จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 92-5 ความรักเบ่งบาน
แต่ ณ แคว้นฉินจื้ออันไกลโพ้นฮ่องเต้แห่งฉินจื้อ เชียนลั่วเฉิงก็กำลังจามติดต่อกันหลายครั้ง หลังพระองค์บีบจมูกแก้คัดแล้ว ก็ทรงเริ่มก่นด่า
“เร็ว รีบไปสืบมา จะต้องสืบให้ได้ว่าปรมาจารย์คือใคร!”
“จำไว้ ไม่ว่าต้องสูญเสียอะไรมากเท่าไหร่ก็ตาม จะต้องเชิญท่านมาหาข้าให้ได้ เชิญมา เข้าใจหรือไม่ ต่อให้ต้องคุกเข่าขอร้องก็ต้องทำ! หากว่าหาปรมาจารย์ไม่เจอ พวกเจ้าก็ไปตายเสีย!”
ในขณะเดียวกัน เชียนลั่วเฉิงก็ภาวนา
“ท่านปรมาจารย์ ท่านห้ามเป็นชาวต้าโจวโดยเด็ดขาด ซย่าโหวจวินอวี่เจ้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นตะกละมูมมาม ท่านอย่าไปส่งเสริมความชั่วร้ายของมันโดยเด็ดขาดเลย!”
ข่าวที่ต้าโจวโค่นล้มซีเย่ว์ เชียนลั่วเฉิงก็ได้ยินข่าวมาบ้าง
ราชบุตรเขยฆ่าบุตรสาว
ฮองเฮากระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักจนสติฟั่นเฟือน
ถุย!
หากซย่าโหวจวินอวี่อยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ละก็ เขาจะต้องถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาอย่างแน่นอน
เอาเหตุผลที่ไร้สาระมาตกแต่งจนสวยหรู ข้ออ้างทั้งเพ!
ด้วยนิสัยซย่าโหวจวินอวี่แล้ว เขายินยอมสละลูกสาวตนเพื่อใส่ร้ายหลิวเปย นี่ต่างหากที่เรียกว่าใจคอโหดเ**้ยม!
เสือร้ายไม่กินลูก!
นี่ถึงขนาดยอมฆ่าลูกของตัวเองยังมิใช่หมาป่าร้ายอีกหรือ!
เพื่อให้ได้แคว้นซีเย่ว์มาครอบครอง สละแม้กระทั่งชีวิตของลูกสาวตัวเอง ซย่าโหวจวินอวี่ เจ้านี่มันเลวจริงๆ!
เชียนลั่วเฉิงเริ่มด่าทอ
ถึงแม้ว่าซย่าโหวจวินอวี่จะขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน แต่เชียนลั่วเฉิงก็ลำบากไม่น้อย ยามที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา
ในสายตาเชียนลั่วเฉิง ซย่าโหวจวินอวี่มากเล่ห์เพทุบาย น้ำมือเ**้ยมโหด เอาแต่ได้โดยที่ไม่ยินยอมสูญเสียอะไรทั้งนั้น เป็นจิ้งจอกเฒ่าร้อยปีเจ้าเล่ห์ น่ารังเกียจที่สุด!
เขาต่อสู้กับซย่าโหวจวินอวี่มาหลายปี ทุกครั้งก็เป็นเชียนลั่วเฉิงที่พ่ายแพ้ไปเสียทุกครั้ง
หากมิใช่ข้างกายซย่าโหวจวินอวี่มีซย่าโหวฉิงเทียนสุนัขคลั่งที่ไล่กัดคนไม่เลิกล่ะก็ เชียนลั่วเฉิงคงสั่งการให้หูซาเก็บคู่ต่อสู้เก่าแก่นี่ไปตั้งนานแล้ว
เมื่อคิดถึงหูซา เชียนลั่วเฉิงก็เริ่มสับสนขึ้นมาอีก
หูซาตายแล้ว ลำดับขั้นของแคว้นฉินจื้อก็ยิ่งตกต่ำมากยิ่งขึ้น เหล่าแคว้นเล็กแคว้นน้อยที่แต่ก่อนต้องพึ่งพาอาศัยแคว้นฉินจื้อรวมทั้งบรรดาแคว้นอื่น ปีนี้กลับแข็งข้อมิยอมส่งเครื่องบรรณาการมาให้ เริ่มเอนเอียงไปยังฝ่ายที่มีอำนาจ!
หากมิใช่เชียนเยี่ยเสวี่ยก่อกวนจนทุกอย่างพังพินาศ ยับยั้งเขาเอาไว้ เชียนลั่วเฉิงก็คงแบ่งทหารไปจัดการไอ้สุนัขที่เนรคุณนั่นไปแล้ว
แต่เชียนลั่วเฉิงรู้ดีว่านี่มิใช่เวลาที่จะมาโกรธเคือง
โบราณว่าจัดการเรื่องในบ้านให้ดีก่อนจึงจะบริหารประเทศให้สงบสุขได้ เขาขอจัดการลูกทรพีเชียนเยี่ยเสวี่ยก่อน แล้วค่อยไปต่อสู้กับเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่น!
เจ้าลูกเวรนี่ได้ไปร่วมงานประลองโอสถเพียงครั้งเดียว กลับมาก็กลายเป็นขั้นราชันจักรพรรดิ หยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก เขาปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนัก!
หากมิใช่หูซาตายแล้ว และแคว้นฉินจื้อในตอนนี้ต้องการเชียนเยี่ยเสวี่ยค้ำจุนเอาไว้ เชียนลั่วเฉิงคงจัดการเก็บกวาดเจ้าลูกทรพีนี่นานแล้ว!
ท่านปรมาจารย์ โปรดมาที่ฉินจื้อเถิด!
ในตอนนี้ฉินจื้อต้องการท่านเป็นอย่างมาก!
สุดท้าย เชียนลั่วเฉิงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ
หากว่าท่านปรมาจารย์มาเข้าพวกกับแคว้นฉินจื้อจริง เขาไม่เพียงแต่จะกำจัดเจ้าลูกชั่วนั่น ทั้งยังจะจัดการสั่งสอนเหล่าชนเผ่าและแคว้นเล็กแคว้นน้อยที่ทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาด้วย อีกอย่างยังสามารถประกาศศักดาข่มขู่ต้าโจวได้อีกด้วย
“เฮอะ! อวี้เฟยเยียนคือจอมเทวา แน่นักหรือ ข้ามีปรมาจารย์!
เชียนลั่วเฉิงจินตนาการว่าตนแสดงอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าซย่าโหวจวินอวี่ได้ ก็สบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่า มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องตามหาปรมาจารย์ให้เจอก่อนเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่น!
ส่วนตัวอวี้เฟยเยียนกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ รอจนกระทั่งนางและซย่าโหวฉิงเทียนกลับถึงเมืองหลวง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ถูกซย่าโหวจวินอวี่ตามตัวเข้าเฝ้าทันที
“เป็นเด็กดี รอพี่กลับมา!”
ซย่าโหวฉิงเทียนโอบกอดอวี้เฟยเยียน จรดปลายคางเขาแนบชิดกับหน้าผากนาง ใช้หนวดเขาทิ่มนางเบาๆ
“บ้า คันจะตายอยู่แล้ว!”
อวี้เฟยเยียนยกมือขึ้นฟาดซย่าโหวฉิงเทียน
แน่นอนว่าแรงอันน้อยนิดของนางในสายตาของซย่าโหวฉิงเทียนราวกับแมวน้อยกำลังเกาให้เขาเท่านั้น
“สบายจังเลย เกาให้พี่อีกสิ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนหยอกเย้า
“ท่านรีบไปเถอะ! ฝ่าบาทถามหาท่านจะต้องมีอันใดเป็นแน่!”
อวี้เฟยเยียนเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มซย่าโหวฉิงเทียนแผ่วเบา
“ข้าจะรอท่านกลับมา!”
ประโยค ‘ข้าจะรอท่านกลับมา’ เพียงประโยคเดียวทำให้หัวใจซย่าโหวฉิงเทียนหวานฉ่ำราวกับฉาบไว้ด้วยน้ำผึ้งก็ไม่ปาน
มีคนกำลังรอคอยเขาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน นับเป็นเรื่องที่ซย่าโหวฉิงเทียนมิเคยคาดหวังมาก่อน
แต่ทว่าในที่สุดมันก็กลายเป็นความจริงขึ้นมา แล้วเขาจะไม่รู้สึกโชคดี ไม่รู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไรเล่า!
ที่ด้านข้างบ่อน้ำพุร้อน เขาและนางยืนยันชัดเจนว่าอยู่ในสถานะของคนรัก
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่พูดถึงเรื่องที่จะจากไป ส่วนอวี้เฟยเยียนก็ไม่ไปคิดเรื่องพวกนั้นอีก
เครื่องส่งสัญญาณหล่นหายไปที่ใด นางก็ไม่รู้
บางทีพรุ่งนี้อาจจะเจอเครื่องส่งสัญญาณ หรือบางทีอาจต้องรอสิบปียี่สิบปีถึงจะเจอ บางทีนางอาจจะหามันไม่เจอตลอดชีวิต กลับประเทศจีนไม่ได้อีก
ในเมื่อเรามิอาจล่วงรู้อนาคตได้ แล้วเหตุใดเราถึงไม่ทะนุถนอมปัจจุบันเล่า!
มีคนที่รักเราอยู่เคียงข้างกาย สัมผัสความรักของกันและกันอย่างเต็มหัวใจ นับเป็นวิธีที่ดีที่สุดกับทั้งอวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียน
“แมวน้อย พี่ไม่อยากไปแล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะรักสุกงอม อยู่ในห้วงความรัก
ยิ่งเห็นอวี้เฟยเยียนเชิญชวนเขาเช่นนี้ เขาแทบไม่อยากแยกจากนางเลยแม้แต่ก้าวเดียว!
“ไปเถอะ นะเด็กดี ท่านไปเข้าเฝ้าก่อน เดี๋ยวข้าจะไปทำกับข้าว พอท่านกลับมาพวกเราจะได้ฉลองด้วยกันอย่างไรเล่า!”
อวี้เฟยเยียนรู้รสความสามารถในการเกาะติดของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว มันช่างเข้ากับวิธีการที่เขาใช้ฆ่าคนอย่างคาดไม่ถึง ราวกับว่าคนทั้งสองได้รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวก็ไม่ปาน ไม่ยอมแยกจากกันแม้เพียงนิดเดียวเฉกเช่นเดียวกับแสงและเงาที่เคียงคู่กันเสมอ
แม้แต่อวี้เฟยเยียนไปเข้าห้องน้ำ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังตามไปเฝ้าที่หน้าห้องน้ำ เกรงว่าหากกะพริบตา อวี้เฟยเยียนก็จะอันตรธานหายไป
อาจเพราะเขารู้สถานะที่แท้จริงของอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงกลายเป็นโรคกลัวว่าจะต้องสูญเสียนางไป จึงเข้มงวดเช่นนี้
เมื่ออวี้เฟยเยียนยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง ทั้งยังปลอบโยนเขาอยู่นานซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้ยอมเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้
จนกระทั่งซย่าโหวจวินอวี่ได้พบกับซย่าโหวฉิงเทียน เห็นเขาเพียงแค่แวบเดียวหัวใจของฝ่าบาทก็พอโต!
“ดีนี่นา ไม่เลว!”
เห็นทีสองสามวันนี้ ความสัมพันธ์ของลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาคงจะพัฒนาคืบหน้าไปมากทีเดียว
ดีจริงๆ เลย!
ความดีใจทำเอาซย่าโหวจวินอวี่ลืมเลือนเรื่องปรมาจารย์ไปชั่วขณะ
เปรียบเทียบกันแล้ว เขาจะต้องเป็นห่วงเป็นใยความสุขชั่วชีวิตของบุตรชายมากกว่าอยู่แล้ว นี่มันเรื่องของชีวิตทั้งชีวิตเลยนะ แล้วจะละเลยได้อย่างไรกัน!
“เป็นอย่างไร คำแนะนำของข้าไม่เลวใช่หรือไม่ละ!”
ถึงแม้จะรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนมิได้เดินทางไปหลบร้อนที่สวนบนเขา แต่เขาก็หายตัวไปตั้งสองสามวัน คงจะต้องไปสำเริงสำราญใจที่อื่นเป็นแน่
เจ้าหนุ่มนี่มีความลับหรือนี่!
“อืม”
ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้าน้อยๆ โดยไม่ปิดบังสีหน้าที่มีความสุขของตัวเองสักนิด
“นางชอบข้ามากเช่นกัน ซึ่งข้าดีใจมาก”
“ต้องอย่างนี้สิ!”
ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับตบหน้าขาตนเองอย่างแรง
“เชื่อข้านะไม่ผิดแน่ ชอบเขาก็พูดออกไปเลย เจ้าไม่พูด นางจะรู้ได้อย่างไรกันเล่า ลูกผู้ชายไม่ควรให้ฝ่ายหญิงคาดเดาความรู้สึกของเรานะ!”
“ขอบคุณ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวขอบพระทัยฮ่องเต้อย่างจริงใจ
จริงสิ ก่อนที่เขาจะไป ซย่าโหวจวินอวี่ยังถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองให้กับเขามากมาย
หากมิใช่พระองค์ทรงให้กำลังใจสนับสนุนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่มีความคิดเรื่องที่จะสารภาพรักมาก่อน
“เกรงใจไปทำไมกัน! ใครใช้ให้ข้าเป็นพ่อของเจ้ากันเล่า!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นซย่าโหวจวินอวี่ก็มองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“อะไร…”
ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างเมื่อถูกสายตาเช่นนั้นของซย่าโหวฉิงเทียนมองมา
“ฉิงเทียน เจ้าเคยอ่าน ‘ชุนกงถู’ หรือไม่ รู้หรือไม่ว่าเรื่องของหญิงชาย มันเป็นอย่างไรกัน”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวออกมา พร้อมทั้งแสดงอาการสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง