จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 85-1 ฝ่าบาท องค์หญิงเสวี่ยตั้งครรภ์
ท่าทีของลั่วหยางอ๋อง ทำให้หลี่รุ่ยหนาวเหน็บ
นางเหลือบตามองตามแผ่นหลังอวี้เชียนเสวี่ยที่ไกลออกไปเรื่อยๆ อีกครั้ง แผ่นหลังที่ตั้งตรงราวกับเข็มเล่มหนึ่งที่เสียดแทงเข้าไปในใจนาง มันเจ็บปวดเสียจนหลี่รุ่ยแทบขาดใจ
ในตอนนั้นเอง เสียงเม่ยเหนียงดังลอดออกมาจากรถม้า
“ท่านอ๋อง เม่ยเหนียงเจ็บแผลที่เอวจังเลยเพคะ! ท่านอ๋องช่วยดูให้เม่ยเหนียงหน่อยเจ้าค่ะ…”
“โอ้…เจ้าบาดเจ็บมากทีเดียว! ซย่าโหวฉิงเทียนเจ้าเดรัจฉาน ทำกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
“ท่านอ๋อง มันน่าเกลียดมากหรือไม่เจ้าคะ จะเป็นรอยแผลเป็นหรือเปล่า แล้วต่อไปข้าน้อยจะอยู่อย่างไรกัน!”
“ไม่หรอก เม่ยเหนียง! ข้ามียาขนานเอกไว้ทาบาดแผล ใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อมาจากหอนภาหอมเชียวนะ ให้เจ้าทั้งหมดเลย! ข้ารับรองเลยว่าทายานี่แล้ว จะมิทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้อย่างแน่นอน!”
“จริงหรือเจ้าคะท่านอ๋อง ท่านอ๋องดีกับเม่ยเหนียงยิ่งนัก!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้านั้นอ่อนโยนกับสตรีเสมอ!”
ได้ยินเสียงสนทนานั้นแล้ว หลี่รุ่ยก็รู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก
ทว่า นางจะทำอะไรได้อีกเล่า
ตระกูลนางดันยืนข้างผิดในช่วงเหตุการณ์วุ่นวายเจ็ดอ๋อง จึงถูกฝ่าบาทจงชังน้ำหน้าเข้าให้
ดังนั้นบุคคลเพียงคนเดียวที่หลี่รุ่ยจะพึ่งพาได้นั่นก็คือลั่วหยางอ๋อง
หากเทียบกับการจัดการนางจิ้งจอกพวกนั้นแล้ว หน้าที่สำคัญที่สุดของหลี่รุ่ยนั่นก็คือจะต้องให้กำเนิดผู้สืบทอดตำแหน่งให้กับลั่วหยางอ๋องให้จงได้
ทายาท เป็นสิ่งที่ซย่าโหวอี้ให้ความสำคัญมากที่สุด
หลายปีที่ผ่านมา หลี่รุ่ยเที่ยวหาหมอและนักปรุงยามามากมาย กินยามาตั้งหลายขนาน แต่ก็ไม่มีทีท่าจะตั้งครรภ์ขึ้นมาบ้างเลย
เพราะเหตุนี้ ซย่าโหวอี้จึงเริ่มเย็นชากับนาง
การมาเข้าร่วมการประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ เดิมทีหลี่รุ่ยตั้งใจว่าจะเชิญนักปรุงยาจากหอราชาโอสถช่วยตรวจร่างกายให้นาง
ใครจะคาดคิด งานประลองโอสถในครั้งเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ประตูใหญ่ของหอราชาโอสถปิดลงไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก ความหวังของหลี่รุ่ยจึงสูญสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
แต่ทว่า หลี่รุ่ยสืบข่าวมาได้ว่า
งานประลองโอสถในครั้งนี้ ได้บังเกิดจักรพรรดิโอสถคนแรกของแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ขึ้น
จักรพรรดิโอสถเชียวนะ!
ข่าวนี้ทำให้หลี่รุ่ยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
วิชาแพทย์สูงส่งกว่าหมอเทวดาฮั่วเสียอีก!
หากว่านางตามหาจักรพรรดิโอสถอวี้หลัวช่าเจอละก็ ไม่แน่ว่านางอาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ กระทั่งให้กำเนิดบุตรชาย!
เมื่อมีลูกชาย นางก็จะมีที่พึ่งพาและพึ่งพิง ชีวิตของนางก็คงจะไม่ย่ำแย่เช่นวันนี้ที่ยังต้องอดทนอดกลั้นกับนังจิ้งจอกเหล่านั้นด้วย
อดทนไว้ก่อนเถอะ!
อดทนเอาไว้ก่อน!
หน้าที่สำคัญที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือ ต้องตามหาอวี้หลัวช่าให้เจอ ทำให้ตนเองตั้งครรภ์ให้จงได้!
เมื่อนางตั้งครรภ์ ให้กำเนิดบุตรชายแล้ว นางจะได้มีทุกสิ่งทุกอย่าง!
ขณะนั้นเองก็มีเสียงหยอกล้อต่อกระซิบ ‘ไอหยา’ ดังแว่วออกมา หลี่รุ่ยยืนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านนอก สีหน้าแข็งกระด้าง
ท่านอ๋อง หญิงผู้นี้ เมื่อครู่เพิ่งจะกินอุจจาระสุนัขต่อหน้าธารกำนัลมานะเพคะ!
มาตอนนี้ท่านจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง มิเท่ากับกินอุจจาระทางอ้อมหรอกหรือ
คำพูดนี้ดังอยู่ในใจของหลี่รุ่ย
นางมิอาจกล่าวมันออกมาได้ เพียงแค่รู้สึกว่าตนเองกำลังร้อนรุ่มในใจมากยิ่งขึ้น ตรงหน้าของนางยังปรากฏภาพที่อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีหยอกล้อต่อกระซิบกัน
ในตอนที่อวี้เชียนเสวี่ยลมปราณสูญสิ้น จากแม่ทัพหนุ่มผู้กล้าหาญเกรียงไกรกลับกลายเป็นคนพิการ ดังนั้นตระกูลหลี่จึงยกเลิกการแต่งงาน
ที่ร้ายไปกว่านั้นคือในตอนนั้นตระกูลอวี้แทบจะล่มสลาย อวี้เชียนสวินตายในสนามรบ อวี้เชียนหานหายสาบสูญไป อวี้เชียนเสวี่ยกลายเป็นคนพิการ อวี้จิงเหลยมีตำแหน่งโหวเหยี่ยที่มีแต่ชื่อ แต่ไร้ซึ่งอำนาจทำให้ตำแหน่งในสังคมตระกูลอวี้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว…
มุ่งเข้าหาด้านที่มีผลประโยชน์ นับเป็นสันดานเดิมของมนุษย์ ในสภาวะเช่นนั้น เป็นใครก็ย่อมต้องเลือกที่จะกระทำเช่นนี้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าหลี่รุ่ยจะมีสถานะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของอวี้เชียนเสวี่ย แต่อวี้เชียนเสวี่ยและตระกูลอวี้ให้ชีวิตและลาภยศสรรเสริญตามที่นางต้องการมิได้
ดังนั้น เมื่อลั่วหยางอ๋องมาสู่ขอนางเป็นพระชายาเอก หลี่รุ่ยจึงตกปากรับคำโดยไม่ลังเล
มาวันนี้หลี่รุ่ยรู้สึกตัวแล้วว่าตนเองเลือกผิดไป
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีพลิกผัน
ตระกูลอวี้ผ่านมันมาได้ จนกลับคืนไปเป็นตระกูลสูงศักดิ์ได้อีกครั้ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่หลี่รุ่ยคาดไม่ถึงจริงๆ
มาวันนี้ถึงแม้ว่าตระกูลอวี้จะหลงเหลือสมาชิกไม่มาก แต่อวี้จิงเหลยก็เป็นขุนนางเก่าแก่ที่ฝ่าบาททรงให้ความยำเกรงมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นโหวเหยี่ยที่มีความจงรักภักดีและมีคุณธรรม อีกทั้งตระกูลอวี้ก็มีจอมเทวาอวี้เฟยเยียนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
ขอเพียงแต่จอมเทวาอวี้เฟยเยียนยังอยู่ เกียรติยศตระกูลอวี้ก็จะยังคงมีสืบต่อไป
จอมเทวาเชียวนะ!
นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายไขว่คว้าต้องการมานับร้อยปี ซึ่งตระกูลอวี้กลับมีวาสนานี้ ลูกหลานตระกูลอวี้เป็นถึงจอมเทวา!
คงจะเป็นเรื่องวาสนาที่พลิกผันสินะ!
เมื่อครู่หลี่รุ่ยเห็นชัดเจนว่าอวี้เชียนเสวี่ยไม่เพียงไม่ได้พิกลพิการเฉกเช่นเมื่อก่อน แต่เขาแลดูสดใสเปี่ยมด้วยพลังและมีชีวิตชีวา ไม่มีท่าทีของผู้ที่ลมปราณแตกซ่านเลยสักนิด ต่างกับอวี้เชียนเสวี่ยที่นางจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง
ภายหลังจากที่หลี่รุ่ยแต่งงานออกไปแล้ว ก็อาศัยอยู่กับซย่าโหวอี้ที่เมืองหลวง เช่นนี้นางยังสามารถที่จะสืบข่าวคราวเกี่ยวกับอวี้เชียนเสวี่ยได้
เพียงแต่ว่าคุณชายเล็กแห่งตระกูลอวี้หลังจากที่ถูกยกเลิกงานแต่งงานแล้วก็กลับกลายเป็นบุคคลที่ล้มเหลว หมดอาลัยตายอยาก ทำให้ตระกูลอวี้กลายเป็นราชนิกุลสูงส่งที่โดนหัวเราะเยาะแห่งเมืองหลวง ภายหลังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกอีกว่า อวี้เชียนเสวี่ยมิเพียงกลายเป็นคนพิการ รูปร่างหน้าตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ไปด้วย รวมทั้งอารมณ์นิสัยเขากลายเป็นแปลกประหลาดพิสดารไปด้วย
ในวันนี้ อวี้เชียนเสวี่ยไม่เพียงไม่เหมือนกับสิ่งที่ผู้คนเล่าลือกันเท่านั้น ตรงกันข้ามกลับหล่อเหลา สง่างามกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
หรือว่าเขาพบอะไรดีๆ กันนะ
หลี่รุ่ยก้มหน้าคิดใคร่ครวญอย่างหนัก เมื่อครู่ทิศทางที่คณะของอวี้เชียนเสวี่ยเดินทางออกมาคลับคล้ายคับคลาว่าเป็นทิศทางจากหอราชาโอสถ
ไม่แน่นะว่าอวี้เชียนเสวี่ยอาจจะไปเจอกับอวี้หลัวช่า!
ใช่!
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
ยิ่งคิด หลี่รุ่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่นางคาดการณ์นั้นถูกต้อง ในเมื่ออวี้หลัวช่าสามารถรักษาลมปราณที่เสียหายของอวี้เชียนเสวี่ยได้ เช่นนั้นจะต้องทำให้นางตั้งครรภ์สำเร็จได้อย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความแค้นเคืองที่หลี่รุ่ยมีต่อซย่าโหวอี้ก็เพิ่มขึ้นมาอีกกระทง
หากมิใช่เขาต้องการฉุดรั้งหญิงชาวบ้านแต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม สุดท้ายก็โขกหัวตนเองฆ่าตัวตายที่หน้ารถม้านั่น เป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากตามมา นางก็คงจะไม่ชวดงานประลองปรุงโอสถหรอก!
แล้วตอนนี้ นางควรจะไปตามหาอวี้หลัวช่าที่ไหนกันนะ
คิดไปคิดมา หลี่รุ่ยก็นึกออกอยู่ที่หนึ่ง…
หอนภาหอม
หอนภาหอมเป็นสถานที่ซื้อขายที่มีชื่อเสียงของแผ่นดินนี้ อีกด้านหนึ่งพวกเขายังทำการค้าข่าวอย่างลับๆ ด้วยการสืบข่าวลับโดยเฉพาะอีกด้วย
เพียงแค่จ่ายไหว ไม่ว่าจะข่าวอะไร พวกเขาก็สืบหาให้ได้
เมื่อเหลียนจิ่นได้รับสาสน์จากหอนภาหอมแล้ว ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาก็เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา
หลี่รุ่ยต้องการให้หอนภาหอมตามหาที่อยู่ของอวี้หลัวช่าอย่างนั้นหรือ
นาง ‘ฉลาด’ จริงๆนะเนี่ย!
บุญคุณความแค้นระหว่างหลี่รุ่ยและอวี้เชียนเสวี่ย เหลียนจิ่นรู้อยู่เต็มอก
ดังนั้นการกระทำของอวี้เฟยเยียนที่เมืองกุยอวี๋ ยัดเหยียดเม่ยเหนียงให้ไปอยู่ข้างกายลั่วหยางอ๋องอย่างแนบเนียน ทำให้เหลียนจิ่นอดชื่นชมนางมิได้
สำหรับมูลเหตุที่ว่าเพราะอะไรหลี่รุ่ยจึงต้องการตามหาอวี้หลัวช่านั้น เหลียนจิ่นก็ล่วงรู้ในเหตุผล
ลั่วหยางอ๋องอายุอานามปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้ว ทว่าจนถึงตอนนี้กลับยังไม่มีลูกสักคน ซย่าโหวอี้ร้อนใจ แล้วหลี่รุ่ยในฐานะที่เป็นชายาเอกย่อมต้องร้อนใจด้วยเช่นกัน!
ในเมื่อชายมากรักหลายใจพึ่งพาไม่ได้ มิสู้ให้กำเนิดลูกสักคนเอาไว้เป็นหลักให้พึ่งพิง
แต่หลี่รุ่ยไม่คิดบ้างหรืออย่างไรว่าหลายปีที่ผ่านมา ซย่าโหวอี้มีหญิงสาวมากมายมาเคียงข้างกายต่อให้ไม่ถึงร้อยแต่อย่างน้อยก็เจ็ดสิบแปดสิบคน แต่ไม่มีสักคนที่ตั้งครรภ์ เช่นนั้นก็แสดงว่าปัญหาอยู่ที่ฝ่ายชายแล้ว
หลี่รุ่ยยังจะตามหาอวี้เฟยเยียน เห็นนางเป็นเจ้าแม่กวนอิมที่จะประทานลูกให้ได้ โง่เขลาและไร้เดียงสายิ่งนัก!
นางทำร้ายอวี้เชียนเสวี่ย ล่วงเกินตระกูลอวี้ อวี้เฟยเยียนไม่ยก**บยาพิษทั้ง**บสังหารนางเสีย นับว่าอวี้เฟยเยียนเมตตามากแล้ว!
คนโง่งมสมองกลวง!