนกระทั่งผ่านสองชั่วยามไปแล้ว หยุดถ่ายทอดพลัง ถึงตอนนั้นเมื่อไม่มีพลังเสวียนรักษาชีพจรเอาไว้ เด็กนั่นก็ต้องตายอย่างแน่นอน!
แล้วคอยดูว่าอวี้เฟยเยียนจะช่วยชีวิตเด็กห้าคนอย่างไร!
ขอเพียงนางพ่ายแพ้ จะฆ่าจะแกงนางอย่างไรก็ได้
ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าใหญ่จะรู้ว่าอวี้เฟยเยียนสำเร็จขั้นจอมเทวาแล้ว แต่ว่าคนที่เพิ่งสำเร็จขั้นเทวา ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของหูซาที่สำเร็จขั้นจอมเทวามานานได้หรอก!
จนถึงตอนนี้ อวี้เฟยเยียนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เฒ่าใหญ่จะใช้มาทำยามนุษย์ได้
เป็นถึงจอมเทวาแล้วยังเป็นจักรพรรดิโอสถ หากเอามาทำเป็นยามนุษย์ละก็ หุ่นเชิดเช่นนี้ เพียงแค่คิดก็รู้สึกได้ถึงความเก่งกาจแล้ว
เดิมทีใช้เด็กยี่สิบคนในการทดลองยาในครั้งนี้ แต่อวี้เฟยเยียนกลับผ่อนผัน จนสามารถช่วยเด็กสิบห้าในยี่สิบคนเอาไว้ได้ แขกที่มาร่วมงานชุมนุมประทับใจกับการกระทำอวี้หลัวช่าเป็นอย่างมาก
เพราะไม่ว่าอย่างไร นั่นก็คือชีวิตคน!
ต่อให้เป็นการใช้เงินซื้อมาก็ตามที แต่พวกเขาก็เป็นคน ไม่ใช่สุนัขหรือแมว!
ใช้คนเป็นๆ มาทดลองยา วิธีการนี้ออกจะโหดเ**้ยมเกินไปหน่อย
พฤติกรรมนี้ขัดกับภาพลักษณ์หอราชาโอสถที่มีคุณธรรมทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ในใจใครหลายคนเริ่มเต้นขึ้นมา รู้สึกว่างานชุมนุมในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันในเวลานี้ อวี้เชียนเสวี่ย เซวียเฉียงและเซวียจื่ออี๋เข้าไปที่ผู้ชมอย่างเงียบๆ เพื่อไปหาบุคคลที่พวกเขารู้จัก แล้วบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้พวกเขาฟัง
ถึงแม้จะมีคนบางส่วนมิเชื่อคำบอกเล่าเหล่านั้น แต่ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นแล้วแน่นอน ทำให้หลายคนเริ่มเพิ่มความระมัดระวัง รู้สึกขอบคุณต่อคำเตือนของอวี้เชียนเสวี่ยและพวกเป็นอย่างมาก
เมื่อทำภารกิจที่อวี้เฟยเยียนมอบหมายให้สำเร็จ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลุกขึ้นยืนแล้วโบกไม้โบกมือให้กับอวี้เฟยเยียน
“ช่าช่า! สู้ๆ! ทรมานพวกสุนัขแก่นั้นให้สาสม อย่ายั้งมือเด็ดขาด!”
อวี้เฟยเยียนเข้าใจความหมายเชียนเยี่ยเสวี่ยดี
ก่อนหน้านี้ทั้งสองปรึกษาเคยหารือเรื่องการรับมือหูซาแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยบอกกับอวี้เฟยเยียนแล้วครั้งแล้วว่าจะฆ่าหูซา พี่น้องทุกคนต่างก็เห็นด้วย!
เสียงตะโกนเชียนเยี่ยเสวี่ยนี้ ทำให้ความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงมาที่นาง
มีเสียงเล่าลือว่า เยี่ยนอ๋องรักหลัวช่ามากขนาดทุ่มเทถวายหัวให้ ครั้งนี้เขากล้าที่จะก้าวออกมาให้กำลังใจอวี้เฟยเยียน จึงเห็นได้ชัดเจนว่ารักจริง!
แต่ทว่า เมื่อเสียงเล่าลือนี้เข้าหูซย่าโหวฉิงเทียนเข้า สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ใช่!
เจ้างี่เง่านี่ นี่แหละ!
เมื่อคิดถึงว่าหอราชาโอสถตามตอแยแมวน้อยไม่เลิก จนถึงขนาดทำให้แมวน้อยต้องสลัดเขาไว้เบื้องหลัง นั่นให้อภัยมิได้เลยจริงๆ!
ซย่าโหวฉิงเทียนเกือบลืมไป เมื่อวานเขายืนอยู่ที่ด้านนอกประตู ได้ยินเชียนเยี่ยเสวี่ยมาไล่ถามอวี้เฟยเยียนว่า ระหว่างตัวเขากับซย่าโหวฉิงเทียนใครรูปงามกว่ากัน
คำตอบอวี้เฟยเยียนคือ ทั้งสองต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป
นี่มันคำตอบบ้าอะไรกัน!
ซย่าโหวฉิงเทียนคิดมาโดยตลอดว่า ในใจอวี้เฟยเยียนเขาควรจะเป็นคนที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
แต่จู่ๆ กลับมีเชียนเยี่ยเสวี่ยโผล่มาจากไหนไม่รู้ ซึ่งดีพอๆ กับเขา มันช่างน่าโมโหจริงๆ!
ดูแล้ว ในใจอวี้เฟยเยียน เชียนเยี่ยเสวี่ยมีความสำคัญมากทีเดียว!
เมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาที่เย็นชาและไม่เป็นมิตรมายังที่ตนเอง เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงมองตอบ เมื่อเห็นว่าเป็นซย่าโหวฉิงเทียน เชียนเยี่ยเสวี่ย เฮอะ ออกมาคำหนึ่ง แล้วลูบจมูกของตนเองเบาๆ
“มองอะไร ไม่เคยเห็นชายรูปงามหรืออย่างไรหา! ข้ารูปงามกว่าเจ้า ไม่ยอมรับหรือ”
“ฮือ… “
อวี้เฟยเยียนได้ฟังประโยคนั้น ก็หัวเราะออกมา
ไม่เพียงแต่อวี้เฟยเยียนเท่านั้น แม้กระทั่งบรรดาแขกผู้มาร่วมงานล้วนหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน
“เยี่ยนอ๋องปะทะหลินเจียงอ๋อง คนหนึ่งมารร้าย อีกคนราชนิกุลสูงส่ง”
บุรุษรูปงามสองคนแข่งขันตัดสิน นับว่าเป็นละครฉากเด็ดทีเดียว!
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่หลินเจียงอ๋องออกมาปกป้องอวี้หลัวช่า และระหว่างเยี่ยนอ๋องกับอวี้หลัวช่าก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอีกด้วย นี่ถือเป็นเอ่อ…รักสามเส้าที่แสนซับซ้อนใช่หรือไม่
เชียนเยี่ยเสวี่ยหาได้สนใจว่าท่าทางซย่าโหวฉิงเทียนไม่ นางก้าวฉับๆ เข้าไปหาอวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีทันที
คำก็ลุงสาม สองคำก็ป้าสาม เรียกเสียจนคนทั้งสองหน้าร้อนแก้มแดง ท่าทีอึดอัด
“ท่านเยี่ยนอ๋อง ข้ายังเป็นแม่นางน้อยอยู่นะ!”
ผิวพรรณสีน้ำตาลข้าวสาลีของมู่เหนี่ยนซี แดงเปล่งปลั่งขึ้นมา
“ท่านป้าสาม ท่านอย่าถ่อมตัวอีกต่อไปเลย ในใจข้ายอมรับว่าท่านเป็นท่านป้าสามเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็คาดหวังและเชื่อ ใช่หรือไม่ ลุงสาม!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่อวี้เชียนเสวี่ย
“ใครเป็นลุงสามของเจ้ากัน!”
ต้องเผชิญหน้ากับ เยี่ยนอ๋อง ที่ตอแยไม่เลิก อวี้เชียนเสวี่ยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เสี่ยวเยียนเยียนละก็เรื่องส่วนตัวขนาดนี้ก็ไปบอกเชียนเยี่ยเสวี่ยเสียได้ หรือว่าระหว่างพวกเขามีอะไรที่ลึกซึ้งจริงๆงั้นหรือ
“ลุงสาม ท่านกล่าวเช่นนี้ ผิดแล้ว ท่านคือลุงสามช่าช่า ก็เป็นลุงสามของข้าด้วย! ของนางก็เหมือนของข้า ไม่แตกต่างกัน!”
กล่าวจบก็ตบที่อกของตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ช่าช่าต่อกรกับคนชั่วพวกนั้น ข้าจะเป็นคนปกป้องพวกท่านเอง!”
“ใครต้องการกัน”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์หึงหวงชัดเจนลอยมา
“ข้าจะเป็นผู้ปกป้องพวกเขาเอง!”