จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 100-2

ตอนที่ 100-2

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 100-2 เล่นงานเจ้าไม่ตายให้มันรู้ไป!
“เชียนเจิ้นหยางจะต้องไม่รู้เรื่องนี้เป็นแน่! เช่นนั้นพวกเราก็ข่มขู่เขาสักหน่อยเป็นไร!”

สิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวมา ตรงกับที่อวี้เฟยเยียนกำลังคิด

ตอนนี้ในสายตาคนทั่วไป ต้าโจวมีจอมเทวาสองคนนั้นคืออวี้หลัวช่าและอวี้เฟยเยียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนแผ่นดินหลัวอวี่แห่งนี้

เชียนเจิ้นหยางเพิ่งจะเริ่มรับช่วงบริหารราชกิจต่อจากเชียนลั่วเฉิง ไม่ทันไรก็ต้องมาเผชิญหน้ากับต้าโจวที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร

“เสวี่ย ข้ารับรองว่าฉินจื้อจะต้องกลับคืนสู่มือเจ้าในสภาพเดิมครบถ้วนทุกประการ!”

อวี้เฟยเยียนคาดเดาความคิดส่วนใหญ่ของซย่าโหวจวินอวี่ได้

ในเมื่อซีเย่ว์กลายเป็นส่วนหนึ่งของต้าโจวไปแล้ว ก้าวต่อไป ฝ่าบาทจะต้องส่งกองทหารมาพิชิตฉินจื้อเป็นแน่ เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้น

แต่ฉินจื้อเป็นของเชียนเยี่ยเสวี่ย!

หากไม่มีฉินจื้อ เชียนเยี่ยเสวี่ยจะทำอย่างไร!

“ช่าช่า น้ำใจเจ้า ข้ารู้ดี!”

สำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ย การดำรงอยู่หรือล่มสลายของฉินจื้อไม่ได้สลักสำคัญมากสักเท่าไหร่นัก

เป็นฮ่องเต้

เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่เคยคิดเลย

ก่อนหน้านี้ ความปรารถนานางก็คือได้อยู่กับเสด็จแม่ แม่ลูกได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบสุข

มาตอนนี้ฉู่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้ว สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวนางเอาไว้ที่ฉินจื้อก็ไม่มีอีกแล้ว

แผ่นดินที่มีแต่ความเจ็บปวดผืนนี้ ไม่ได้ก็ช่างเถอะ!

“เรื่องนี้ ข้าจะตัดสินใจเอง!”

“เจ้าช่วยข้าทรมานเชียนเจิ้นหยางไอ้ลูกเต่าหดหัวนั่นเสียก่อน เพียงแค่คิดว่ามันและหลิวกุ้ยเฟยสมคบคิดกันทำอะไรไว้บ้าง ข้าก็รังเกียจจนแทบจะอ้วกออกมาแล้ว!”

“เจ้ารอข่าวดีจากข้าก็แล้วกัน!”

ก่อกวนวังหลวง อวี้เฟยเยียนคิดจะทำตั้งแต่เมื่อคืนวานอยู่แล้ว

เมื่อคาดการณ์ในตอนนี้น่าจะเป็นเวลาที่พอเหมาะพอเจาะพอดี อวี้เฟยเยียนจึงตรงดิ่งไปยังวังหลวงแห่งฉินจื้อเพียงลำพัง

นางออกไปได้ไม่นาน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คลำทางลงจากเตียง แล้วเรียกขานซย่าโหวฉิงเทียน

“หลินเจียงอ๋อง ข้อตกลงที่ข้าเคยทำให้กับท่านก่อนหน้านี้ ข้าต้องการจะแก้ไขเสียหน่อย”

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งที่อวี้เฟยเยียนแอบเข้าไปในวังหลวง โดยที่ไม่พาเขาไปด้วย เหตุใดไม่พาเขาไปด้วยกันนะ

อวี้เฟยเยียนเกรงว่าการปรากฏตัวอันแข็งแกร่งของซย่าโหวฉิงเทียน จะทำให้ฉินจื้อเข้าใจผิดไปว่าต้าโจวยกทัพมา ซึ่งจะนำมาซึ่งความสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวของชาวฉินจื้อ เช่นนั้นก็จะเข้าทางเชียนเจิ้นหยางเป็นการช่วยเขาทางอ้อม

ด้วยเหตุนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงโกรธเคืองไม่น้อย

“เข้าโจมตีฉินจื้อช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ยังต้องปิดบังซ่อนเร้นเช่นนี้อยู่ทำไมกัน”

“เห็นเจ้าแล้วมันขัดตา ข้าก็โจมตีเจ้า เจ้าจะทำไมกัน”

ทว่าอวี้เฟยเยียนกลับเลือกที่จะมองข้ามวิถีทางตรงไปตรงมาเช่นนี้ของซย่าโหวฉิงเทียนไปเสีย

ทั้งๆ ที่สามารถสยบพวกเขาได้โดยไม่ต้องสูญเสียชีวิตทหารเลยแม้แต่คนเดียว แล้วเหตุใดจึงต้องฆ่าแกงกันด้วยเล่า

หากยังฝืนท้าชนซึ่งหน้า มิใช่เพียงศัตรูเท่านั้นที่เสียหาย

หรือทหารพวกนั้นไม่ใช่คน พวกเขาไม่มีลูกเมียไม่มีครอบครัวหรืออย่างไรกัน

โดนอวี้เฟยเยียนถล่มไปชุดใหญ่ ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้ยอมรออยู่ที่นี่แต่โดยดี ทว่าความกลัดกลุ้มกังวลในใจแทบไม่ต้องจินตนาการถึงเลย

“เจ้าจะแก้ไขอย่างไร”

ท่าทีซย่าโหวฉิงเทียนแข็งกระด้างเล็กน้อย

“ข้าจะมอบฉินจื้อให้กับช่าช่า!”

วาจาเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้สีหน้าไร้อารมณ์ของซย่าโหวฉิงเทียนเริ่มมุ่นคิ้วขึ้นมา

เมื่อครั้งที่ออกจากหอราชาโอสถนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยได้ทำตกลงกับซย่าโหวฉิงเทียนอย่างหนึ่ง นางพาฉู่ฮองเฮาออกจากฉินจื้อโดยปลอดภัย ส่วนเชียนลั่วเฉิงให้เป็นหน้าที่ซย่าโหวฉิงเทียนเก็บกวาด

ทว่ามาถึงตอนนี้ หลังจากรู้ฐานะที่แท้จริงของอวี้เฟยเยียนแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็เปลี่ยนความคิด

“ช่าช่าช่วยข้ามามากเกินไปแล้ว ข้าอยากจะมอบฉินจื้อให้ช่าช่าเป็นของขวัญแต่งงาน หากท่านรับปาก เรื่องนี้ก็ให้ตกลงตามนี้ แต่หากท่านไม่ทำละก็ พวกเราก็เจอกันในสนามรบบนหลังม้าก็แล้วกัน!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยพูดจาหนักแน่น นางติดค้างอวี้เฟยเยียนมากเกินไปแล้ว มากจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร

สิ่งเดียวที่นางมีนั่นก็คือ แคว้นฉินจื้อ

ในตอนนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยสูญเสียเสด็จแม่ไปแล้ว ถ้าหากเป็นไปได้ละก็ นางมิอยากกลับไปที่นั่นอีกตลอดไป

“นางรู้หรือไม่” ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวถามขึ้น

“ช่าช่าไม่รู้เรื่องนี้” เชียนเยี่ยเสวี่ยส่ายหน้า

“นางยังบอกอีกว่าจะนำแผ่นดินฉินจื้อผืนเดิมมาคืนข้า เหอะ ข้าจะเอาแผ่นดินฉินจื้อไปเพื่ออะไรกัน ข้าไม่เคยคิดเป็นฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ…”

“ซย่าโหวฉิงเทียน ข้ารู้ดีว่าฮ่องเต้ของท่านต้องการฉินจื้อให้จงได้ และข้าก็รู้ดีว่าฉินจื้อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้าโจว แต่มีจุดหนึ่งที่ข้าขอเน้นย้ำนั่นก็คือ ถึงแม้ว่าแคว้นฉินจื้อจะรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของต้าโจว แต่ให้อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดเป็นของช่าช่า นี่เป็นข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้า”

ซย่าโหวฉิงเทียนพบเจอผู้คนและเรื่องราวมามากมาย ทว่าผู้ที่ใช้แคว้นทั้งแคว้นเป็นของขวัญให้กับเพื่อน คงมีเพียงเชียนเยี่ยเสวี่ยเท่านั้นที่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้

แมวน้อย คนที่เจ้ารู้จัก น่าสนใจทั้งนั้นเลย!

“เรื่องนี้ข้าคงต้องคิดดูก่อน”

“ไม่ต้องคิด! มันจะต้องเป็นเช่นนี้!” เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวย้ำด้วยความหนักแน่นชัดเจนอีกครั้ง

“หากต้าโจวมิต้องการสูญเสียกำลังทหารแม้แต่คนเดียวก็ในการพิชิตแคว้นฉินจื้อ เพียงแค่รับปากเงื่อนไขของข้าเท่านั้น มิฉะนั้นข้อตกลงก่อนหน้านี้ให้ถือเป็นโมฆะ ข้าจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ แล้วเรารบราฆ่าฟันกันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!”

ในขณะที่กล่าวคำพูดนี้ สีหน้าท่าทางเชียนเยี่ยเสวี่ยหนักแน่นมั่นคง

“เจ้าไม่กลัวข้าจะฆ่าเจ้าหรืออย่างไร” ซย่าโหวฉิงเทียนหรี่ตาลง ยิ่งรู้สึกว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยน่าสนใจยิ่งนัก

“ท่านไม่ฆ่าข้าหรอก! ฆ่าข้าไม่มีประโยชน์อะไรกับท่านเลย ทั้งยังจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับช่าช่าอีกด้วย และข้าก็กล้าพนันได้เลยว่า ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของข้าอย่างแน่นอน!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวตรงไปตรงมาถึงขนาดนี้ หากซย่าโหวฉิงเทียนยังปฏิเสธอีก นั่นก็ชัดเจนว่าเป็นเพราะอารมณ์ล้วนๆ

หากไม่ต้องสิ้นเปลืองแรง ไม่สูญเสียชีวิตคนก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ไหนเลยจะไม่ยินดีเล่า!

ยิ่งกว่านั้นฉินจื้อจะอยู่ใต้อาณัติอวี้เฟยเยียน เช่นนั้นเท่ากับว่านางจะมีแคว้นทั้งแคว้นเป็นเบื้องหลังคอยสนับสนุน ภายหน้าหากว่าใครต้องการหาเรื่องอวี้เฟยเยียนก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อนแล้ว!

ถึงแม้ว่ามีเขาอยู่แล้ว จะไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องก็ตาม

“ตกลงตามนี้!”

ในเมื่อข้อเสนอของเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นประโยชน์ต่ออวี้เฟยเยียน เหตุใดเขาจะไม่รับปากเล่า!

อวี้เฟยเยียนมิได้ล่วงรู้เลยว่า คนทั้งสองใช้เวลาเพียงแค่ชั่วครู่ก็ตัดสินปัญหาที่ว่าฉินจื้อจะตกเป็นของใครได้ไปเรียบร้อยแล้ว

ในตอนนี้ นางมาอยู่ที่บนหลังคาวังหลวงแห่งฉินจื้อ หันไปทางตำหนักจันทราแล้วตะโกนออกมา

“เยี่ยหง ออกมานะ!”

ขณะที่เชียนเจิ้งหยางกำลังหน้าบานกระหยิ่มยิ้มย่องรับการคารวะจากขุนนางผู้ใหญ่หลายคนอยู่ภายในตำหนักจันทรา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น แทบจะร่วงตกจากบัลลังก์มังกรลงมาเลยทีเดียว

ในสายตาเขา อย่างไรเสียเชียนลั่วเฉิงก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ขอเพียงแต่เขารับช่วงดูแลราชกิจต่อไป เชียนลั่วเฉิงก็ไปตายได้เลย

เสียงที่จู่ๆ ก็ดังแว่วเข้ามาทำเอาเชียนเจิ้นหยางตกใจแทบสิ้นสติ

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ขุนนางที่กำลังคุกเข่าก็เริ่มลุกลี้ลุกลน แต่ละคนค่อยๆ คลานเข้ามารวมกันที่นอกประตู เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า

“ใครกัน”

“ยโสโอหังถึงเพียงนี้!”

“กล้ามาหาเรื่องปรมาจารย์เยี่ยหงถึงที่นี่”

เหล่าขุนนางทั้งหลายผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ กล่าวขึ้น ยิ่งทำให้ในใจเชียนเจิ้นหยางยิ่งหวาดกลัวเป็นทวีคูณ

เยี่ยหงหายสาบสูญไปแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายมาตามหานางถึงที่ ชัดเจนว่าคงมาท้าดวลตัวต่อตัว นี่เขาจะทำอย่างไรดี

“เยี่ยหง เจ้าคิดว่าหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาพบข้า เรื่องเมื่อวานก็จะจบไปอย่างนั้นหรือ เจ้าใช่หรือไม่ที่ให้คนมาจับข้า วันนี้ข้ามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง เจ้ายังไม่ออกมาอีกหรือ!’

เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่อยู่ข้างล่างก็เข้าใจในทันที

ผู้ที่อยู่ด้านบนก็คืออวี้หลัวช่า!

ส่วนเรื่องที่ว่าเยี่ยหงส่งสายตาให้ท่าหลินเจียงอ๋องกลางถนน จนถูกซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานจนปางตายนั้น เล่าลือไปทั่วทุกหัวระแหง

ผู้ที่รู้เรื่องราวยังเล่าอีกว่า ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่าคือคนรักกัน ในตอนนั้นอวี้หลัวช่าก็อยู่ด้วย

บัดนี้ อวี้หลัวช่ายังมาหาเรื่องถึงที่ เห็นทีคนทั้งสองจะผูกใจเจ็บกันมา!

อวี้เฟยเยียนร้องตะโกนดังขึ้นอีก ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ได้ยินเสียงของนางโดยทั่ว

นางจำเพาะเจาะจงต้องมาหาเรื่องในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่านางเจตนา!

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท