จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 91-5

ตอนที่ 91-5

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 91-5 ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านก็มีหัวใจที่อ่อนโยนดวงหนึ่ง
ความเจ็บปวดของอวี้จิงเหลยอวี้เฟยเยียนรับรู้ได้

นางเดินเข้าไปหาผู้เป็นปู่ แล้วจับต้นแขนของเขากล่าวว่า

“ท่านปู่ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องตามหาพี่ใหญ่ ท่านลุงรอง ท่านป้ารองกลับมาให้ได้ ครอบครัวเรา จะต้องกลับมาพร้อมหน้าอีกครั้ง!”

“ดี! เด็กดี!”

อวี้จิงเหลยตบที่มือของอวี้เฟยเยียนเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ

“ปู่รู้ว่าเจ้าเป็นเด็กกตัญญู น้ำใจเจ้าปู่รับรู้แล้ว! เช่นนั้นความหวังตระกูลอวี้ ฝากไว้ที่เจ้าแล้ว!”

เมื่ออวี้เฟยเยียนออกไป อวี้เชียนก็เดินเข้ามา

“ท่านพ่อ ท่านคิดจะบอกความจริงกับเสี่ยวเยียนเมื่อไหร่กัน”

หากมิใช่แอบฟังในสิ่งที่อวี้จิงเหลยและอวี้เฟยเยียนพูดคุยกัน อวี้เชียนเสวี่ยก็คงคิดไปว่าอวี้เฟยเยียนรู้เรื่องที่ว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของนางคืออวี้เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์ตั้งนานแล้ว

“ไม่รีบร้อน…”

อวี้จิงเหลยทอดมองไปที่กลุ่มก้อนเมฆที่กำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า

“หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดละก็ เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์น่าจะอยู่ที่เมืองอู๋โยว ที่นั่นเป็นสถานที่อะไร เจ้าเองก็รู้ดี”

“ถึงแม้ว่าเยียนเอ๋อร์อยู่ที่หลัวอวี่จะเป็นจอมเทวาที่แสนเก่งกาจ แต่ในสายตาคนพวกนั้นที่เมืองอู๋โยว คนเช่นพวกเรานั้นต่ำต้อยราวกับมดตัวเล็กๆ ก็ไม่ปาน!”

“เยียนเอ๋อร์ยังต้องเติบโตอีกมาก! เพราะศัตรูนางแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งข้าและเจ้ามิอาจช่วยเหลืออะไรนางได้เลย”

คำพูดของอวี้จิงเหลย กระแทกใจของอวี้เชียนเสวี่ยอย่างแรง

ใช่นะสิ ตอนนี้เขาสำเร็จเพียงขั้นราชันเท่านั้น หากพบเจออันตรายจริงๆ ไม่แน่ว่าเขาเองนี่แหละที่จะเป็นตัวถ่วงอวี้เฟยเยียน

“ท่านพ่อ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้อย่างเต็มที่!”

เมื่อคิดถึงได้เช่นนี้ อวี้เชียนเสวี่ยก็กำหมัดแน่น

“ข้าจะช่วยเยี่ยนเอ๋อร์ ข้าคอยช่วยเหลือสนับสนุนและเป็นเกราะกำบังให้กับนาง!”

เมื่อเห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของอวี้เชียนเสวี่ย อวี้จิงเหลยก็พยักหน้าเบาๆ

“ใช่! พวกเราจะต้องฝึกฝนเพิ่มพูนพลังให้กับตนเอง เราไม่จะไม่นิ่งดูดายรอคอยโดยที่ไม่ทำอะไรเลย พวกเราจะต้องช่วยนาง!”

สองพ่อลูกความคิดเห็นตรงกัน และผลจากความคิดเห็นนี้นำมาซึ่งการร่วมกันปฏิบัติจริงนั่นก็คือ สองพ่อลูกไปที่สนามฝึก แล้วเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกให้กับกองทัพตระกูลอวี้อีกเท่าตัว

หลังจากใช้วิธีฝึกปรือของอวี้เฟยเยียน ร่วมกับยาบำรุงที่อวี้เฟยเยียนปรุงขึ้นเพื่อบำรุงกำลังให้กับทุกคนโดยอิงตามโครงสร้างร่างกายของแต่ละคน เพื่อเป็นตัวช่วยอีกแรง เดิมกองทัพตระกูลอวี้ที่มีเพียงขั้นธรรมดาก็กลายเป็นขั้นวีรชนกันไปหมด

ทำให้อวี้เชียนเสวี่ยยกดดันเป็นอย่างมาก!

เจ้าทหารหนุ่มเหล่านั้น ส่วนใหญ่เคยเป็นลูกน้องของเขาทั้งสิ้น มาตอนนี้มีบางคนวรยุทธ์เหนือกว่าอวี้เชียนเสวี่ยด้วยซ้ำ ทำให้เขามีแรงกดดันพยายามฝึกฝนตนเองให้หนักขึ้น

ไม่นาน ซย่าโหวจวินอวี่ก็ประกาศว่าต้าโจวจะยกทัพไปสำเร็จโทษซีเย่ว์

แม่ทัพที่จะนำทัพในครั้งนี้นั่นก็คืออวี้จิงเหลย โดยมีแม่ทัพกองหน้าคืออวี้เชียนเสวี่ย

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้ประชาชนดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกันที่ซีเย่ว์ก็ได้รับหนังสือจากต้าโจว เมื่อเห็นคำว่า ‘รบ’ ฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์หลิวปี้ก็ทรุดลงบัลลังก์

สู้รบกับอีกแล้ว เพราะเหตุใดกัน!

ซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งจะแสดงแสนยานุภาพไปมิใช่หรือ

หลิวปี้รู้ข่าวตั้งแต่แรกแล้ว จึงรู้สาเหตุที่ต้าโจวยกทัพมา

งานมงคลกลายเป็นโศกนาฏกรรม ให้เป็นใครก็คงของขึ้น!

ยิ่งกว่านั้นต้าโจวคอยจ้องหาโอกาสโจมตีซีเย่ว์มาโดยตลอด ตอนนี้สบโอกาส ที่ลูกชายของเขาเลอะเลือนกระทำการโง่เขลาเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับลากซีเย่ว์มาถึงทางตันหรอกหรือ!

จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิวปี้ก็ยังไม่รู้ว่าหลิวเปยไปอยู่เสียที่ไหน ส่วนคณะทูตแห่งซีเย่ว์ต่างก็ถูกต้าโจวจับกุมเอาไว้ทั้งหมดและสังหารไปแล้ว

ลูกเอย เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่

หลังจากเกิดเรื่อง ทุกวันฮองเฮาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ให้ฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์หลิวปี้หาทางช่วยชีวิตหลิวเปย ฮ่องเต้ได้ฟังก็พลอยจิตใจหดหู่ไปด้วย

จะชั่วดีอย่างไรนี่ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่โอบอุ้มมาสิบกว่าปี หลิวปี้จึงคิดที่ปกป้องหลิวเปยเช่นกัน

เพียงแต่ว่า แผนการเขายังไม่ทันข้ามวันก็ต้องพังทลายโดยสิ้นเชิง

องค์ชายใหญ่แห่งซีเย่ว์หลิวเฉิง ถือศีรษะของหลิวเปยบุกเข้ามาในวัง แคว้นซีเย่ว์เปลี่ยนแปลงเหนือหัวภายในชั่วข้ามคืน หลิวเฉิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั้งยังประกาศให้ประชาชนหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูภายนอก

แต่สิ่งที่น่าสงสัยนั่นก็คือ หลิวเฉิงครองราชย์ได้ไม่ถึงสองวัน ก็ถูกคนลอบสังหารเสียแล้ว

ราชนิกุลสายตระกูลหลิวทั้งหมดถูกฆ่าตัดศีรษะไม่มีเหลือ

คนผู้นั้นยังเอาศีรษะของราชนิกุลทั้งหมดแขวนไว้ที่ประตูเมือง เขียนด้วยอักษรเลือดที่หน้าประตูวัง ผู้ใดกล้าต่อกร ฆ่าไม่เว้น!

ประโยคที่เด็ดขาดเพียงประโยคเดียวทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน

ดังนั้นเมื่ออวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยยกทัพไปถึงซีเย่ว์ ผู้คนส่วนใหญ่จึงวางอาวุธยอมแพ้ แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

สำหรับคดีนองเลือดที่เกิดขึ้นที่ซีเย่ว์ อวี้เฟยเยียนอดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับซย่าโหวฉิงเทียน

หลังจากกองทัพต้าโจวเดินทัพออกไปไม่กี่วัน สองสามวันให้หลังที่จู่ๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หายตัวไป อวี้เฟยเยียนจึงไม่มีทางเลือกทำได้แต่เพียงสวมชุดและเกล้าผมอย่างเรียบง่ายเท่านั้น

ภายหลัง ข่าวคราวเรื่องคดีนองเลือดที่ซีเย่ว์ก็แพร่สะพัด เวลามันช่างประจวบเหมาะกันเหลือเกิน!

เมื่อได้พบซย่าโหวฉิงเทียนอวี้เฟยเยียนจึงสอบถามเขาซึ่งหน้า ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่ได้ปฏิเสธทั้งยังพยักหน้ายอมรับออกมาตรงๆ อีกด้วย

“เพราะอะไร”

อวี้เฟยเยียนอยากรู้เหตุผลที่เขาลงมือ

หรือว่าเขาต้องการแก้แค้นให้กับซย่าโหวเสวี่ยอย่างนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้!

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ชอบหน้าซย่าโหวเสวี่ยด้วยซ้ำ!

ไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ แล้วเพราะอะไรกัน

“ขุนนางสำคัญมากมายแห่งแคว้นซีเย่ว์เคารพเชื่อถือในตัวหลิวเฉิง หากเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ รวมใจประชาชนเป็นหนึ่ง ซีเย่ว์จะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งจนมิอาจล้มได้ เช่นนั้น…”

ซย่าโหวฉิงเทียนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง

“ท่านปู่และท่านลุงสามต้องต่อสู้กับศัตรูมากมาย ศึกที่เดิมจัดการเผด็จศึกได้ง่ายและรวดเร็วก็จะกลายเป็นยืดเยื้อยาวนาน ถึงตอนนั้นทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ต้องสูญเสียทหารเป็นจำนวนมาก อีกทั้งศึกที่ยาวนานไม่เป็นผลดีต่อต้าโจวอย่างมาก”

แท้ที่จริงแล้วซย่าโหวฉิงเทียนต้องการจะบอกว่า พี่ไปกรุยทางเก็บกวาดให้ก่อน เมื่อท่านปู่และท่านลุงสามเดินทางไปถึงจะได้สบายขึ้นมาก!

เพียงแค่จัดการกำจัดหัวหอกของพวกเขา เมื่อฝูงแกะไร้ซึ่งผู้นำ ก็จัดการได้โดยง่าย เจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลท่านปู่ ท่านลุงสามและท่านป้าสามจะได้รับบาดเจ็บอย่างไรเล่า!

แต่การเรียกร้องความดีความชอบเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากไม่ออกจริงๆ

หากกล่าวออกไปตรงๆ ก็ไม่รู้ว่าแมวน้อยจะคิดอย่างไรด้วย!

ก่อนหน้านี้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนอดหลับอดนอนปรุงยาบำรุงต่างๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจในทันที

ถึงแม้ว่าภายนอกอวี้เฟยเยียนจะไม่แสดงท่าทีเป็นกังวลใดๆ เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนิ่งเงียบเป็นปกติทุกอย่าง แต่แท้ที่จริงแล้วในใจของนางเป็นห่วงคนในครอบครัวที่รักเป็นอย่างมาก

ดังนั้นอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ย รวมทั้งมู่เหนี่ยนซีจะเกิดเรื่องไม่ได้

มิเช่นนั้นแมวน้อยก็ต้องเสียใจ เขาก็คงเสียใจไปด้วย!

ไม่ว่าจะอย่างไร ตระกูลอวี้ก็ดีกับอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนบิดามารดาของเขา…อวี้เฟยเยียนมีวาสนา ได้ครอบครองความสุขเช่นนี้ เขาจะทำให้ความสุขนี้อยู่กับนางให้นานที่สุด!

เพราะว่าเขาชอบที่จะเห็นแมวน้อยยิ้ม…

คำอธิบายของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

ประชาชนตาดำๆ ล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ กลับต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำและคำพูดของกษัตริย์

หากประชาชนชาวซีเย่ว์ร่วมกันสู้รบจนตัวตาย ภายใต้การนำของหลิวเฉิง ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากลูกเมียและครอบครัว ต้องล้มตายบ้านแตกสาแหรกขาด

ยิ่งกว่านั้นซย่าโหวจวินอวี่ต้องการยึดครองซีเย่ว์ให้จงได้ อวี้จิงเหลยเองก็ไม่อาจจะขัดพระบัญชา เมตตาประชาชนชาวซีเย่ว์ได้บ้าง เพราะศึกแห่งความเลือดเย็นเช่นนี้ หากเมตตาต่อศัตรูก็เท่ากับทรมานตัวเอง

ดังนั้น ล้มเลิกการสู้รบจึงจะมีโอกาสที่จะรอดชีวิต

“ซย่าโหวฉิงเทียน ข้าเพิ่งค้นพบว่าที่แท้แล้วท่านก็อ่อนโยนเช่นกัน จริงๆ นะ!”

อวี้เฟยเยียนใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของเขาตรงตำแหน่งหัวใจ

“ข้าหมายถึงตรงนี้!”

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท