จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 130-1 ตายเสียเถอะ คนเลว!

ตอนที่ 130-1 ตายเสียเถอะ คนเลว!

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 130-1 ตายเสียเถอะ คนเลว!
‘จักรพรรดิอาวุโส? สี่คน?’

อวี้เฟยเยียนกวาดสายตามองไปรอบกายแล้วหยักยิ้มเยือกเย็น จากนั้นนางจึงเลิกกระโปรงขึ้นเผยให้เห็นชุดฝึกวรยุทธ์สีชมพูที่อยู่ด้านใน

ฆ่าคน แน่นอนว่าชุดต้องเบาสบายคล่องตัวเสียหน่อย!

“ฆ่านาง!” หนานกงอ๋าวสั่งการด้วยสีหน้าเ**้ยมเกรียม มือก็กุมที่หน้าอกของตนเองเอาไว้

แม้ว่าเขาจะเป็นถึงราชาอาวุโส แต่ร่างกายของเขาก็ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเลือดเนื้อ เมื่อครู่ร่างของเขากระแทกเข้ากับหุบเขาจำลองอย่างรุนแรง ขณะนี้จึงรู้สึกเจ็บหน้าอกอยู่ไม่น้อย

เขาจำแทบไม่ได้แล้วว่าตนเองบาดเจ็บครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน

ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาสำเร็จขั้นราชาอาวุโสแล้วก็ไม่มีใครกล้าจะมาท้าทายเขาอีก สาวน้อยตรงหน้านี้เป็นคนแรก

‘ล้วงคองูเห่า เท่ากับรนหาที่ตาย!’

หลังจากได้รับคำสั่งจากหนานกงอ๋าวแล้ว ฟ้า ดิน กว้าง ไกล ทั้งสี่ก็ชักอาวุธขึ้นมา

“หนานกงอ๋าว เจ้ามันไร้สามารถ! “

อวี้เฟยเยียนสบประมาทแล้วตวัดสายตามองหนานกงอ๋าวที่หลบไปซ่อนตัวเสียไกลลิบ

คบหากับซย่าโหวฉิงเทียนมาเป็นเวลานาน อวี้เฟยเยียนจึงคุ้นชินกับความมุทะลุดุดัน ใช้ตัวเองเป็นทัพหน้าไปเสียทุกเรื่องของเขาไปแล้ว

แต่ทว่าตอนนี้ผู้ที่สำเร็จถึงราชาอาวุโสขั้นปลายเมื่อถูกผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าตนเองถึงสองขั้นเขามาท้าทาย สิ่งแรกที่เขาทำกลับเป็นการหลบซ่อนตัว ขี้ขลาดตาขาวที่สุด!

“ไม่ต้องพูดมาก พวกเจ้ารีบลงมือเร็วเข้า!” หนานกงอ๋าวยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก พร้อมกับออกคำสั่ง

เขาไม่ได้โง่! นังเด็กเมื่อวานซืนนี่ยังมีความสามารถถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าชายชุดสีม่วงนั่นจะสำเร็จถึงขั้นไหนแล้ว

เขาจะต้องรักษาพลังเอาไว้ เพื่อต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

อวี้เฟยเยียนไหนเลยจะไม่รู้ว่าหนากงอ๋าวกำลังคิดอะไรอยู่

หน้าโง่!

คิดจะประมือเดี่ยวกับซย่าโหวฉิงเทียน?

นอกเสียจากตาย นางก็ไม่มีคำอื่นใดจะมาสาธยายได้อีกแล้ว!

จักรพรรดิอาวุโสทั้งสี่กรายร่างเป็นสายลมสี่สายพุ่งเข้าใส่อวี้เฟยเยียน ส่วนหนานกงอ๋าวที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังยิ้มเยาะ

มีพรวรรค์แล้วเป็นอย่างไร? มีสุนัขสีดำตัวใหญ่คอยช่วยเหลือแล้วอย่างไร? ก็มีเพียงแค่สองมือเท่านั้น จะมาต่อกรกับคนถึงสี่คนได้อย่างไร?

ในขณะที่หนานกงอ๋าวกำลังลำพองใจคิดว่างานนี้เขาต้องเป็นฝ่ายกำชัยชนะแน่แล้วนั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็ตะโกนว่า

“หานจื่อ กลั้นหายใจ”

หลังจากนั้น กลีบดอกไม้สีชมพูล่องลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่กำจายออกมาพร้อมกัน กลีบดอกไม้เหล่านั้นปิดล้อมคนห้าคนกับหมาหนึ่งตัวเอาไว้

“อ๊าก!” เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน กลีบดอกไม้สีชมพูร่วงหล่นลงมา สีของมันค่อยๆเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีแดงอันงดงาม

“พลิ้ว——”

เมื่อสายลมพัดมา กลีบดอกไม้จึงร่วงหล่นไปติดที่เสื้อผ้าของหนานกงอ๋าวแน่น

หนานกงอ๋าวแตะกลีบดอกไม้นั้นขึ้นมา จึงพบว่าปลายนิ้วของเขาอุ่นร้อนและเปียกชื้น จวบจนกระทั่งเขาเพ่งมองโดยละเอียดแล้วก็ต้องตกตะลึง

ของเหลวอุ่นที่เปรอะเปื้อนอยู่บนกลีบดอกไม้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นเลือดมนุษย์!

เลือดสีแดงที่ประดับอยู่บนกลีบดอกไม้สดทำให้หนานกงอ๋าวต้องตระหนก นี่มันเลือดของใครกัน?

นังเด็กเมื่อวานซืนนั่น ยังจะ…

ในขณะที่หนานกงอ๋าวกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นั่นเอง เลือดสีแดงสดที่ปลายนิ้วของเขาก็กลับกลายเป็นสีฟ้า แพร่กระจายออกไปทุกทิศทางจากปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว ไม่นานนิ้วชี้ซ้ายของหนานกงอ๋าวก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

แย่แล้ว

กลีบดอกไม้นี้มีพิษร้ายแรง!

เมื่อรู้ดังนั้น หนานกงอ๋าวจึงคว้ากระบี่ตวัดตัดนิ้วชี้ของตนเองจนขาดสะบั้น

เจ็บเหลือเกิน!

ในที่สุดหนานกงอ๋าวก็ได้รู้ซึ้งว่าการที่ถูกตัดนิ้วทั้งเป็นมันเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้นี่เอง

เขากัดฟันอดทน ขณะที่ฉีกชายเสื้อพันแผลที่นิ้วชี้ของตนเองไปพลาง แววตาของเขาฉายแววเคียดแค้น

น่าโมโหที่สุด!

น่าโมโหที่สุด!

แม้ว่าตระกูลหนานกงอยู่ในอันดับที่ไม่สูงเท่าไหร่นักจากบรรดาตระกูลทั้งแปด ทั้งคนเก่งในตระกูลก็มีไม่มาก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรตัวเขาก็สำเร็จถึงขั้นราชาอาวุโสขั้นปลาย ออกไปข้างนอกจึงมีผู้คนไม่น้อยที่ยังนับหน้าถือตาเขาอยู่

แต่ในวันนี้เขากลับมาเพลี่ยงพล้ำ ด้วยน้ำมือของเด็กเมื่อวานซืนเช่นนี้ได้ น่าโมโหที่สุด!

หนานกงอ๋าวเงยหน้าขึ้นอย่างดุร้าย จึงพบว่าบรรดากลีบดอกไม้สีแดงเลือดเมื่อครู่กลายเป็นสีน้ำเงินประหลาด เสียงกรีดร้องเมื่อครู่ก็ยิ่งโหยหวนมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าจะมีกลีบดอกไม้ที่เล็กละเอียดบดบังสายตาของหนานกงอ๋าวเอาไว้ แต่เขาก็ยังสามารถคาดเดาได้ว่าที่ด้านในกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นังเด็กเมื่อวานซืนนั่นถึงกับใช้พิษ!

ต่ำช้าที่สุด!

หากว่าอวี้เฟยเยียนได้ล่วงรู้ในสิ่งที่หนานกงอ๋าวคิด นางจะต้องหัวเราะเยาะเป็นแน่

นางนั้นเป็นหมอ แน่นอนว่าย่อมต้องใช้พิษเป็น นี่เป็นวิธีที่ช่วยลดทอนความวุ่นวายต่างๆนานาไปได้มาก หรือว่าจะให้นางท้าชนกับผู้ชายอกสามศอกพวกนั้นตรงๆ? นั่นต่างหากถึงเป็นการสูญเสียกำลังโดยใช่เหตุ!

ความเจ็บปวดที่นิ้วมือค่อยๆเพิ่มมากขึ้นและมันกำลังกระตุ้นเตือนให้กับหนานกงอ๋าวได้รับรู้

เพราะมีกลีบดอกไม้ขวางกั้นอยู่ เขาจึงมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหลังแผงกลีบดอกไม้ แต่ในขณะเดียวกันคนที่อยู่ด้านหลังกลีบดอกไม้ก็มองไม่เห็นเหตุการณ์ภายนอกเช่นกันนะสิ!

เมื่อคิดได้ดังนั้นหนานกงอ๋าวก็ตวัดสายตามุ่งร้าย ชักดาบออกมาแทงเข้าไปที่ใจกลางของดอกไม้นั้น

“ฉึก——”

ในตอนนั้นเองเสียงสบถของหญิงสาวดังขึ้น กลีบดอกไม้นั้นแตกออกเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายไปทั่ว

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ทำเอาหนานกงอ๋าวต้องพยายามเป็นอย่างมากที่จะหยัดยืนต่อไปให้จงได้ เพราะร่างของเขาถอยร่นไปด้านหลังอย่างรุนแรง เพื่อหลบหลีกไปอีกด้าน

“พลิ้ว——”

เศษของกลีบดอกไม้แตกเป็นเสี่ยงๆร่วงหล่นลงบนพื้นดิน บนพื้นหญ้า และร่วงหล่นลงในสระน้ำ ไม่นาน พื้นหญ้าก็กลับกลายเป็นสีเหลือง ปลาในสระก็หงายท้องลอยคลอพากันตาย

สำหรับจักรพรรดิอาวุโสที่ยังเป็นๆอยู่เมื่อครู่ บัดนี้กลับกลายเป็นสี่ศพที่มีสีน้ำเงินเข้มนอนตายอยู่บนพื้นไปเสียแล้ว

บนร่างของพวกเขายังมีร่องรอยบาดแผลเล็กๆที่ยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่ทว่าเลือดนั้นกลับไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีน้ำเงิน!

พิษชนิดนี้น่ากลัวยิ่งนัก!

หนานกงอ๋าวรู้สึกหวาดกลัวจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่เคยพบเห็นพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน

สาวน้อยผู้นี้เป็นใครกันแน่?

วินาทีนั้น หนานกงอ๋าวล้มเลิกการเดาก่อนหน้านี้ของตนเองอย่างสิ้นเชิง

หลัวอวี่สถานที่ๆยากจนข้นแค้นล้าหลังเช่นนั้น ไม่มีทางที่จะมีหมอที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ได้ นางจะต้องเป็นชาวอู๋โยวอย่างแน่นอน!

ซึ่งคนที่ใช้พิษได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เห็นทีบนแผ่นดินอู๋โยวคงจะมีเพียงแค่ตันขวาเท่านั้นที่พอจะเทียบเทียมได้

‘ตันขวา?’ เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานกงอ๋าวก็คาดไม่ถึง

‘นางคงจะไม่ใช่ชาวตันขวาหรอกใช่ไหม?’

หนานกงอ๋าวที่แต่ไหนแต่ไรมามักที่จะวางแผนเล่นสกปรกมาโดยตลอด ตอนนี้กลับต้องมาเจออวี้เฟยเยียนใช้พิษเล่นงานเข้าให้ จึงคิดถึงชาวตันขวาที่เชี่ยวชาญการใช้พิษขึ้นมาในทันที

อีกทั้งในตอนนี้ผู้เฒ่าแห่งตันขวาตี้อู่หยวนก็พำนักเป็นแขกอยู่ในจวนสกุลหนานกง มีเพียงเขาที่รู้ว่าหนานกงจื่อหลิงตายแล้ว หรือว่าตันขวาต้องการที่จะจับปลาในน้ำขุ่น?

“หนานกงอ๋าว ออกมาเสียดีๆ!” อวี้เฟยเยียนขี่อยู่บนหลังหานจื่อ ตาก็จ้องมองไปที่ด้านหลังหุบเขาจำลอง

แม้ว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นตำแหน่งที่ตนเองหลบซ่อนตัวอยู่ก็ตามที แต่หนานกงอ๋าวก็ไม่มีท่าทีลนลานแม้แต่น้อย

“แม่นางเสี่ยวอวี้ เจ้าต้องการเป็นปฏิปักษ์กับสกุลหนานกงจริงหรือ?!” หนานกงอ๋าวค่อยๆขยับตัวอย่างช้า เพื่อถ่วงเวลา

“เหอะ ใช่แล้วเป็นอย่างไร?!”

อวี้เฟยเยียนไม่รอให้หนานกงอ๋าวมีโอกาสได้ตั้งตัว นางแตะที่ศีรษะของหานจื่อ ทันใดนั้นหานจื่อก็กระโจนพุ่งเข้าใส่หน้าผาจำลองทันที

ปึ่ง!

หินก้อนหนึ่งถูกหานจื่อกระโจนเข้าใส่จนแตก หนานกงอ๋าวจึงอาศัยจังหวะนั้นมุดเข้าไปในช่องถ้ำ สักพักก็เกิดเสียง ‘ตึ่ง’ ดังสนั่น แล้วทุกอย่างก็สงบลง หนานกงอ๋าวหายตัวไปเสียแล้ว!

“แม่นางน้อย ไอ้สารเลวนั่นมันมุดหนีลงไปใต้ดินแล้ว!” หานจื่อใช้จมูกดมกลิ่น พร้อมกับใช้อุ้งมือของมันตะกุยพื้นไปด้วย

“หนานกงเหล่าฉู่ (เหล่าฉู่ แปลว่า หนู) ไสหัวออกมาแล้วมาสู้กับข้าให้รู้เรื่อง!”

ที่แท้แล้ว ที่พื้นของจวนสกุลหนานกงมีค่ายกลอยู่ ดังนั้นหนานกงอ๋าวจึงได้มุดพื้นหลบหนีไปได้

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดสกุลหนานกงถึงได้ตกต่ำลงเรื่อยๆ

ผู้นำตระกูล เป็นสิ่งตัดสินความรุ่งเรืองหรือตกต่ำของตระกูลได้เป็นอย่างดีทีเดียว หนานกงอ๋าวไม่เพียงแต่ต่ำช้าไร้ซึ่งความละอาย ทั้งยังขี้ขลาดรักตัวกลัวตาย แม้แต่ความกล้าหาญที่จะออกมาต่อสู้ยังไม่มีเลยสักนิด เขาถือเป็นจุดล้มเหลวสำหรับสกุลหนานกง!

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ในตอนนั้นเอง ซย่าโหวฉิงเทียน เสิ่นถูเลี่ย อาหู ตี้อู่หยวนและหนานกงเช่อก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง

“ฉิงเทียน…”

เพียงแค่เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเข้ามา อวี้เฟยเยียนราวกับได้พบกับใจของตนเองก็ไม่ปาน ความดื้อรั้นและแข็งแกร่งเมื่อครู่กลายเป็นน้ำตาเม็ดโตหยดแหมะอาบแก้มนวล

“หลิงเอ๋อร์ตายแล้ว ฉิงเทียน หลิงเอ๋อร์ตายแล้ว!” นางโผลเข้าหาอ้อมกอดของซย่าโหวฉิงเทียนร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

สิ่งที่อวี้เฟยเยียนบอกกล่าว ทำให้มือของซย่าโหวฉิงเทียนที่กำลังโอบประคองนางอยู่นั้นแข็งกร้าวขึ้นมา

ทว่าหนานกงเช่อที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป

เมื่อครู่ในขณะที่เขากำลังรับรองซย่าโหวฉิงเทียนและเสิ่นถูเลี่ยนั้น จู่ๆก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น และทิศทางของเสียงก็ดังมาจากเรือนของหนานกงจื่อหลิง

นั่นทำให้หนานกงเช่อแทบนั่งไม่ติด “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

แต่ทว่า ไม่ต้องรอให้หนานกงเช่อได้พูดอะไร ซย่าโหวฉิงเทียนก็พุ่งตัวเข้าออกมาจากห้องรับรองเสียแล้ว และเมื่อเข้ามาในเรือนของหนานกงจื่อหลิงแล้วเห็นสภาพเศษซากหน้าผาจำลองที่เละเทะย่อยยับ หนานกงเช่อก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมาในทันที

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท