จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 113-3

ตอนที่ 113-3

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 113-3 ไอ้โง่ บรรพบุรุษของเจ้ายังตายตาหลับอีกหรือ

ถึงแม้ว่าพื้นจะราบเรียบ แต่อุ้งมือของหานจื่อนั้นหนักนัก มันกดทับร่างของตี้อู่เฉินเอาไว้แน่น จนเขาแทบหายใจไม่ออก

ยิ่งกว่านั้นเขาถูกกวาดกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ไม่นานลานหน้าประตูก็ถูกตี้อู่เฉินเช็ดจนสะอาดเกลี้ยงเกลา

ตี้อู่เฉินสงสัยยิ่งนักว่า เจ้าสุนัขสีดำตัวยักษ์สมควรตายนี้จะได้รับคำสั่งมาจากซย่าโหวฉิงเทียน จึงเจตนามาทรมานเขา!

“ไอ้โง่ เจ้ากล้าใช้สายตาอัปลักษณ์เช่นนั้นแทะโลมข้าอย่างนั้นหรือ!”

เมื่อรู้สึกว่าแววตาของตี้อู่เฉินซุกซ่อนความเ**้ยมโหดชั่วร้ายเอาไว้ หานจื่อก็วางเท้าลงบนพื้นเบื้องหน้าของตี้อู่เฉิน ฉับพลันพื้นก็เว้าลงไป จารึกเป็นรอยเท้าสุนัขชัดเจน

“ไอ้โง่ หัวเจ้าแข็งกว่าหรืออุ้งเท้าของข้ากันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน”

“ลองดูกันไหมเล่า”

หานจื่อส่ายกรงเล็บไปมาข่มขวัญตี้อู่เฉิน

“ใครก็ได้! ฆ่าคนแล้ว! ช่วยด้วย!”

เสียงร้องขอให้ช่วยชีวิตของตี้อู่เฉินดังเข้าไปถึงในหอคืนชีพตั้งนานแล้ว แต่หมอพวกนั้นเพียงแค่มองเห็นหานจื่อ ก็ล้มเลิกความคิดที่จะออกมาช่วยไปในทันที

ถึงแม้ว่าหานจื่อจะเฝ้าอยู่ที่หอคืนชีพแห่งนี้มาเป็นเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งหมอทุกคนก็คุ้นเคยกับมันดี แต่ทว่า นอกเสียจากเด็กอายุน้อยๆ แล้ว หานจื่อก็ไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าใกล้มันได้เลย

อีกทั้งหานจื่อก็น่ารักใจดี ไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างรูปลักษณ์ภายนอกของมันเลยสักนิด

เว้นเสียแต่ว่ามีคนไม่ดูตาม้าตาเรือไปหาเรื่องมัน!

ดังนั้น ไม่ว่าจะพูดในมุมไหน หมอทุกคนแห่งหอคืนชีพต่างก็มั่นอกมั่นใจว่า เจ้าคนผู้นั้นจะต้องไปหาเรื่องหานจื่ออย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็มิต้องออกหน้าแต่อย่างใด!

ตี้อู่เฉินร้องตะโกนอยู่เป็นนานก็ไม่มีใครออกมา ตรงกันข้ามกลับเป็นหานจื่อที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ไอ้โง่ ร้องเข้าไปอีกสิ!”

“ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก!”

ในที่สุดตี้อู่เฉินก็เข้าใจเสียทีว่าอะไรที่เขาเรียกว่า ‘คนละเผ่าพันธุ์ พูดกันไม่รู้เรื่อง’

เขารู้สึกราวกับว่าเจ้าหมายักษ์นี่ตั้งใจจะเล่นงานเขาถึงตาย หากไม่หาทางละก็ เขาจะต้องตายอยู่หน้าหอคืนชีพจริงๆ เสียแล้ว!

“อวี้หลัวช่า เจ้าเห็นคนจะตายไม่ช่วย! ปล่อยปละละเลยให้ท้ายสุนัขของท่านทารุณผู้คน! ข้าเป็นคนป่วย พวกเจ้าจะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”

ตี้อู่เฉินโก่งคอร้องตะโกนขึ้น น่าเสียดายที่ถนนเส้นนั้นถูกปิดเสียแล้ว โดยรอบจึงไร้ซึ่งผู้คน คำพูดทำลายล้างของเขา นอกเสียจากคนในหอคืนชีพแล้ว ก็ไม่มีใครได้ยินมันอีก

“ใส่ร้ายแม่นางน้อย”

“โทษอีกเท่าตัว!”

ในขณะที่หานจื่อกางอุ้งมือออกเตรียมที่จะตะปบลงบนศีรษะของตี้อู่เฉินนั่นเอง ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็ปรากฏตัว

“หานจื่อ…”

ตี้อู่เฉินก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังขึ้น ทันใดนั้นแรงที่กดอยู่บนศีรษะของเขาก็มลายหายไป หานจื่อรีบวิ่งเข้าไปประจบประแจงตรงหน้าของนาง

“แม่นางน้อย ข้าเบื่อหน่ายนี่นา!”

“เป็นเด็กดีนะ รอให้ข้าเสร็จงานนี้ก่อน แล้วจะพาเจ้าออกไปเดินเที่ยวเล่น!”

อวี้เฟยเยียนลูบศีรษะของมันอย่างแสนรัก

ตี้อู่เฉินถึงกับตาโตที่เห็นเจ้าสุนัขสีดำตัวยักษ์หลับตาพริ้ม หน้าตามีความสุขเสียเต็มประดา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู สุนัขตัวใหญ่แสนขี้อ้อน ไม่มีเค้าโครงของสุนัขจอมโหดอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ไอ้หมาเลว ปฏิบัติแตกต่างกันชัดเจน!”

ถูกสุนัขตัวหนึ่งปั่นหัว เล่นเอาตี้อู่เฉินโกรธจนแทบเป็นแทบตาย!

จะชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้เฒ่าแห่งเผ่าตันขวา ไม่ว่าจะตกระกำลำบากขนาดไหน ก็ไม่ถึงกับต้องมาถูกสุนัขเหยียบย่ำเช่นนี้

ในตอนที่ตี้อู่เฉินกำลังเตรียมเอ่ยจะเอาความอวี้เฟยเยียนนั่นเอง หานจื่อก็ถลึงตาใหญ่กวาดมองมา แววตานั้นทำให้ตี้อู่เฉินตกใจจนขวัญกระเจิงจึงต้องรับยิ้มรับแล้วพยักหน้าทันที

“เข้าใจผิด เข้าใจผิดทั้งสิ้น!”

แต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่า ใครหมัดหนักกว่ากันคนคนนั้นก็คือผู้ชนะ

ถึงแม้ว่าสิ่งที่เผชิญอยู่จะไม่ใช่คน แต่เป็นสุนัข แต่หากว่ามันแข็งแกร่งกว่าเขา ตี้อู่เฉินก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้

“ใต้เท้าหลัวช่า! ข้าถูกหนูกัด! ข้ากลัวตาย! ข้ายังไม่อยากตาย! ท่านจะต้องช่วยข้านะ!”

ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสาวน้อยผู้เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์ในตำนานอวี้หลัวช่า ตี้อู่เฉินรีบสวมบทปลอมตัวเป็นชาวบ้านผู้ทนทุกข์ทรมาน ไร้ซึ่งพิษสงใดทันที

หานจื่อถึงกับ ‘เฮอะ’ พร้อมกับปรายตามองด้วยสายดูถูกกับการแสดงของตี้อู่เฉิน

“คนโง่ไม่ว่าจะเสแสร้งอย่างไร ก็ยังเป็นไอ้โง่อยู่วันยังค่ำ!”

แต่ หานจื่อก็เชื่อแน่ว่า แม่นางน้อยจะไม่ถูกไอ้โง่นี่หลอกลวงได้เป็นแน่ มันเป็นแฟนตัวยงของแม่นางน้อยเชียวนะ มันรู้ดี ไอ้โง่ที่สติปัญญาเพียงหางอึ่งเท่านี้ ไม่เพียงพอที่จะมาเล่นกันแม่นางน้อยหรอก!

ในตอนนั้นเองอวี้เฟยเยียนถึงได้มองไปที่ตี้อู่เฉิน

นางเข้าใจหานจื่อเป็นอย่างดี ใช้สัตว์ปฏิบัติงาน พวกมันจะต้องพึ่งพาสัญชาตญาณความรู้สึกแรกของมันล้วนๆ

หานจื่อเจาะจงโจมตีตี้อู่เฉิน แสดงว่าคนผู้นี้จะต้องมีปัญหาอะไรเป็นแน่

“ไม่ต้องกลัว ตามข้าเข้ามาเถอะ!”

อวี้เฟยเยียนเดินมาถึงตรงเบื้องหน้าของตี้อู่เฉิน ซึ่งเขาโอบเอวของนางเอาไว้เกาะติดตามหลังอวี้เฟยเยียนไม่ห่าง ด้วยเกรงว่าหากเขาช้าแม้เพียงก้าวเดียวก็จะถูกหานจื่อจัดการในทันที

จนกระทั่งเข้ามาถึงภายในหอคืนชีพ ตี้อู่เฉินก็มองเห็นเหล่าแพทย์หนุ่มสาวมากมายกำลังทำงานกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยความขะมักเขม้น โดยไร้ซึ่งความวุ่นวายใดๆ

ด้านใน อบอวลไปด้วยกลิ่นยาจีนเข้มข้น

หญิงสาวสวยคนหนึ่งถือถาดใส่ถ้วยยาเดินมา เตรียมที่จะให้คนป่วยดื่ม ใครจะคาดคิดว่าในตอนที่นางเดินผ่านตี้อู่เฉินนั้น ก็ถูกเขาคว้าตัวเอาไว้ แย่งถาดยานั้นมาแล้วหยิบถ้วยยาขึ้นมา

“อึก…อึก”

ดื่มยาขมฝืดคอถ้วยนั้นจนเกลี้ยง

“เจ้า…”

เซวียจื่ออี๋เห็นอู่เฉินที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม ก็ขมวดคิ้วขึ้น

นี่เป็นยาที่ปรุงขึ้นสำหรับคนไข้ที่ได้รับเชื้อเบาบาง มาตอนนี้ถูกตี้อู่เฉินดื่มลงไปจนหมดแล้ว นางจึงต้องไปต้มมาใหม่อีกชาม

เสียงดังที่เกิดขึ้น ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องเหลียวหลังหันกลับไปมอง

เมื่อเห็นชามเปล่าในมือของตี้อู่เฉินกับคราบยาที่มุมปากของเขาแล้ว แววตาของอวี้เฟยเยียนก็ฉายแววอะไรบางอย่างออกมาครู่หนึ่ง

“ยานี่ไม่ใช่ไว้ให้ข้าดื่มหรอกหรือ”

ในตอนนั้น ตี้อู่เฉินจึงแกล้งโง่

แต่ในใจของเขากำลังวิเคราะห์ส่วนประกอบของยาที่เขาดื่มลงไปเมื่อครู่อยู่

เหลียนเชี่ยว ฉ่ายหู กาวเครือขาว เซิงตี้ ตังกุย โบตั๋น อัลมอนด์…

นี่มันตัวยาอะไรกัน ยังมีชะเอมและเกลือจืด สูตรยานี้จะสามารถรักษากาฬโรคจากหนูได้อย่างนั้นหรือ ตี้อู่เฉินเกิดความสงสัยยิ่งนัก

“จื่ออี๋ เจ้ารีบไปต้มมาใหม่อีกถ้วยหนึ่งเถอะ! รบกวนเจ้าแล้ว!”

อวี้เฟยเยียนพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกายเดินไปทันที

“รอข้าก่อน!”

ถึงแม้ว่าตี้อู่เฉินจะเกิดความสงสัย แต่เขาก็เกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นจึงตามอวี้เฟยเยียนไปติดๆ

เลี้ยวซ้ายที ขวาที อวี้เฟยเยียนก็พาตี้อู่เฉินไปที่ห้องว่างห้องหนึ่ง ห้องนั้นสะอาดเรียบร้อย แสงอาทิตย์สาดส่องถึง เหมาะแก่การรักษาคนป่วยยิ่งนัก

“นอนลง! ข้าจะตรวจอาการให้กับเจ้า!”

ตี้อู่เฉินรู้ดีว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะเขาจะได้เห็นวิชาแพทย์ของอวี้หลัวช่าเสียที

ในตอนนั้น เขาจึงนอนลงทันที

ในขณะที่เอนกายนอนลงนั้น เขาเจตนาเอื้อมมือออกไปกระตุกผ้าปิดหน้าผืนบางของอวี้เฟยเยียนลงมาด้วย

ครานี้ เขาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด

“เทพธิดา ท่านมิใช่บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ประตูมังกรหรอกหรือ แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

หญิงงามที่อยู่เบื้องหน้านี้ มิใช่เทพธิดาแห่งเผ่าตันหรอกหรือ! หากมิใช่ได้มาเห็นด้วยตาของตนเอง ตี้อู่เฉินก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป

ตอนที่เขาออกจากชนเผ่ามานั้น หัวหน้าเผ่ายังบอกกับเขาอยู่เลยว่าเทพธิดากำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ประตูมังกรนี่นา แล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้เล่า

หรือว่า หัวหน้าเผ่ามีแผนการอื่น

ดังนั้นเทพธิดาถึงได้ถูกส่งมาที่แผ่นดินหลัวอวี่นี่

มิน่าเล่าวิชาแพทย์ของอวี้หลัวช่าถึงได้เก่งกาจล้ำเลิศถึงเพียงนี้ หากเป็นจริง ทุกอย่างก็อธิบายได้ตรงกัน

แต่ว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้หัวหน้าเผ่ากลับปิดบังเขา ลึกลับจริงเชียว! หรือว่าเขาถูกตัดออกจากการเป็นศูนย์กลางของเผ่าตันขวาเสียแล้ว

ในตอนนั้นคำเรียกขานว่า ‘เทพธิดาของ’ ตี้อู่เฉินที่เรียกขานนางออกมานั้น ทำเอาอวี้เฟยเยียนถึงกลับตกตะลึง

เพียงครั้งเดียวที่นางเคยได้ยินคำว่า ‘เทพธิดา’ นั่นก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชาวเผ่าตัน

หรือว่าคนตรงนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าตาน

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท