จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 135-1 เจ้าปลาน้อยเอ๋ย เจ้าปลายน้อยเอ๋ย มาติดกับเสียดีๆ!
“นายท่าน ผ่อนคลายนะขอรับ!”
มือของตี้อู่เฮ่ออี้เอื้อมมานวดกดบริเวณขมับของสุ่ยเจ๋อซีแผ่วเบา เมื่อสุ่ยเจ๋อซีผ่อนคลายลงอย่างแท้จริงแล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้จึงหยิบเข็มเงินขึ้นมา
“ข้าน้อยจะเริ่มฝังเข็มแล้ว นายท่านไม่สบายตรงไหนก็กล่าวออกมาได้เลยนะขอรับ!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ปากก็กล่าวไปขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้กับเชียนเย่เสวี่ยไปด้วย
เชียนเย่เสวี่ยรู้ในทันทีว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะขโมยกุญแจออกมา นางจึงรีบส่งสัญญาณมือให้กับสุ่ยเยว่เอ๋อร์
สุ่ยเยว่เอ๋อร์นึกไม่ถึงเลยว่าบิดาของนางจะเชื่อใจตี้อู่เฮ่ออี้ถึงเพียงนี้ พวกเขาทั้งสองมีวิธีจริงๆด้วย!
จนกระทั่งตี้อู่เฮ่ออี้ปักเข็มเงินลงที่กลางศีรษะของสุ่ยเจ๋อซีนั้น เขาก็ถึงกับขยับปากด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอะไรขอรับ? เจ็บหรือเปล่า?” มือของตี้อู่เฮ่ออี้เย็นยะเยือก
“เจ็บนั่นก็หมายความว่ายังสามารถรักษาได้! หากว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลยต่างหากนั่นแหละที่จะเป็นปัญหาใหญ่!”
“จริงหรือ…”
สุ่ยเจ๋อซีแค่ได้ยินว่ายังมีทางรักษา ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
มีเรื่องส่วนตัวบางเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้คนข้างๆได้รับรู้ ดังนั้นจึงไล่ให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์และคนอื่นๆทั้งหมดออกไป คงเหลือเพียงตี้อู่เฮ่ออี้เอาไว้
“ท่านหมอเทวดาเหอ ท่านรู้หรือไม่ว่า แม้ว่ามองภายนอกข้าจะเป็นถึงประมุขของบ้าน ยิ่งใหญ่มีสง่าราศี แต่ในใจของข้ากลับเป็นทุกข์ยิ่งนัก!”
สุ่ยเจ๋อซีรู้สึกว่าตี้อู่เฮ่ออี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนจิตใจสงบลง
ทั้งอีกฝ่ายก็เป็นหมอประจำตระกูลสุ่ย ถือเป็นคนกันเอง สุ่ยเจ๋อวีจึงมิได้ปิดบังอีกต่อไป
“สิ่งที่นายท่านพูดมาข้าเข้าใจดีทุกอย่าง! ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องรักษานายท่านให้หายให้จงได้!”
ว่าแล้วตี้อู่เฮ่ออี้เริ่มอธิบายอาการป่วยนี้จากมุมมองของความเป็นแพทย์
เมื่อได้กล่าวถึงความรู้ทางการแพทย์ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เริ่มกลายเป็นคนช่างพูดขึ้นมาในทันที เขาพูดตลอดเวลาไม่หยุดปาก เพียงแค่ได้อ้าปากก็จะเอ่ยถึงความรู้เฉพาะทาง ทางการแพทย์ไม่หยุด ทำเอาสุ่ยเจ๋อซีที่ได้ฟังถึงกับตกตะลึงอึ้งกิมกี่ไปในทันที สุดท้ายสุ่ยเจ๋อซีจึงยิ่งมั่นใจว่า ตี้อู่เฮ่ออี้คือหมอที่มีความรู้สูงส่ง และคิดว่าตนเองมองคนไม่ผิดแน่แล้ว
“ท่านไม่รู้อะไร ข้ายังมีน้องสาวอีกคน แม้ว่านางจะอายุยังน้อย ไม่เกินสิบหกปีเท่านั้น แต่วิชาแพทย์ของนางสูงส่งกว่าข้ามากนัก! แม้แต่บิดาของข้ายังเอ่ยชื่นชมนางว่าเป็นผู้มีความสามารถ!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เอ่ยถึงอวี้เฟยเยียนขึ้นมา ทั้งยังกล่าวชมเชยนางไม่หยุดปาก
“หากว่าน้องสาวของข้าอยู่ที่นี่ พวกเราช่วยกันรักษาท่าน ก็คงจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมากเท่าไหร่ ทว่าผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเสียยิ่งกว่าคุ้มอย่างแน่นอน!”
สาเหตุที่ตี้อู่เฮ่ออี้เอ่ยถึงอวี้เฟยเหยียนขึ้นมานั้น ก็เพราะเขาพบว่าจวนสกุลสุ่ยมีการรักษาการณ์ที่แน่นหนาเข้มงวดยิ่งนัก ดังนั้นนกหวีดที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบให้เขาเอาไว้จึงใช้ไม่ได้ผล
ต่อให้เรียกพิราบสื่อสารเข้ามาได้ คิดว่ายังไม่ทันที่มันจะบินลงมาก็คงถูกธนูยิงตายไปก่อนแล้ว ซึ่งการที่ติดต่อซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนไม่ได้ ทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้ร้อนใจอย่างที่สุด
เมื่อได้ยินตี้อู่เฮ่ออี้เอ่ยถึงน้องสาวที่มีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตนเองอีกขึ้นมา สุ่ยเจ๋อซีผุดลุกขึ้นทันทีโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังฝังเข็มให้กับตนเองอยู่แต่อย่างใด
“ท่านหมอเทวดาเหอ ท่านพูดจริงหรือ?”
“แน่นอนขอรับ!”
ตี้อู่เฮ่ออี้มีรูปลักษณ์ภายนอกท่าทางโง่ทึ่มๆ ใบหน้าเป็นมิตรไม่มีพิษมีภัยใดๆ บวกกับสุ่ยเจ๋อซีกำลังต้องการหมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่ง แน่นอนว่าย่อมไม่สงสัยอะไรอยู่แล้ว
“แล้วน้องสาวของท่านอยู่ที่ไหนกัน?”
ปัญหาเรื่องการมีบุตรรบกวนจิตใจของสุ่ยเจ๋อซีมายี่สิบกว่าปี หากว่าเขายังไม่มีลูกอีกละก็ ไม่แน่ว่าตำแหน่งประมุขของตระกูลคนต่อไปอาจต้องยกให้กับลูกชายของน้องชายไป ซึ่งสุ่ยเจ๋อซีไม่ยินยอม
“ข้าไม่รู้——” ตี้อู่เฮ่ออี้ยิ้มเหือดแห้ง
“พวกเราพลัดหลงกัน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องสาวของข้าอยู่ที่ไหน”
คราวนี้ทำเอาสุ่ยเจ๋อซีร้อนใจยิ่งนัก!
‘ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เขาจะทำเสียงเรื่องไม่ได้เด็ดขาด!’
‘ข้าจะมีลูกได้หรือไม่เห็นทีว่าต้องพึ่งพาพวกเจ้าสองพี่น้องแล้ว!’
“ชะ เช่นนั้นพวกเจ้ามีวิธีการติดต่อกันหรือไม่?” สุ่ยเจ๋อซียังมีเข็มเงินปักอยู่กลางศีรษะ สีหน้าของเขาจึงเหยเกดูราวกับคนท้องผูกก็ไม่ปาน
“น้องเขยของข้ามอบสิ่งที่สามารถเรียกพิราบสื่อสารออกมาได้ เพียงแต่ข้า ใช้มันไม่ค่อยเป็นก็เท่านั้น!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ยิ้มท่าทางใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งยังยักไหล่อย่างจนใจอีกด้วย
“พิราบสื่อสาร?!” เมื่อสุ่ยเจ๋อซีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา
“ข้าจะสอนเจ้าเอง! พิราบสื่อสารคือสิ่งที่ใช้ส่งสาส์น หรือก็คือนกพิราบที่ส่งสารนั่นเอง! ขอเพียงแต่เรียกพิราบสื่อสารของเจ้ามาได้แล้วยัดสาส์นของเจ้าใส่เอาไว้ในกระบอกไม้ไผ่เล็กๆที่ปลายเท้าของมัน มันก็จะสามารถตามหาน้องสาวของเจ้าเจอเพื่อส่งสาส์นให้กับนาง!”
ในตอนนี้สุ่ยเจ๋อซีรู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวน้องเขยของตี้อู่เฮ่ออี้ยิ่งนัก
พิราบสื่อสาร นกเทพตัวนี้ไม่ใช่สัตว์ที่คนธรรมดาจะสามารถฝึกฝนได้!
สุ่ยเจ๋อซีเองก็อยากที่จะมีพิราบสื่อสารเป็นตัวเองสักตัว แต่เขากลับไม่มีความสามารถนั้น
ก่อนหน้านี้สุ่ยเจ๋อซียังเคยฝืนจับพิราบสื่อสารมาตัวหนึ่ง ผลก็คือไอ้นกสมควรตายผู้นั้นจิกเขาพรุนไปทั้งตัวเลือดไหลทั่วร่างไม่หยุด จนสุดท้ายเขาต้องฆ่ามันทิ้งเสีย
ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมีพิราบสื่อสาร ทว่ากลับใช้มันไม่เป็น ช่างเป็นสิ่งที่ล้ำค่าหายากยิ่ง!
“จริงหรือ? ที่แท้มันก็ง่ายดายเพียงนี้เอง! นายท่าน ท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก! เช่นนั้นข้าจะลองดู!”
ตี้อู่เฮ่ออี้รีบหยิบนกหวีดออกมาเป่า เวลาผ่านไปไม่นาน บนท้องฟ้าก็ปรากฏนกสีเขียวน้ำเงินตัวหนึ่ง บินวนอยู่บนท้องฟ้า
“พิราบสื่อสาร! เมื่อได้เห็นนกตัวนนั้น” สุ่ยเจ๋อซีก็ร้องตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ช้าก่อน! ทหาร ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ห้ามทำร้ายพิราบตัวนี้เด็ดขาด ปล่อยให้มันเข้ามา”
เมื่อสุ่ยเจ๋อซีสั่งการลงไป กำดักของสกุลสุ่ยก็ถูกปลดลง พิราบสื่อสารจึงสามารถบินเข้ามายังเรือนของสุ่ยเยว่ได้
พิราบสื่อสารจริงๆด้วย! สุ่ยเจ๋อซีที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองพิราบสื่อสารด้วยสายตาละโมบ
‘ทำไมถึงไม่มีใครมอบพิราบสื่อสารให้เขาเช่นนี้บ้างนะ!’
ใครๆต่างก็บอกว่า พิราบคือนกที่เย่อหยิ่งที่สุด คือเจ้าเวหา คือนกที่ไม่มีวันยอมสยบเป็นเชลยให้กับมนุษย์ แต่เพราะอะไรมันถึงเกาะอยู่บนไหล่ของเชียนเย่เสวี่ยได้โดยเชื่อง?
“ท่านหมอเทวดา ท่านรีบติดต่อกับน้องสาวของท่านเถิด! อาการป่วยของข้าต้องพึ่งพาพวกท่านแล้ว!”
เข็มเงินทั้งหกเล่มที่ปักอยู่บนศีรษะของสุ่ยเจ๋อซีกวัดแกว่งไปมา น่าหวาดเสียวยิ่งนัก
“นายท่านโปรดวางใจ!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ต้องการพู่กันและน้ำหมึกเพื่อมาเขียนจดหมาย
ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อความในจดหมาย ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ได้เขียนสรรเสริญเยินยอว่าสกุลสุ่ยมีคุณธรรมอย่างไร ใจคอกว้างขวางอย่างไร ต้อนรับขับสู้แขกได้ดีและให้ความสำคัญกับผู้มีความสามารถอย่างไรบ้าง เรียกว่าตั้งแต่ต้นจนจบเยินยอสกุลสุ่ยไปเสียชุดใหญ่ ค่อยปิดท้ายด้วยการที่ตี้อู่เฮ่ออี้เขียนบอกกับน้องสาวและน้องเขยให้รีบมาหาตนที่บ้านสกุลสุ่ยเร็วที่สุด
และในขณะที่เขียนจดหมายฉบับนี้นั้นตี้อู่เฮ่ออี้มิได้ปิดบังแม้แต่น้อย ดังนั้นสุ่ยเจ๋อซีจึงสามารถมองเห็นเนื้อความในจดหมายได้อย่างชัดเจน และเมื่อเห็นข้อความสรรเสริญเยินยอไพเราะเพราะพริ้งเหล่านั้นแล้ว ก็ทำให้สุ่ยเจ๋อซีก็ปลาบปลื้มยิ่งนัก!
แต่ทว่าเขาก็ยังเอ่ยขึ้นด้วยวาจาอ่อนน้อมถ่อมตน
“ท่านหมอเทวดา ท่านเขียนเช่นนี้ ข้ามิกล้ารับเลย!”
“นายท่าน ข้าพูดไปตามความจริงนี่นา!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ยังทำเป็น ‘มองไม่เห็น’ การเสแสร้งแกล้งทำของสุ่ยเจ๋อซี
“ข้านั้นเป็นคนซื่อตรง พูดแต่ความจริงมาโดยตลอด! นี่ข้าก็เพียงแต่อยากให้น้องสาวและน้องเขยรับรู้ว่านายท่านดีเพียงใดก็เท่านั้นเอง!”
“ใช่ๆ ข้าเป็นคนดีคนหนึ่ง! จุดนี้ ข้าขอน้อมรับ” สุ่ยเจ๋อซีกล่าวแล้วก็หัวเราะออกมา
ในความคิดของเขา สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นความจริง เพราะเขาก็ประเมินตัวเองอย่างนี้เช่นกัน