จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 103-3 ร้องขอความตายต่างหากยากลำบากที่สุด
“เสวี่ย!”
ด้วยเข้าใจความรู้สึกของเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนเอื้อมมือออกไปโอบกอดนางเอาไว้
“เสวี่ย เจ้าไปที่กันโจวเถอะ ไปสมทบกับท่านตาและท่านลุงของเจ้า!”
“ดวงตาเจ้าหายเป็นปกติแล้ว เวลานี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะปรากฏตัว! สำหรับเชียนลั่วเฉิง ข้าจะเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาไว้ รอให้เจ้ากลับถึงเมืองหลวง ข้าจะมอบเขาให้เจ้าจัดการลงโทษ ข้าจะไม่ให้เขาตายง่ายๆ เช่นนี้เป็นแน่!”
สิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาตรงกับสิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยคิด
นางจะกลับไปอย่างถูกต้องและสง่าผ่าเผย เพื่อล้างมลทินให้กับตระกูลฉู่และเสด็จแม่!
ในตอนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยกำลังจะออกเดินทางนั้น ตี้อู่เฮ่ออียังไม่หายดี ดังนั้น นางจึงตั้งใจกล่าวคำขอโทษกับตี้อู่เฮ่ออีมากมาย
“ข้าจวนเจียนจะหายดีแล้ว!”
เมื่อรู้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยต้องจากไป ในใจตี้อู่เฮ่ออีก็รู้สึกโหวงเหวงพิกล
ยาอวี้เฟยเยียนได้ผลชะงัดนัก เพียงแต่เขาดูแลตัวเองให้มาก ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลอีกต่อไปแล้ว
ทว่า เรื่องเหล่านี้ตี้อู่เฮ่ออีไม่ได้บอกกับเชียนเยี่ยเสวี่ย
ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป เขารู้สึกดีที่ได้เห็นนางคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้กับเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งแสนอบอุ่นและสบายใจ
ถึงแม้ว่าคำพูดเชียนเยี่ยเสวี่ยจะยัวะอารมณ์ของเขาให้โกรธเคืองได้ทุกครั้ง แต่เมื่อเขามองดวงหน้างดงามของนางที่กำลังฉีกยิ้มออกมานั้น มันก็ทำให้ความโกรธเขามลายหายไปจนหมดสิ้น
ความเคยชิน ช่างเป็นสิ่งน่ากลัวจริงๆ!
“เจ้ารอก่อน!”
ตี้อู่เฮ่ออีกลับมายังห้องของตนเอง แล้วหยิบของบางอย่างออกมาส่งให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
“นี่เป็นยาที่ข้าปรุงขึ้น เจ้ารับไปสิ! กระบี่ไร้ตา อย่าเผลอทำร้ายตัวเองเข้า!”
“ขอบคุณมาก เจ้าทึ่ม ข้าจะต้องปลอดภัยกลับมาแน่!”
ความปรารถนาดีของตี้อู่เฮ่ออีเชียนเยี่ยเสวี่ยรับเอาไว้ด้วยใจ
ถึงแม้ว่านางจะสำเร็จขั้นราชันจักรพรรดิแล้ว ในแคว้นฉินจื้อนี่ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้นางได้ แต่เก็บยาเอาไว้ใกล้ตัวบ้างก็นับเป็นเรื่องดี
“เห็นที ข้าจะมาช้าไปสักหน่อย…”
อวี้เฟยเยียนปากฎตัวต่อหน้าคนทั้งสอง ในมือของนางถือถุงยาห่อใหญ่
“ในเมื่อมีคนเป็นห่วงเจ้าแทนข้าแล้ว ยาเหล่านี้ของข้าเห็นทีจะไม่ได้ใช้เสียแล้ว!”
โดนอวี้เฟยเยียนล้อเลียน ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับแก้มแดงใบหน้าร้อนผ่าว
กลับกลายเป็นเชียนเยี่ยเสวี่ยเสียอีกที่ไม่เข้าใจความนัยจากคำพูดของอวี้เฟยเยียน นางดึงเอายาทั้งห่อในมืออวี้เฟยเยียนไป
“มีเอาไว้ยิ่งมากยิ่งดี!”
“ต่อให้ข้าไม่ได้ใช้ ก็ยังมีท่านตาท่านลุงของข้าอีก!”
เมื่อเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เชียนเยี่ยเสวี่ยก็กล่าวลาอวี้เฟยเยียน หนานกงจื่อหลิงและตี้อู่เฮ่ออีทั้งสามคน
ก่อนจะไป เชียนเยี่ยเสวี่ยยังย้ำเตือนตี้อู่เฮ่ออีอีกว่า
“เจ้าทึ่ม เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำพูดช่าช่านะ จะต้องรักษาตัวให้หาย ข้ากลับมาจะมาตรวจ!”
หนานกงจื่อหลิงที่อยู่ด้านข้าง กวาดตาไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยที มองไปที่ตี้อู่เฮ่ออีที แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย
“พี่เสวี่ย ท่านจะมาตรวจสอบอย่างไรหรือเจ้าคะ”
คำถามของหนานกงจื่อหลิง ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับอึ้งเงียบลงไปทันที
จริงด้วยสิ!
บาดแผลตี้อู่เฮ่ออีอยู่ที่บริเวณเอวด้านหลัง หรือนางจะถอดเสื้อผ้าเขาเพื่อตรวจสอบ
แต่ว่า เรื่องเช่นนี้ก็มิใช่นางไม่เคยทำนี่นา เชียนเยี่ยเสวี่ยโบกไม้โบกมือ
“แน่นอนว่าถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วตรวจสอบน่ะสิ!”
ความเปิดเผยของเชียนเยี่ยเสวี่ย ให้เลือดในกายของตี้อู่เฮ่ออีสูบฉีดขึ้นไปที่ใบหน้าอีกครั้ง
ถอดหมด
นางไม่ตะโกนให้ดังกว่านี้ไปเลยเล่า
‘หน้า’ ไม่สลักสำคัญสำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยเลยหรือ
“ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี! เจ้าวางใจเถอะ!”
ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวลอดไรฟัน
อีกครั้งที่ใบหน้าชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยรูปร่างผอมบางแดงระเรื่อราวกับกุ้งปรุงสุก ซึ่งมันทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
“พูดก็พูดสิ หน้าแดงทำไมกัน ข้าเกือบคิดไปว่าเจ้าเป็นไข้เสียอีก ทำราวกับเป็นหญิงสาวไปได้ ทำให้คนเขาคอยเป็นห่วงได้ตลอดจริงๆ! ”
“ข้าเป็นชายชาตรี! เจ้าต่างหากที่เป็นหญิงสาว!”
ตี้อู่เฮ่ออีกลายร่างเป็นปีศาจจอมโหดอีกครั้ง ทว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับเคยชินกับท่าทีเขาเสียแล้ว นางขึ้นคร่อมม้าอย่างรวดเร็ว แล้วกำมือไว้ที่อกคารวะคนทั้งสาม
“ทุกท่าน รอข้ากลับมา!”
รอจนกระทั่งแผ่นหลังเชียนเยี่ยเสวี่ยไกลออกไปจนลับตา ตี้อู่เฮ่ออีจึงได้คอตกด้วยความผิดหวังเล็กๆ
ไปเช่นนี้นะหรือ
จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ…
“พี่เฮ่ออี ท่านเริ่มคิดถึงพี่เสวี่ยแล้วหรือไม่”
หนานกงจื่อหลิงกระโดดโลดเต้นเข้ามาหาตี้อู่เฮ่ออี
จู่ๆ หนานกงจื่อหลิงก็ถลาเข้ามา ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีสะดุ้งโหยง
“เปล่าเสียหน่อย! หลิงเอ๋อร์ เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!”
ตี้อู่เฮ่ออีโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
“พี่เสวี่ยมีประโยคเด็ดอยู่ประโยคหนึ่ง ว่าอะไรนะ” หนานกงจื่อหลิงขมวดคิ้ว แล้วปรบมือพร้อมกับหัวเราะออกมากล่าวว่า
“อธิบายนั่นคือปกปิด ปกปิดก็เท่ากับไม่ซื่อสัตย์!”
ถูกหนานกงจื่อหลิงหัวเราะเยาะ ข้างกายอีกด้านก็เป็นอวี้เฟยเยียนที่สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในที่สุดตี้อู่เฮ่ออีก็ทนไม่ไหว
“เอ่อ ข้ามีธุระ ขอตัวก่อนนะ!”
เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนรีบแจ้นหนีไปของตี้อู่เฮ่ออี หนานกงจื่อหลิงก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
“พี่อวี้ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะคะ”
หนานกงจื่อหลิงถามขึ้น
“เขาเรียกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองไม่ทะลุ ส่วนผู้ชมกลับมองทะลุปรุโปร่ง!”
เสียงอวี้เฟยเยียนจากที่ไกลๆ ลอยมาถึงหูตี้อู่เฮ่ออี จนเขาใบหูแดงก่ำ
ในเหตุการณ์อะไร ผู้ชมอะไร สตรีเมื่ออยู่ด้วยกันเมื่อไหร่เป็นต้องซุบซิบ!
เขาเพียงแต่เป็นห่วงเชียนเยี่ยเสวี่ยเท่านั้นเอง!
เห็นแก่ที่นางคอยดูแลเขาอย่างดี เขาจะเป็นห่วงนางสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ
ไม่ได้เลยหรือ
เชียนเยี่ยเสวี่ยไปคราวนี้ กินเวลากว่าครึ่งเดือน
ซึ่งภายในเวลาครึ่งเดือนนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนสามารถยึดครองฉินจื้อได้กว่าครึ่งแคว้น ในตอนที่ทุกคนคิดว่าฉินจื้อจะต้องล่มสลายแน่แล้วนั่นเอง เยี่ยนอ๋องที่ใครๆ ต่างเข้าใจว่าตายไปแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ การมาโค่นล้มราชบัลลังก์ของตระกูลฉู่ ก็ยิ่งถูกต้องตามครรลองครองธรรมมากยิ่งขึ้น
เหล่าผู้คนหลังที่ได้ยินข่าวว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่ต่างก็จุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เยี่ยนอ๋องยังอยู่ เยี่ยนอ๋องคือดาวโชคดีที่จะมาช่วยเหลือกอบกู้ทุกคน!
และเมื่อข่าวที่เชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่แพร่สะพัดออกไป เชียนเจิ้นหยางถึงกับตระหนกจนแทบทรุด
เป็นไปไม่ได้!
เขาไม่เชื่อ!
แต่ไม่ว่าเชียนเจิ้นหยางจะเอาแต่หลอกตัวเองอย่างไร ความจริงย่อมมีชัยชนะเหนือเขาเสมอ!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเข้าโจมตีของซย่าโหวฉิงเทียนและเชียนเยี่ยเสวี่ย เชียนเจิ้นหยางก็ไร้ซึ่งวิธีใดๆ ที่จะรับมือ
คนหนึ่งจอมเทวา อีกคนคือราชันจักรพรรดิ เชียนเจิ้นหยางหาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่!
แต่ก็นับว่าเชียนเจิ้นหยางยังโชคดีอยู่บ้าง เชียนเยี่ยเสวี่ยมิได้บุกเข้าวังมาสังหารเขาโดยตรง ยังให้โอกาสเขาได้เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย
แต่ทว่า เมื่อเหล่าขุนนางได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ ขุนนางกว่าครึ่งต่างขอลาป่วยเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมมาเข้าประชุมเช้า เป็นการแสดงออกชัดเจนว่ามิได้สนับสนุนเชียนเจิ้นหยางแต่อย่างใด
ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นกดดัน ในที่สุดเชียนเจิ้นหยางก็ล้มเลิกการต่อต้านในที่สุด
เขาเอาแต่ดื่มสุราจนเมามายอยู่กับหลิวกุ้ยเฟย ไปวันๆ เพื่อรอเวลาที่ความตายจะมาถึง
สุดท้าย ในเช้าตรู่ขณะที่ตะวันกำลังทอแสง แม่ทัพหู หูจื้อเหนิงก็เปิดประตูเมืองต้อนรับเชียนเยี่ยเสวี่ย
เมื่อกลับถึงเมืองหลวง เรื่องแรกที่เชียนเยี่ยเสวี่ยทำมิใช่เข้าวังแต่กลับตรงไปยังเรือนที่ตนเองเคยพำนักเมื่อในอดีตด้วยตัวเอง
“เสด็จพ่อ!”
เมื่อได้พบเชียนลั่วเฉิงในสภาพที่ผ่ายผอมจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็สั่งให้คนประคองเขาขึ้นรถม้า หลังจากนั้นจึงตั้งขบวนอย่างยิ่งใหญ่มุ่งหน้าสู่วังหลวง
บนรถม้า เชียนลั่วเฉิงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น ด้วยการช่วยเหลือของอวี้เฟยเยียน ในที่สุดเขาก็เอาชีวิตรอดมาได้
เมื่อห้าวันก่อนหน้านี้ เชียนลั่วเฉิงถึงขนาดยืนขึ้นได้ด้วยตนเอง เขาเริ่มที่จะฟื้นฟูความสามารถในการเดินจนกลับมาเดินเหินได้ โดยมีคนประคับประคอง
วิชาแพทย์อวี้หลัวช่าสูงส่งสมคำร่ำลือ!
เชียนลั่วเฉิงยังคิดว่าตนโชคดียิ่งนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานยากลำบากมากมาย แต่ก็มีคนมาช่วยเหลือในเวลาที่สำคัญที่สุด!
เชียนลั่วเฉิงรู้สึกซาบซึ้งใจอวี้หลัวช่ายิ่งนัก
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้อวี้หลัวช่าจะเคยมีข่าวคราวกับซย่าซย่าโหวฉิงเทียนแพร่ออกมา ทว่าเชียนลั่วเฉิงยังคงคิดว่าคนที่อวี้หลัวช่าถูกตาต้องใจนั้นยังคงเป็นบุตรชายตน เชียนเยี่ยเสวี่ย
หากมิใช่เพราะเหตุนี้ แล้วเหตุใดอวี้หลัวช่าถึงต้องช่วยเขาเอาไว้!
นี่อย่างไรที่เขาเรียกว่า รักเขาก็ต้องรักครอบครัวของเขาด้วย!