จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 100-3

ตอนที่ 100-3

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 100-3 เล่นงานเจ้าไม่ตายให้มันรู้ไป!
ส่วนเชียนลั่วเฉิงอาศัยว่ามีปรมาจารย์หงเยี่ยเป็นที่พึ่ง มีหลักให้พึ่งพา จึงได้กำเริบเสิบสานทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยและฉู่ฮองเฮา

ตอนนี้ตี้อู่หงเยี่ยก็ได้ตายไปแล้ว ทว่าไม่มีใครรู้ นึกว่านางยังมีชีวิตอยู่ คิดว่าพวกเชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีปรมาจารย์ให้ท้าย อวี้เฟยเยียนมาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะเปิดเผยเรื่องนี้นี่เอง!

เมื่อบ่ายเมื่อวาน ซย่าโหวฉิงเทียนทำร้ายตี้อู่หงเยี่ยจนบาดเจ็บ ทำลายความเชื่อมั่นของฉินจื้อไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

วันนี้ อวี้เฟยเยียนมาบีบบังคับถึงที่ หากปรมาจารย์ยังไม่ออกหน้าอีกละก็ นี่ต่างหากที่จะกระทบ กระเทือนจิตใจของชาวฉินจื้อได้อย่างง่ายดาย!

ในฐานะที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของแคว้น กลับหดหัวขลาดกลัวในตอนนี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในจิตใจของประชาชนอย่างมากทีเดียว

เมื่อจิตใจประชาชนสั่นคลอน ฝันเฟื่องจอมปลอมตอนสายของเชียนเจิ้นหยางก็ควรที่จะตื่นได้แล้วกระมัง!

“เยี่ยหง ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่จนถึงเที่ยงวัน หากเจ้ายังไม่ออกมาอีก ถือว่าเจ้าขี้ขลาดตาขาว”

วาจาอวี้เฟยเยียน ยโสโอหังอย่างที่สุด เหล่าแม่ทัพนายกองที่อารมณ์ร้อนหุ่นหันพลันแล่น ได้ยินเข้าถึงกับเลือดขึ้นหน้าทันที

“ท่านอ๋อง เชิญใต้เท้าเยี่ยหงออกมาสั่งสอนเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี่ทีเถอะ!”

หูอวี้เฟยเยียนดีนัก แน่นอนว่าได้ยินคำพูดนั้นเต็มๆ

“ดีสิ!”

“ไปตามเยี่ยหงมาได้เลย!”

อวี้เฟยเยียนนั่งกระดิกเท้ารออยู่บนหลังคาพระราชวังแห่งฉินจื้ออย่างสบายอารมณ์

“เยี่ยอ๋อง ท่านฟังคำเขา ให้คนไปตามเยี่ยหงออกมาเถอะ! ข้าตามหานางมาทั้งเช้าแล้ว ยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมา นางจะต้องหลบซ่อนตัวอยู่เป็นแน่! หากนางไม่กล้าพอ ทนรับความตกใจไม่ได้ละก็ ก็ให้นางยอมรับว่าตนเองขี้ขลาดตาขาวเสีย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ให้แล้วไป ข้าจะไม่รื้อฟื้นขึ้นมาอีก!”

คำพูดทุกคำของอวี้เฟยเยียนดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทุกซอกทุกมุมล้วนได้ยินกันทั่วหน้า

มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ได้ยินเสียงนั้นต่างก็หยิบฆ้องขึ้นมาเคาะไปตามถนน

“ใต้เท้าอวี้ท้าประลองใต้เท้าเยี่ยแล้ว! ทุกคนรีบมาดูกันเร็ว!”

หนึ่งคืออวี้หลัวช่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฉินจื้อ อีกหนึ่งคือปรมาจารย์แห่งฉินจื้อเยี่ยหง คนทั้งสองปะทะกัน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร มีใครบ้างเล่าไม่รอคอย!

เชียนเจิ้นหยางกล้ายืนยันเลยว่า ตนดวงซวยจริงๆ

เยี่ยหงเพิ่งจะหายสาบสูญไป อวี้เฟยเยียนก็มาหาเรื่องถึงที่

อวี้หลัวช่าคือดาวมรณะของเขาโดยแท้!

ในตอนแรกเชียนเยี่ยเสวี่ยบาดเจ็บจวนเจียนจะตายอยู่แล้ว อวี้หลัวช่าดันปรากฏตัว รักษานางจนหาย ทำเอาเชียนเจิ้นหยางและหลิวกุ้ยเฟยโกรธจนแทบควันออกหู

มาตอนนี้ ก้นเขานั่งยังมิทันที่บัลลังก์มังกรจะร้อน ก็ถูกอวี้หลัวช่ามาก่อกวนจะเกือบจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า เสียหายย่อยยับเลยทีเดียว!

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเยี่ยหงกันแน่!

นางคงจะไม่สะบัดก้นหนีไปแล้วกระมัง

ถึงแม้ว่าเชียนเจิ้นหยางจะนึกขอบคุณเยี่ยหงที่หนีหายไปกะทันหัน ทำให้เชียนลั่วเฉิงกลายเป็นอัมพาตไป แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาก็ร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก

เมื่อไร้ซึ่งการคุ้มครองของเยี่ยหง ฉินจื้อจะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป

ตอนนี้อวี้หลัวช่ามาหาเรื่องถึงที่ ซึ่งเชียนเจิ้นหยางก็ทำอะไรนางไม่ได้เสียด้วย

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า บนหลังคานั้นดวงอาทิตย์แรงยิ่งนัก ท่านจะลงมาดื่มน้ำชาที่ด้านล่างก่อนหรือไม่”

เชียนเจิ้นหยางเงยหน้าขึ้น ยิ้มเล่นหูเล่นตาให้กับอวี้หลัวช่า

เรื่องที่เยี่ยหงหายสาบสูญไป ยังไม่ได้ถูกแฉออกมา ฉะนั้นเขาจะต้องทำเรื่องโกหกนี่ให้สมบูรณ์!

อย่าให้ตนเองลนลานจนเดินผิดแผน!

“เมื่อวานใต้เท้าเยี่ยบาดเจ็บ นางเดินทางไปยังเขาหลัวชิงรักษาอาการบาดเจ็บ อาจต้องรออีกสักสองสามวันจึงกลับมา!”

เชียนเจิ้นหยางแต่งเรื่องโกหกอย่างสุดความสามารถ

“เยี่ยอ๋อง ท่านกำลังเล่าเรื่องตลกอยู่ใช่หรือไม่”

มองออกว่าเชียนเจิ้นหยางกำลังถ่วงเวลา อวี้เฟยเยียนจึงหัวเราะออกมา

“บาดแผลเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ สำหรับข้าที่เป็นเพียงจักรพรรดิโอสถยังไม่ระคายผิว แล้วนับประสาอะไรกับราชันจักรพรรดิโอสถ! บาดแผลแค่นั้นต้องใช้เวลารักษาตัวถึงสองสามวันเชียวหรือ ท่านพูดเช่นนี้จะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้นะ!”

“ข้าขอถามท่าน นางคือราชันจักรพรรดิจริงหรือไม่ มิใช่ว่าพวกท่านแต่งตั้งขึ้นมาเอง!”

วาจาอวี้เฟยเยียนปิดปากเชียนเจิ้นหยางได้ชะงัดนัก

จริงด้วยสิ!

เยี่ยหงคือราชันจักรพรรดิโอสถ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นางควรจะสามารถรักษาตัวเองได้นี่นา

ในเมื่อไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ แล้วเพราะเหตุใดนางถึงไปจากที่นี่

หรือนางตามหาหนานกงจื่อหลิงเจอแล้ว ดังนั้นจึงจากไปโดยที่ไม่บอกกล่าวสักคำ

หากเป็นเช่นนั้นจริง เยี่ยหงก็ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย!

คนที่ล่วงรู้ว่าเชียนลั่วเฉิงและเยี่ยหงทำสัญญาแลกเปลี่ยนกันมีไม่มาก ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้เชียนเจิ้นหยางก็ยังพะวงกับการหายไปของเยี่ยหงยิ่งนัก

ทว่าคำโกหกนี้ก็ยังต้องโกหกต่อไปให้ถึงที่สุดน่ะสิ!

ซย่าโหวฉิงเทียนแห่งต้าโจวยังอยู่ในเมืองหลวง หากเขารู้ว่าฉินจื้อไร้ซึ่งปรมาจารย์ ไม่แน่ว่ากองทัพทหารสามแสนของต้าโจวอาจจะมุ่งขึ้นเหนือมา

ถึงแม้เชียนเจิ้นหยางจะมิได้ความทะเยอทะยานหรือมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ใดๆ แต่เขาก็อยากที่จะนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเป็นฮ่องเต้สักสิบยี่สิบปีอย่างมั่นคง ไม่อยากต้องตกเป็นทาสเพราะแคว้นล่มสลาย

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ที่ข้าพูดมาล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น!”

“หึหึ…”

อวี้เฟยเยียนยิ้มแฝงเลศนัย

“เยี่ยอ๋อง ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพูดจากับข้า เสด็จพ่อของท่านเล่า เหตุใดในเวลาเช่นนี้เขายังหลบซ่อนตัวอยู่อีก ซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัว หาใช่วิสัยของเขาไม่!”

เรื่องเชียนลั่วเฉิงเป็นอัมพาตไปเมื่อคืนนี้ มีเพียงขุนนางเท่านั้นที่รู้ คนภายนอกยังไม่มีใครล่วงรู้

ดังนั้น อวี้เฟยเยียนจะต้องป่าวประกาศข่าวนี้ ให้ชาวฉินจื้อได้รับรู้โดยทั่วกันด้วยความปรารถนาดี

ฝ่าบาทมิได้ทรงแสดงพระองค์ เยี่ยอ๋องบริหารจัดการราชกิจ…

ความหมายโดยนัยจากคำพูดอวี้เฟยเยียนครบถ้วน

จริงดั่งที่คาด เมื่อประชาชนได้ยินประโยคนั้นของอวี้เฟยเยียนเข้า ต่างก็เริ่มซุบซิบถกเถียงกันขึ้นมา

ในปีที่ผ่านมานี้ สุขภาพร่างกายเชียนลั่วเฉิงมิสู้ดีสักเท่าไหร่นัก ก่อนหน้านี้ทุกคนก็กำลังเป็นกังวล เกิดฝ่าบาททรงรักเยี่ยอ๋องมาจนยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับเยี่ยอ๋องแล้วจะทำอย่างไร

ในวันนี้ เชียนลั่วเฉิงไม่ปรากฏตัว มิเท่ากับเป็นข่าวร้ายอย่างนั้นหรือ!

เยี่ยอ๋องเป็นคนเช่นไร หลายปีมานี้ทุกคนต่างก็รู้ดี!

หากว่าฝ่าบาททรงเป็นอะไรขึ้นมาจริง เชียนเจิ้นหยางได้ขึ้นครองราชย์ ถึงตอนนั้นยามยากของประชาชนก็จะมาถึงในทันที

โดนอวี้เฟยเยียนพูดดักทางเอาไว้ ทำให้เชียนเจิ้นหยางแค้นเคืองจนกัดฟันกรอด ทว่ากลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

“สุขภาพของเสด็จพ่อมิสู้ดีสักเท่าไหร่…”

เชียนเจิ้นหยางกล่าวออกมาสีหน้าเคร่งเครียด

“ที่แท้เชียนลั่วเฉิงก็ล้มป่วยนี่เองหรือ! เช่นนั้นในเมื่อตี้อู่หงเยี่ยไม่อยู่ ให้ข้าไปตรวจอาการเสด็จพ่อท่านหน่อยหรือไม่ แม้ข้าจะเป็นเพียงจักรพรรดิโอสถ แต่จะให้ช่วยรักษาชีวิตคนสักคนย่อมไม่มีปัญหา!”

อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่แน่นอนว่าเชียนเจิ้นหยางไม่มีทางตอบตกลง

น่าขำ!

อวี้เฟยเยียนวิชาแพทย์สูงส่ง หากนางรักษาเชียนลั่วเฉิงหาย มิเท่ากับเขาจะต้องไม่เหลืออะไรเลยหรือ!

“ไม่จำเป็น!”

เชียนเจิ้นหยางปฏิเสธทันควัน

“รอให้ใต้เท้าเยี่ยหงกลับมารักษาให้กับเสด็จพ่อ!”

แต่ทว่า นี่กลับเป็นเพียงความต้องการของเชียนเจิ้นหยางเพียงฝ่ายเดียว

เสนาบดีหวังที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น ก็ก้าวออกมาด้านหน้าทันที

“ท่านอ๋อง โรคอัมพาตควรเร่งรักษามิควรยืดเยื้อเอาไว้นาน ในเมื่อในตอนนี้ใต้เท้าเยี่ยหงไม่อยู่ในเมืองหลวง ก็ควรที่จะเชิญใต้เท้าอวี้หลัวช่ามารักษาอาการให้กับฝ่าบาทแทนเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

เสนาบดีหวังมิต้องการโง่งมเฉกเช่นเชียนเจิ้นหยาง

เยี่ยหงหายสาบสูญไปแล้ว!

เยี่ยอ๋องเอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี ไร้ซึ่งสติปัญญาในการบริหารบ้านเมือง หากเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ละก็ ปล่อยให้ซย่าโหวจวินอวี่เดินไม่กี่ตา ฉินจื้อจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน

เชียนลั่วเฉิงแม้จะหัวดื้อไม่ฟังใครไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าเชียนเจิ้นหยางมากนัก

อีกอย่าง เมื่อหัวมังกรเมื่อเปลี่ยน ขุนนางย่อมต้องถูกเปลี่ยนไปด้วย

หากเชียนเจิ้นหยางขึ้นครองบัลลังก์เขาจะต้องปรับเปลี่ยนให้คนของเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นแน่

นั่นจะทำให้เหล่าขุนนางเก่าแก่ต้องสูญเสียผลประโยชน์!

อีกทั้งการต่อสู้ระหว่างฝ่าบาทและเยี่ยอ๋อง ใครแพ้ใครชนะยังไม่รู้แน่!

เสนาบดีหวังเพิ่งจะส่งหลานสาวของเขาเข้าวัง หากฝ่าบาททรงฟื้นฟูพระวรกายกลับมาหายดี แล้วหลานสาวเขาให้กำเนิดพระโอรสละก็ อนาคตฉินจื้อจะเป็นอย่างไร มันก็ยังไม่แน่!

เสนาบดีหวังยอมออกหน้า ขุนนางเก่าแก่อีกสองสามคนที่ตามเข้าไปดูอาการเชียนลั่วเฉิงเมื่อวานก็ออกโรงเช่นกัน

กระดาษอย่างไรก็ห่อไฟไว้ไม่ได้!

เรื่องเยี่ยหงจะปกปิดไปได้อีกนานเท่าไหร่กัน!

มอบฉินจื้อไว้ในมือเยี่ยอ๋อง พวกเขาไม่วางใจอย่างยิ่ง

เมื่อคืนเชียนเจิ้นหยางเข่นฆ่าขุนนางที่ไม่ลงรอยกับตนเอง นั่นก็แสดงสันดานโหดเ**้ยมของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน

มีฮ่องเต้ที่เ**้ยมโหดทารุณ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น!

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท