จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 99-3

ตอนที่ 99-3

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 99-3 ทำชั่วได้ชั่ว สมน้ำหน้าเจ้านัก
“พวกเขา…กำลังฝึกวิชาร่วมกัน”

ในขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังตกตะลึงจนพูดไม่ออกนั่นเอง น้ำเสียงดังฟังชัดของซย่าโหวฉิงเทียนก็ดังขึ้นที่ข้างหูของนาง

ฝึกวิชาร่วมกันบ้าอะไรเล่า!

อวี้เฟยเยียนถึงกับกลอกตาไปมา เมื่อมองเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเอาแต่จ้องมองคู่รักสุนัขชายหญิงที่ด้านล่างตาไม่กะพริบ ราวกับกำลังตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังอยู่นั้น อวี้เฟยเยียนก็รีบเอาแผ่นหลังคาอุดเอาไว้ตามเดิมทันที

“ห้ามมอง ปิดตาเดี๋ยวนี้!”

“โอ…”

เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนเริ่มสั่งการ ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบปิดตาลงอย่างว่าง่าย

เอาเถอะ คงเป็นเพราะแมวน้อยมิอาจฝึกร่วมกับเขาได้ถึงได้โกรธเคืองขึ้นมา

เมื่อคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงเอ่ยปากปลอบนางว่า

“แมวน้อย รอให้เจ้าฝึกถึงขั้นอาวุโสก่อน พวกเราค่อยฝึกวิชาด้วยกัน ตอนนี้ระดับขั้นเจ้ายังต่ำเกินไป ฝึกร่วมกันจะไม่ดีต่อเจ้า!”

วาจาซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเหตุให้อวี้เฟยเยียนถีบเขาจนกระเด็นลงไป

“เพล้ง…”

เสียงแผ่นหลังคาค่อยๆ ร่วงลงไปยังพื้นเบื้องล่าง วินาทีที่ที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังจะร่วงตกลงไปด้านล่างนั้น เขาก็คว้ากระเบื้องนั้นเอาไว้ได้จนกลับหัวห้อยต้องแต่งอยู่บนหลังคา

ฝึกร่วมกันกับผีน่ะสิ!

ใครจะฝึกร่วมกับท่านกัน!

ใบหน้าเล็กของอวี้เฟยเยียนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย นางถลึงตาใส่ซย่าโหวฉิงเทียน แล้วกระโดดขึ้นไปบนฟ้าทะยานออกไปทันที

“ใคร ใครกัน”

เชียนเจิ้นหยางที่กำลังปฏิบัติการจนเร่าร้อนได้ที่ หลังจากที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างบนหลังคา เขาก็อั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ปลดปล่อยออกมา เยี่ยอ๋องที่ผู้คนเรียกขานว่าปืนเงินจอมบ้าดีเดือด กลับกระทำเรื่องเช่นนี้ หากแพร่งพรายออกไปผู้มิพากันหัวเราะเยาะจนฟันหักหรอกหรือ

“เด็กๆ!”

ถึงแม้ว่าความร้อนรุ่มที่อัดแน่นอยู่เต็มพิกัดจะมิได้ระบายออกมา แต่จู่ๆ ก็เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็กระตุ้นเตือนสัญชาตญาณระมัดระวังของเขาเป็นอย่างดี

หลังจากที่สวมใส่ชุดเรียบร้อย เขาก็สั่งให้คนไปตรวจดูโดยรอบทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เพียงแต่ในเวลานั้นซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนหนีไปได้ไกลเสียแล้ว

เชียนเจิ้นหยางให้คนออกตามหาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบใครที่น่าสงสัย ทว่าแผ่นกระเบื้องบนหลังคาบ่งบอกชัดเจนว่ามีคนเคยขึ้นมาจริง

“ใครกันแน่นะ”

ถูกคนเข้ามาขัดจังหวะหลายครั้งเข้า อารมณ์เรื่องอย่างว่าของเชียนเจิ้นหยางก็หมดลงไปเสียแล้ว

ความน่าสงสัยในวันนี้ก็คือ

ตกลงแล้วคนที่อยู่บนหลังเป็นใครกันแน่ พวกมันเห็นอะไรไปเท่าไหร่กัน

หลังจากสับสนตื่นตระหนกอยู่บนรถม้าอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดเชียนเจิ้นหยางก็สงบสติอารมณ์ลงได้

ต่อให้ถูกพบเห็นแล้วอย่างไรเล่า

ในตอนนี้เสด็จพ่อก็อยู่ในสภาพเช่นนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ตายไปแล้ว คนที่สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปได้ก็มีเพียงเขา พวกที่ไม่เชื่อฟังก็ฆ่ามันให้หมด แล้วดูสิว่าคนพวกนั้นจะพูดอะไรได้อีกหรือไม่!

เมื่อกลับถึงจวนเชียนเจิ้นหยางก็ตรงไปที่เรือนอนุภรรยาเพื่อปลดปล่อยต่อทันที

ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนกลับตามติดอวี้เฟยเยียนอย่างใกล้ชิด

“แมวน้อย วิชาตัวเบาเจ้ารวดเร็วยิ่งนัก จะตามพี่ทันอยู่แล้ว!”

อวี้เฟยเยียนที่เดิมทีกำลังหงุดหงิดเรื่อง ‘ฝึกร่วม’ ได้ยินประโยคนี้แล้วในที่สุดก็ยิ้มออกมา

คนหน้าไม่อาย ใช้ความไร้เดียงสาเป็นอาวุธ แต่คำพูดที่ใช้กลับทำให้คนฟังคิดลึกไปไกล น่าโมโหจริงๆ !

ได้ยินเสียงหัวเราะของนาง ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็คลายความกังวล

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดจู่ๆ อวี้เฟยเยียนก็เกิดงอนเขาขึ้นมา!

ในตอนนี้เราสองคนยังมิอาจฝึกร่วมกันได้ แต่แมวน้อยก็ไม่จำเป็นต้องโมโหนี่นา!

ในตอนที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อยู่นั่นเอง ทันใดนั้นอวี้เฟยเยียนก็กระโดดขึ้นฟ้าทะยานออกไปไกล วินาทีนั้นเองที่ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเข้าใจกับความหมายของประโยคที่ว่า ‘ใจของสตรีลึกยิ่งกว่ามหาสมุทร!’

เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนไม่ยอมสนใจตนเอง ซย่าโหวฉิงเทียนจึงแสร้งก้าวพลาดแล้วร้องออกมาคำหนึ่ง

“ไอ้หยา”

แล้วล้มลงไปบนพื้น

แผนแกล้งเจ็บตัวนี้ใช้ได้ผล!

เพราะเมื่ออวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้นก็หันหลังกลับมาทันที จากนั้นก็รีบร้อนตรงเข้ามาหา

เมื่อนางรีบร้อนทะยานสับขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นกระโปรงนางก็เกี่ยวเข้ากับต้นไม้ทำให้นางสะดุดล้มไปจริงๆ

จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนมาถึง มืออวี้เฟยเยียนก็ขูดเข้ากับพื้นจนเกิดเป็นแผลใหญ่ แดงก่ำเป็นทาง ไม่นานเลือดก็เริ่มไหลออกมา

“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

อวี้เฟยเยียนมิได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง กลับรีบร้อนถามซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความเป็นห่วง

“เมื่อครู่ท่านเป็นอะไรไป หกล้มตรงไหน”

เห็นอากัปกิริยาของอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักสองสามครั้ง

เดิมทีก็ไม่มีเรื่องอะไร กลับไปแกล้งทำให้แมวน้อยตกใจเสียนี่ ตอนนี้เป็นเรื่องแล้วหรือไม่เล่า!

“พี่สบายดี!”

ซย่าโหวฉิงเทียนจับมือของอวี้เฟยเยียนขึ้นมา

บนฝ่ามือนางมีแผลถลอกเป็นแนวสามแนว รอยเลือดยังปรากฏชัดเจน ทำให้เขาสงสารนางยิ่งนัก

“อย่า! มันสกปรก…”

เห็นซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าลงต่ำ อวี้เฟยเยียนก็รีบชักมือกลับทันที ใครจะคาดคิด มือเขากุมมือนางเอาไว้แน่นหนาราวกับตะปูใหญ่ตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ลิ้นเลียเลือดบนบาดแผลของนาง

“โอ๊ย…”

อวี้เฟยเยียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย คิ้วขมวดจนเป็นปม

“เจ็บมากหรือ”

อวี้เฟยเยียนเงยหน้าขึ้นกล่าวถาม ที่มุมปากของเขายังมีรอยเลือดอยู่ด้วย

“อื้ม!”

อวี้เฟยเยียนพยักหน้า นางเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่มุมปากของซย่าโหวฉิงเทียน

“บนฝ่ามือข้าเต็มไปด้วยฝุ่นดิน กินเข้าไปมันจะไม่ดีต่อท้องนะ!”

“ไม่หรอก!”

ซย่าโหวฉิงเทียนยังรู้สึกผิดไม่หาย

หากมิใช่เขาแสร้งหกล้ม อวี้เฟยเยียนก็คงไม่เป็นเช่นนี้!

“แมวน้อย เลือดเจ้าหอมหวานยิ่งนัก!”

เมื่อนึกถึงในเวลาปกติที่อวี้เฟยเยียนมันจะปลุกปลอบตนเองอย่างไร ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มปลุกปลอบนางด้วยท่าทางงุ่มง่ามขึ้นมา

พี่ชายท่านนี้ ท่านมาพูดเช่นนี้เอาตอนนี้ ท่านคิดจะเป็นผีดูดเลือดหรืออย่างไรกัน

ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักความรักใคร่เอาเสียเลย!

อวี้เฟยเยียนอดส่ายหน้าไม่ได้

ในตอนที่นางเงียบไปชั่วครู่นั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เลียรอยเลือดบนฝ่ามือนางเสียจนสะอาดเอี่ยม

“กลับไปพี่จะทายาให้เจ้านะ!”

ซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มอวี้เฟยเยียนขึ้นแนบอก แล้วพุ่งทะยานมุ่งหน้ากลับที่พักทันที

เหน็ดเหนื่อยมากเกือบทั้งคืน เมื่อพวกเขากลับถึงที่พัก ฟ้าก็เกือบสว่างแล้ว

ซย่าโหวฉิงเทียนไปตักน้ำด้วยตัวเอง ล้างแผลให้นางอย่างระมัดระวัง หลังจากเป่าจนแห้งเขาก็ทายาเป็นชั้นหนาให้ สุดท้ายจึงค่อยพันแผลให้ซึ่งมันหนาเป็นก้อนใหญ่ราวกับขาหมูอย่างไรอย่างนั้น เขาถึงวางใจ

“พวกเจ้ากลับมาแล้วหรือ!”

ตี้อู่เฮ่ออีมองดูมือที่กลมราวกับขาหมูของอวี้เฟยเยียน ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

“แม่นางอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป”

จนกระทั่งอวี้เฟยเยียนอธิบายสาเหตุออกไป บอกว่าสะดุดล้มเล็กน้อย หลังจากนั้นตี้อู่เฮ่ออีก็ใช้สายตาตำหนิมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน

“ท่านพี่ซย่าโหว ท่านพันแผลเช่นนี้มันผิดถนัด!”

“นี่เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่ท่านพันแผลเสียจนแน่นขนาดนั้นทำให้ผิวหนังมิอาจหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปได้ซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อบาดแผล อีกอย่างอากาศร้อนอบอ้าว ผู้ป่วยจะไม่สบายตัวเอา!”

“นอกจากต้องแน่ใจว่าผู้ป่วยปลอดภัยแล้ว ความสบายของผู้ป่วยก็เป็นสิ่งสำคัญ!”

ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ตี้อู่เฮ่ออีจึงปรารถนาดีแก้มืออ้วนราวกับมือหมูของอวี้เฟยเยียน แล้วพันแผลให้ซย่าโหวฉิงเทียนดูเป็นตัวอย่าง

“ดูสิ เช่นนี้ต่างหากจึงดีที่สุด!”

ตี้อู่เฮ่ออีทำราวกับเป็นคุณครูอย่างไรอย่างนั้น อธิบายทุกขั้นตอนละเอียดยิบ

ทว่าเมื่อได้เห็นยาทาบาดแผลของอวี้เฟยเยียนเข้า สีหน้าสงบราบเรียบก็นิ่งต่อไปไม่ไหว

“แม่นางอวี้ ยาของเจ้าให้ข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่”

แววตานับถือเลื่อมใสของตี้อู่เฮ่ออีจ้องมองอวี้เฟยเยียนนิ่ง มันดูคล้ายราวกับสุนัขพันธุ์ปั๊กก็ไม่ปาน

เดิมทีเขารอชมการประลองวิชาแพทย์ระหว่างอวี้เฟยเยียนและตี้อู่หงเยี่ยอย่างใจจดใจจ่อ แต่ตี้อู่หงเยี่ยถูกซย่าโหวฉิงเทียนสังหารไปแล้ว การประลองในครั้งนี้ก็จบไป

ไม่ได้ชมวิชาแพทย์ของอวี้เฟยเยียน ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีรู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง

คราวนี้ นางบาดเจ็บเป็นโอกาสที่ดีที่ให้เขาได้เรียนรู้วิชาแพทย์ของอวี้เฟยเยียน

ถึงแม้ว่ายาที่อวี้เฟยเยียนใช้รักษาบาดแผลจะเป็นยาธรรมดาทั่วไป แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็รับรู้ได้ว่ายานั้นมีความบริสุทธิ์สูงมาก อีกทั้งยังมีส่วนผสมบางอย่างของยาที่เขาไม่รู้จักอีกด้วย

เมื่อได้พบกับความรู้ทางด้านการแพทย์ที่สูงส่งซึ่งตนเองไม่รู้มาก่อน เลือดในกายตี้อู่เฮ่ออีก็แล่นพล่านไปทั่วร่างด้วยความอยากรู้!

“ข้าแลกเปลี่ยนกับท่านก็ได้ จริงๆ นะ!”

ด้วยเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะไม่ยินยอม ตี้อู่เฮ่ออีจึงพุ่งเข้าไปในห้องของตน ไม่นานก็หอบเอาขวดยามากมายออกมาเต็มอ้อมแขน

“เจ้าชอบขวดไหนก็หยิบเอาไปได้เลย!”

ท่าทางตี้อู่เฮ่ออีทำอวี้เฟยเยียนได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง

เขาที่เป็นเพียงแพทย์ท่าทางสูงส่งเรียบร้อยแท้ๆ แต่เมื่อได้พบกับปริศนาในเรื่องการแพทย์เท่านั้น ก็กลายร่างเป็นผู้ติดตามตัวยงที่แสนบ้าคลั่งไปในทันที

หรือชาวตานฝ่ายขวาจะบ้าคลั่งการแพทย์เช่นนี้ทุกคนหรือ

“เจ้าหยิบไปเถอะ ในห้องของข้ายังมีอีกนะ!”

อวี้เฟยเยียนเองก็สนใจใคร่รู้ในวิชาแพทย์ของเผ่าตานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นจึงเข้าไปเลือกขวดยาที่ตนเองสนใจมาสองสามขวด

การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีพึงพอใจเป็นที่สุด!

หากอวี้เฟยเยียนให้ยาแก่เขาเปล่าๆ เขาคงขัดเขินอย่างมากแน่ๆ !

ไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนกันด้วยมิตรภาพและมารยาท เช่นนี้ต่างหากจึงเป็นการดีที่สุด! ยิ่งกว่านั้นเขาเองก็หวังว่าอวี้เฟยเยียนจะเรียนรู้วิชาการแพทย์ของเผ่าตานให้มากยิ่งขึ้น เมื่อพบกับปัญหาในการปรุงยาที่แก้ไม่ตก ได้ปรึกษาหารือซึ่งกันและกัน ไม่แน่ว่าอาจจะค้นพบอะไรใหม่ๆ เข้าก็เป็นได้

หากเอาแต่หมกเม็ดวิชาเอาไว้ ความรู้ตนก็ไม่มีวันก้าวหน้า!

ความรู้ด้านวิชาแพทย์กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต!

กระทั่งตี้อู่เฮ่ออีทำแผลให้อวี้เฟยเยียนเสร็จ สุดท้ายจึงผูกปมพันแผลให้กับนางอย่างสวยงาม

“ท่านพี่ซย่าโหว ท่านเข้าใจหรือยัง”

“อื้ม”

ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะรู้สึกเบื่อหน่ายที่ตี้อู่เฮ่ออีแย่งความดีความชอบของเขาไป แต่เขาก็ต้องยอมรับว่า ให้ผู้เชี่ยวชาญทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด!

ไม่ได้การ เขาต้องเรียนรู้เช่นกัน!

ซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ยอมให้ตี้อู่เฮ่ออีมาแย่งตำแหน่งเขาไปได้

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท