จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 131-3 ผู้ลอบโจมตีที่ต่ำช้า
คำพูดของอวี้เฟยเยียนทำให้เสิ่นถูเลี่ยถึงกับอึ้งกิมกี่ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมายกใหญ่
“เสี่ยวอวี้ เจ้านี่คิดมากเกินไปแล้ว!”
“หากว่าวันหนึ่ง เจ้าสำเร็จเป็นราชา กลายเป็นเทพ มีอายุยืนยาวมากๆ เจ้าจะทำอย่างไร?”
ราชา? เทพ?
อวี้เฟยเยียนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน หากว่าเป็นอย่างที่เสิ่นถูเลี่ยว่าเอาไว้ นางสำเร็จถึงขั้นสูงสุด บางทีในตอนนั้นนางอาจจะมองทะลุปรุโปร่งในความจอมปลอมของโลกโลกีย์แห่งนี้ไปแล้วก็ได้ อาจจะไม่มีความกังวลกลัดกลุ้มเฉกเช่นธรรมดาอีกต่อไป!
ขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังพูดคุยกับเสิ่นถูเลี่ยอยู่นั่นเอง หนานกงซีรั่วที่เดิมทีนั่งคุกเข่าอยู่ก็กระโดดทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูก็ไม่ปานตรงดิ่งเข้าหาอวี้เฟยเยียน
สีหน้าของนางชั่วร้าย นางโคจรพลังเปล่งแสงสีแดงไปที่มือซ้าย หมายที่หน้าอกของอวี้เฟยเยียน
“ตายเสียเถอะ!” น้ำเสียงของหนานกงซีรั่วบาดหู
“แม่นางน้อย!”
หานจื่อโผลเข้าไปหมายจะคว้าตัวหนานกงซีรั่ว แต่ทว่ามันกลับเอื้อมสัมผัสถึงเพียงปลายชายเสื้อของนางเท่านั้น
หนานกงซีรั่วพุ่งเข้ามาอย่างฉันพลัน จะหลบก็หลบไม่พ้น เสิ่นถูเลี่ยจึงกระชากอวี้เฟยเยียนให้มาหลบหลังตน แล้วใช้ตัวเองกำบังให้กับนาง
“คุณชายใหญ่!” อาหูเห็นเหตุการณ์นั้นก็ร้องตะโกนขึ้นราวกับจะขาดใจ
วินาทีที่หนานกงซีรั่วเกือบจะถึงตัวเสิ่นถูเลี่ยนั้น ร่างที่มีลำแสงสีม่วงล้อมรอบก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า จับมือซ้ายของหนานกงซีรั่วเอาไว้แล้วหักมันทิ้งเสีย
“พลั๊วะ” ฝ่ามือของซย่าโหวฉิงเทียนฟาดเข้าที่กลางอกของหนานกงซีรั่ว พร้อมกับใช้เท้าถีบนางจนร่างของหนานกงซีรั่วกระเด็นปลิวออกไปไกล
“อึก——”
หนานกงซีรั่วกระเด็นออกไปราวกับว่าวขาดลอยลมก็ไม่ปาน สุดท้ายกระแทกเข้ากับผาหินจำลองที่แตกร้าวอย่างรุนแรง เศษแหลมคอมของผาจำลองแทงจากแผ่นหลังทะลุท้องด้านหน้า ปักคาอยู่บนร่างของหนานกงซีรั่ว
“ติ่ง! ติ่ง!” ที่ปลายแหลมของหน้าผาจำลองเลือดสดๆกำลังไหลจากมันหยดลงบนพื้น
ดวงเลือดที่ท้องของหนานกงซีรั่วขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
“แมวน้อย เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!” ซย่าโหวฉิงเทียนรั้งอวี้เฟยเยียนเข้ามาหาแล้วมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ภาพเมื่อครู่ ทำให้เขาหวาดกลัว หวาดกลัวเสียจนหัวใจแทบจะหยุดหายใจ
“ข้าไม่เป็นไร——”
อวี้เฟยเยียนซุกกายเข้าหาอ้อมอกอันอบอุ่นของซย่าโหวฉิงเทียน สดับฟังเสียงหัวใจของเขา
เมื่อครู่ อวี้เฟยเยียนได้ประจักษ์ถึงพลังของเทพอาวุโสแล้ว แม้ว่าหนานกงซีรั่วจะบาดเจ็บ แต่พลังของนางก็ยังมิอาจมองข้ามได้
หากมิใช่ซย่าโหวฉิงเทียนมาได้ทันเวลาละก็ ไม่เพียงแต่เสิ่นถูเลี่ย แม้แต่อวี้เฟยเยียนที่อยู่ด้านหลังก็อาจจะถูกลูกหลงไปด้วย
แม้ว่านางจะสำเร็จถึงขั้นจอมปราชญ์อาวุโสแล้ว ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดหากเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
แต่ว่า หากนางต้องเผชิญหน้ากับเทพอาวุโสละ? นางจะทำอย่างไร? นางจะคอยหวังแต่จะพึ่งพาซย่าโหวฉิงเทียนไปทุกเรื่องได้อย่างไรกัน!
ไหนบอกว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงของซย่าโหวฉิงเทียน นางจะต้องพยายามให้มากๆ!
มองภาพหนุ่มหล่อสาวสวยกำลังโอบกอดกันที่เบื้องหน้าแล้ว เสิ่นถูเลี่ยก็ได้แต่ยิ้มขมขื่น
เสิ่นถูเลี่ยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดเมื่อครู่เขาถึงได้กระทำการเช่นนั้นลงไป ราวกับว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองปกติของร่างกาย
เพียงแต่ว่า มันออกจะ…เกินไปเสียหน่อยเท่านั้นเอง!
ซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ทั้งคน เขาจะปล่อยให้อวี้เฟยเยียนบาดเจ็บได้อย่างไรกัน!
“เสี่ยวเลี่ยเลี่ย!”
หานจื่อเดินเข้ามาหาเสิ่นถูเลี่ยใช้หัวของมันดุนดันฝ่ามือของเสิ่นถูเลี่ย
“เมื่อครู่เจ้าทำได้ดีทีเดียว! สมเป็นลูกผู้ชาย!”
หานจื่อได้ถือว่าเสิ่นถูเลี่ยเป็นเพื่อนของมันไปเรียบร้อยแล้ว เขาเป็นคนมีคุณธรรมเช่นนี้ หานจื่อชื่นชมเขามากทีเดียว!
“ขอบคุณเจ้าด้วย!” ซย่าโหวฉิงเทียนผละออกจากอวี้เฟยเยียน แล้วเดินเข้าไปหาเสิ่นถูเลี่ย
“เมื่อครู่ขอบคุณเจ้ามาก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ดีว่าจอมปราชญ์อาวุโสขณะที่เผชิญหน้าเทพอาวุ ยังต้องตกที่นั่งลำบากถึงเพียงใด หากว่าฝ่ามือเมื่อครู่โดนอวี้เฟยเยียนละก็ นางจะต้องอวัยวะภายในแหลกเหลวชีพจรขาดสะบั้นถึงตายทันทีอย่างแน่นอน
ต่อให้มีเสิ่นถูเลี่ยที่สำเร็จถึงขั้นจักรพรรดิอาวุโสขั้นปลายขวางอยู่ด้านหน้าก็ตามที แต่เขาก็ไม่สามารถทานทนรับฝ่ามือของหนานกงซีรั่วที่ใช้พลังทั้งหมดนั่นได้อยู่ดี ทว่าเสิ่นถูเลี่ยกลับยังเลือกที่จะกำบังอวี้เฟยเยียนเอาไว้โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเลี่ย ขอบคุณนะ!” อวี้เฟยเยียนมองมาที่เสิ่นถูเลี่ยด้วยความซาบซึ้งใจ
ทั้งๆที่เป็นสหายที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เสิ่นถูเลี่ยกลับมีน้ำใจถึงเพียงนี้ หายากยิ่งนัก
“เมื่อครู่มันอัตรายมากนะ คราวหน้า…อย่าทำเช่นนี้อีกเลย!”
เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย หากว่าเสิ่นถูเลี่ยต้องบาดเจ็บเพราะนาง นางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
แววตาเป็นกังวลและหวาดกลัวของอวี้เฟยเยียน เสิ่นถูเลี่ยประจักษ์ด้วยตาอย่างชัดเจน
เขารู้ดีว่านางมิได้เกรงกลัวหนานกงซีรั่ว แต่นางเป็นห่วงเกรงว่าเขาจะเกิดเรื่องต่างหาก ซึ่งเสิ่นถูเลี่ยก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เผยให้เห็นฟันเขี้ยวที่ขาวสะอาดของเขา
“ขอบคุณอะไรกันเล่า! เห็นข้าเป็นคนนอกไปได้! เกิดเรื่องขึ้น จะให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายยืนอยู่ด้านหน้าได้อย่างไร มันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลของข้าสอนสั่งมา! อีกอย่าง โชคดีที่ท่านพี่ซย่าโหวมา เพราะจริงๆแล้วข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!”
บรรยากาศที่กำลังอึดอัดเคร่งเครียด ฉับพลันก็ถูกความตลกขบขันของเสิ่นถูเลี่ยทำลายลงไป
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ติดค้างน้ำใจเจ้า!”
ประโยคนี้ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น
อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อครู่เสิ่นถูเลี่ยก็ปกป้องอวี้เฟยเยียนเอาไว้ น้ำใจนี้เขาจะจดจำเอาไว้
“ฮ่าๆ!” เสิ่นถูเลี่ยเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าออก พลันใบหน้าก็กลายเป็นแมวจอมมอมแมมไปทันที
“ข้าชอบฟังประโยคนี้! น้ำใจของเทพอาวุโสล้ำค่าและได้มาอย่างยากเย็น ภายหน้าหากว่าข้าพบปัญหาละก็ ข้าจะมาขอให้ท่านช่วยอย่างแน่นอน!”
“ตกลงตามนี้!” ซย่าโหวฉิงเทียนพยักหน้ารับ แล้วเดินข้าไปหาหนานกงซีรั่ว หนานกงซีรั่วเบิ่งตาค้างดวงตาไร้แววแหงนหน้ามองฟ้า
‘นางจะมาตายอย่างนี้ละหรือ?’
หนานกงซีรั่วดวงตาขุ่นมัวมากขึ้นเรื่อยๆ นางอ้าปาก ทว่ากลับเปล่งเสียงไม่ออก
“เจ้า สมควรตาย!” ซย่าโหวฉิงเทียนแบมือพลันก็เกิดลูกไฟสีม่วงขึ้นบนฝ่ามือ มันดูดหนานกงซีรั่วเข้าไปแล้วแผดเผานาง
“อ๊าก!”
หนานกงซีรั่วที่เดิมทีเปล่งเสียงใดๆไม่ออก ถึงกับกรีดร้องด้วยน้ำเสียงโหยหวนน่าอเนจอนาถยิ่งนัก
กล้าคิดร้ายกับแมวน้อย?
ข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!
น่า น่ากลัวเหลือเกิน…รับรู้ได้ถึงความคลั่งแค้นโกรธเคืองที่แผ่ซ่านออกมาจากชายชุดสีม่วง อาหูถึงกับ สั่นสะท้านจนฟันกระทบกัน ‘กึกกึก’ นั่นคืออะไรกัน? แปลกพิลึกยิ่งนัก!
ยังไม่ทันที่อาหูจะกระจ่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างของหนานกงซีรั่วก็หายไปเสียแล้ว
คนทั้งคน จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?
แม้เจ้า น่ากลัวเหลือเกิน!
เสิ่นถูเลี่ยได้เห็นภาพนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น เขาก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เสิ่นถูเลี่ยมั่นใจได้นั่นก็คือ ซย่าโหวฉิงเทียนคือผู้ที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวมากจริงๆ
คนเช่นนี้ ต่อให้ไม่สามารถเป็นสหายกันได้ ก็อย่าริอาจไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเขาเด็ดขาด
มิฉะนั้น จะตายอย่างน่าอนาถ
ซึ่งเสิ่นถูเลี่ยโชคดียิ่งนักที่สามารถกลายเป็นเพื่อนกับซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนได้!
“เจ้าปีศาจน้อย!” ในตอนที่พวกของซย่าโหวฉิงเทียนกำลังเก็บกวาดตรวจสอบที่เกิดเหตุว่ามีใครหลุดรอดไปได้หรือไม่อยู่นั้น ฉับพลันหนานกงอ๋าวก็ปรากฏตัวขึ้น ในมือหิ้วหญิงผู้หนึ่งที่ผอมโซเข้ามา
หนานกงอ๋าวเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดด้วยตาของตนเอง
กองทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสกุลหนานกงตายหมดแล้ว แม้แต่บรรพชนเฒ่าก็ตายแล้วเช่นกัน
หนานกงอ๋าวแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลยจริงๆ แต่เขาก็ต้องออกมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอยู่ดี
หลังจากหลบหนีมาได้โดยใช้ทางลับใต้ดินนั้นแล้ว หนานกงอ๋าวก็ตั้งใจไปที่ห้องหนังสือเพื่อค้นหาภาพเหมือนที่โยวเอ๋อร์วาดเอาไว้หลังจากกลับมา ชายหนุ่มที่มีดวงตาและเส้นผมสีดำ มีจุดแดงที่กลางหน้าผาก เป็นหนึ่งในเพื่อนที่หนานกงจื่อหลิงคบหาเมื่อตอนไปอยู่ที่หลัวอวี่
ต่อให้หนานกงอ๋าวเป็นเพียงไอ้โง่คนหนึ่ง ตอนนี้ก็ต้องรู้อย่างแน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือเจ้าปีศาจน้อย!
เขาเพียงแต่เปลี่ยนแปลงรูปโฉม ตบตาหนานกงอ๋าว!
“เจ้าปีศาจน้อย เจ้าดูซิว่า นี่ใครกัน?”
หนานกงอ๋าวดวงตาแดงก่ำ มือข้างหนึ่งของเขาบีบคอซย่าจื่ออวี้ ส่วนอีกข้างหนึ่งจับอาวุธกดไปที่ลำคอของซย่าจื่ออวี้
“นี่คือแม่ของเจ้า!”
กล่าวจบหนานกงอ๋าวก็ใช้มีดแทงเข้าที่ต้นขาของซย่าจื่ออวี้
สกุลหนานกงล่มสลาย ทำให้หนานกงอ๋าวคุ้มคลั่ง!
“ฉึก——”
หนานกงอ๋าวดึงมีดออกมาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นกระโปรงสีขาวสะอาดของซย่าจื่ออวี้ก็ปรากฎรอยเลือดเป็นดวงใหญ่ และค่อยๆขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าปีศาจน้อยหากว่าเจ้าไม่อยากจะเห็นแม่บังเกิดเกล้าของเจ้าต้องตายไปต่อหน้าต่อตาละก็ ทำลายวรยุทธ์ของเจ้าเสีย แล้วเดินเข้ามาหาข้าโดยเร็ว!”
“ไม่ต้องสนใจข้า!” ซย่าจื่ออวี้มีเหงื่อผุดออกมาบริเวณศีรษะมากมาย ขณะที่สายตาก็กำลังมองไปยังซย่าโหวฉิงเทียน
“ฆ่ามัน!”
“แพศยา!” เมื่อเห็นซย่าจื่ออวี้เข้าข้างเจ้าปีศาจน้อย หนานกงอ๋าวก็จ้วงแทงเข้าที่ร่างของนางหลายครั้งติดต่อกันด้วยความแค้นเคือง
แม้ว่าตำแหน่งที่จ้วงแทงจะไม่ใช่ตำแหน่งที่สำคัญ แต่การที่มีดแทงเข้าไปอย่างไรก็ต้องถึงเลือดตกยางออกอยู่แล้ว บาดแผลเล็กใหญ่นับไม่ถ้วนทำให้ซย่าจื่ออวี้เจ็บปวดแสนสาหัส ยิ่งกว่านั้นนางเคยถูกคุมขังที่คุกใต้ดินมาเป็นเวลานาน ร่างกายอ่อนแอจนแทบจะสิ้นลม แล้วจะทนรับกับการทรมานถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเกิดความฉงนสงสัย
ซย่าจื่ออวี้มิใช่เห็นว่าเขาคือความอัปยศของนาง ต้องการให้เขาตายมิใช่หรือ?
แล้วตอนนี้ไฉนกลับพูดเช่นนี้ออกมาได้เล่า?
หรือว่าจะเป็นแผนร้าย?
แต่การกระทำของหนานกงอ๋าวไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำนี่นา ยิ่งกว่านั้น บาดแผลนั่นก็ยิ่งไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน…
“เจ้าปีศาจน้อย หากเจ้ายังไม่ทำตามที่ข้าบอกละก็ ข้าจะฆ่าแม่ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะเอาแม่เจ้าไปด้วย! ถึงตอนนั้นผู้คนก็จะครหาว่าเจ้าเนรคุณ ไม่สนใจใยดีความเป็นความตายของพ่อแม่ ข้าจะทำให้เจ้าถูกผู้คนประณามหยามเหยียด!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงไม่ขยับเขยื้อน หนานกงอ๋าวก็จ้วงแทงซย่าจื่ออวี้อีกหลายครั้ง
ไม่นาน ร่างของซย่าจื่ออวี้ก็กลายเป็นมนุษย์โชกเลือด
หนานกงอ๋าวในตอนนี้วิกลจริตบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ จึงไม่อาจใช้ความคิดของคนปกติมาแจกแจงได้
“หยุดนะ!”
และในตอนที่หนานกงอ๋าวเตรียมจะลงมือทรมานซย่าจื่อวี้อีกครั้ง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เรียกเขาเอาไว้เสียก่อน
“หึๆ…” เพื่อป้องกันการลักลอบโจมตีจากซย่าโหวฉิงเทียน หนานกงอ๋าวจึงจ่อมีดไว้ที่ลำคอเรียวระหงของซย่าจื่ออวี้ตลอดเวลา ขอเพียงแต่ซย่าโหวฉิงเทียนเล่นตุกติกแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะฆ่าซย่าจื่ออวี้ทันที
“ไม่ต้องสนใจข้า…”
แม้ว่าความเจ็บปวดทางร่างกายจะแสนสาหัส แต่ซย่าจื่ออวี้ก็ยังพยายามหยุดยั้งซย่าโหวฉิงเทียนสุดชีวิต
“ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า ข้าคือน้าของเจ้า! เจ้ารีบฆ่ามันเสีย! มันคือฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเจ้า!”
คำพูดของซย่าจื่ออวี้เบนความสนใจจากหนานกงอ๋าวได้เป็นอย่างดี
“นังชั้นต่ำ เจ้าจำได้หมดแล้ว?” หนานกงอ๋าวตกตะลึงอย่างที่สุด